xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

เมื่ออิสราเอล...อาจถูกลบไปจากแผนที่!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องแวะไปเยี่ยม แวะไปดูอาการ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” ของคุณพ่ออเมริกา คือคุณทวดอิสราเอลกันหน่อยแล้วล่ะทั่น!!! เพราะน่าจะหนักหนา-สาหัส ระดับเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ ยิ่งกว่าบ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เรียกว่า...ขนาดแค่ 4 ปีที่ผ่านมา ต้องเคี่ยวเข็ญติ่งโน่น ติ่งนี่ ด้อมโน่น ด้อมนี่ ให้ออกไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกันมาแล้วถึง 5 ครั้งซ้อนๆ แถมยังไม่ยอมคิดโง่ๆ!!! แบบประเภทรอให้รัฐบาลรักษาการต่อไปอีก 10 เดือน แล้วถึงค่อยโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกฯ หรือแบบต้อง “หน้าด้านกว่า..เพื่อสู้กับคนหน้าด้าน” อะไรประมาณนั้น อะไรต่อมิอะไรมันเลยระเบิดเถิดเทิง ปั่นป่วน ระส่ำระสาย ไปแทบทั่วทั้งประเทศ...

คือสรุปง่ายๆ ว่า...ผู้คนกว่า “ครึ่งประเทศ” เข้าไปแล้ว ที่เชื่อๆ ว่ามันน่าใกล้ถึงจุด “สงครามกลางเมือง” เต็มที อันนี้...ถ้าว่ากันตามผลสำรวจ ผลวิจัย ความคิด-ความเห็นของโทรทัศน์อิสราเอล ช่อง 13 ที่เพิ่งนำมาสรุปให้เห็นเมื่อช่วงวันพุธ (26 ก.ค.) ที่ผ่านมา หรือประมาณ 56 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย และอาจไม่ใช่แค่สงครามกลางเมืองทั่วๆ ไป แต่มีสิทธิ์หนักหนา-สาหัสถึงขั้น “A real civil war” ดังที่ประธานาธิบดีอิสราเอลเอง “นายIsaac Herzog” ท่านเคยออกมาเตือนๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้าเมื่อไม่นานมานี้ ชนิดใครที่ไหวตัวทัน ว่ากันว่า...ต่างเผ่นไปอยู่ต่างประเทศกันเป็นสายๆ ส่วนที่ยังคงยืนหยัด ยืนยัน อยู่ในประเทศ ก็ออกเดินขบวน ลงถนน อย่างชนิดต่อเนื่อง แน่นขนัด ไม่ได้โหรงๆ เหรงๆ โหวงเหวงๆ แบบพวก “ม็อบส้ม” บ้านเราเอาเลยแม้แต่น้อย ฮือออกมากันทีละเป็นแสนๆ แม้จำนวนประชากรทั้งมวลจะมีอยู่แค่เกือบ 10 ล้านคน 10 ล้านเสียงเท่านั้นเอง แถมไม่ได้กระจุกอยู่ในเมืองใด-เมืองหนึ่ง แต่ขยายตัว ลุกลาม ไม่ว่าใน Tel Aviv, Jerusalem, West al-Quds, Beersheva, Herzliya, Kfar Saba ฯลฯ ต่างลุกฮือขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลาให้ “แดดดี้” ออกไปชี้แนะ ชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น...

แม้แต่ทหารประจำการ-ไม่ประจำการ นักธุรกิจ นายธนาคาร นักวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงนักศึกษา ประชาชน ฯลฯ ต่างออกมาหนุนช่วย หนุนเนื่อง ประท้วงรัฐบาลนายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” ที่เพียรพยายามผลัก พยายามดัน ให้เกิดการออกกฎหมาย “ปฏิรูปตุลาการ” หรือจำกัดอำนาจของศาลสถิตยุติธรรม ในขณะที่ตัวเองยังพัวพันอยู่กับการขึ้นโรง ขึ้นศาล ในคดีทุจริต ติดสินบน โดยสามารถผ่านกฎหมายวาระแรกไปเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 ก.ค.) ยังเหลือวาระ 2 วาระ 3 ที่ยังต้องยอมหัก-ไม่ยอมงอ หรือยังต้อง “หน้าด้าน” ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ต้องเจอกับการประท้วงกฎหมายดังกล่าว ของบรรดาปวงชนอิสราเอล ยาวนาน-ต่อเนื่อง เกือบ 30 สัปดาห์เข้าไปแล้ว และแม้ว่าสุขภาพ-ร่างกายของตัวเองจะอยู่ในสภาพ “ไปแหล่-มิไปแหล่” ถึงขั้นต้องหามส่งโรงพยาบาล ต้องผ่าตัดยัดเครื่องกระตุ้นหัวใจเข้าช่วย แต่ถึงกระนั้น “Benjamin ลักขณาอดิศร” (ประทานโทษ) “Benjamin Netanyahu” ก็ดูจะไม่ได้คิดลดรา วาศอก ยังคงใส่เกียร์เดินหน้า แม้มหามิตรอย่างคุณพ่ออเมริกา โดยคุณปู่ “โจ ซึมเซา” จะเอ่ยปาก ขอให้ผ่อนสั้น ผ่อนยาว ขอให้สโลดาวน์ กระบวนการเสนอกฏหมายที่ว่า เผื่ออาจพอช่วยให้เกิด “ความปรองดอง-สมานฉันท์” ในสังคมอิสราเอลขึ้นมาได้มั่ง แต่ก็ดูจะไม่เกิดผลแต่อย่างใด นายกฯ อิสราเอลยังคงมุ่งเดินหน้าแก้มาตรา 112 เดินหน้าปฏิรูปกษัตริย์...(ประทานโทษ) ยังคงมุ่งที่จะ “ปฏิรูปตุลาการ” แถมยังออกอาวุธโต้ ถือว่าอิสราเอลเป็นประเทศที่มี “อธิปไตย” เป็นของตัวเอง ไม่ใช่พวก “พรมเช็ดเท้า” อย่างพวกอียู-อีย้วย อะไรทำนองนั้น...

ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันก็เลยเละตุ้มเป๊ะ เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ไปด้วยประการละฉะนี้ และนั่นย่อมทำให้พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาในตะวันออกกลาง ที่ “โดดเดี่ยว” อยู่แล้วตั้งแต่แรก มีแต่ยิ่งโฮม อโลน ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะไม่ใช่แค่บรรดาประเทศโลกอาหรับ ประเทศมุสลิมทั้งหลาย จะตั้งหน้า ตั้งตา ต่อต้าน คัดค้าน การอุบัติขึ้นมาของประเทศอิสราเอลหลังจากถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์มานับพันๆ ปี ตลอดช่วงกว่า 70 ปีที่ผ่านมา มาถึง ณ ขณะนี้...ในระหว่างที่บรรดาประเทศโลกอาหรับ เริ่มหันมาลดความแตกแยก แตกต่าง ชนิดที่ทำให้ “คู่กัด” อย่าง 2 พี่เบิ้มในตะวันออกกลาง อิหร่านและซาอุดีอาระเบีย หันมา “จูบปาก” กันได้อย่างแทบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ส่งผลให้ “ประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์” อย่างคุณพ่ออเมริกา แทบไม่เหลือเพื่อนมิตรติดภูมิภาคแห่งนี้เอาเลยก็เป็นได้ แต่ยิ่งเมื่อต้องเจอกับความปั่นป่วน รวนเรของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล ที่หันมากัดกันเอง ทะเลาะกันเองภายในประเทศ ใกล้ถึงขั้น “สงครามกลางเมือง” เอาง่ายๆ ก็ยิ่งทำให้บทบาท อิทธิพล ของจักรวรรดิอเมริกาในภูมิภาคแห่งนี้ ยิ่งมีแต่ต้องทรุดโทรม เสื่อมโทรม ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้!!!

แถมไม่ใช่แค่การกัดกันเอง ทะเลาะกันเองภายในประเทศ จนทำให้หา “จุดลงตัว” ไม่เจอ หรือต้องเลือกตั้งถึง 5 ครั้งในช่วงเวลาแค่ 4 ปีเท่านั้นเอง แต่ด้วยความพยายามดิ้นรน กระเสือกกระสน เพื่อให้ตัวเองหวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลอีกครั้งให้จงได้ ของ “นายBenjamin Netanyahu” ยังทำให้ต้องไปคว้าเอาพวก “ขวาจัด” หรือพวก “Orthodox” ทั้งหลายเข้ามาผสมปนเปเป็น “พรรครัฐบาล” หนักเสียยิ่งกว่า “พรรคเผาไทย” บ้านเรา ต้องหันไปคว้า “เสี่ยหนู” คว้า “บิ๊กป้อม” เข้ามาผสมปนเปไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่า...ความเป็น “ขวาจัด” หรือเป็น “Orthodox” ของพรรคการเมืองในอิสราเอลนั้น มันเป็นอะไรที่ออกจะ “สุดโต่ง” เอาเรื่องทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด ความเชื่อ ในเรื่องการสร้างความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ให้กับประเทศอิสราเอล ไม่น้อยไปกว่าความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร เมื่อครั้งอดีต หรือการหวนกลับไปสู่ความเป็น “The Greater Israel” ที่มุ่งผนวกรวมดินแดนที่เคยทำ “พันธสัญญา” ไว้กับพระเจ้า ไม่ว่าที่กลายไปเป็นประเทศอียิปต์ จอร์แดน อิรัก ซีเรีย ฯลฯ กลับคืนมาสู่ “อาณาจักรอิสราเอล” ให้จงได้ หรือคิดสร้าง “วิหารแห่งพระเจ้า” ขึ้นมาบนภูเขาวิหารเป็นครั้งที่ 3 แม้ว่าอาจต้องกวาดล้าง ทำลายศาสนสถานอันดับ 3 ของพวกอิสลามหรือมัสยิด “Al-Aqsa” ลงไปด้วยก็ตาม...

ด้วยเหตุนี้...ระหว่างที่ต้องกัดกันเอง ทะเลาะกันเอง อย่างไม่คิดจะเลิก รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติจากพรรค “ขวาจัด” หรือพรรค “Qtzma Yehudit” อย่าง “นายBen Gvir” เลยได้จังหวะ เวลา ถือเอาช่วงเทศกาล “Tisha B’Av” หรือเทศกาลรำลึกถึงครั้งที่ “วิหารแห่งพระเจ้า” ของอิสราเอล เคยถูกกองทัพบาบิโลน กองทัพโรมัน เผาทำลายล้างจนพังพินาศแทบไม่เหลือเศษ เหลือซาก อยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ รวบรวมชาวอิสราเอลประมาณ 2,000 คน บุกขึ้นไปบนภูเขาวิหารหรือบุกไปถึงมัสยิด “Al-Aqsa” ของชาวอิสลาม โดยไม่คิดจะฟังอีร้าค่าอีรมใดๆ เอาเลยแม้แต่นิด ด้วยเหตุผล ข้ออ้าง ที่ว่า “ด้วยเหตุเพราะสถานที่แห่งนี้คือสถานที่สำคัญที่สุดของอิสราเอล ที่ซึ่งเราต้องกลับไปแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจแห่งรัฐ” อันเท่ากับเป็นการยั่วยุ ปลุกกระตุ้น ให้บรรดาชาวมุสลิมทั้งหลายเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน คัดค้าน การกระทำดังกล่าว อย่างชนิดยิ่งมีแต่ยุ่งฉิบหาย-ยุ่งตายโหง ยิ่งขึ้นไปอีก...

ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลอียิปต์ หรือรัฐมนตรีต่างประเทศจอร์แดน “นายSinan Al Majali” ต้องออกมาเอะอะโวยวาย เตือนถึง “ผลลัพธ์” ที่จะเกิดขึ้น หรือเตือนให้อิสราเอลหยุดการกระตุ้น ยั่วยุ ในลักษณะดังกล่าว แต่ทำไงได้!!!...ในเมื่อรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี “Netanyahu” ต่างเต็มไปด้วยพวกที่มีแนวคิด ความเชื่อ ในลักษณะทำนองนี้เต็มพรืดไปหมด การใส่เกียร์เดินหน้าแบบ “สุดโต่ง” ไม่ว่าต่อทั้งปัญหา “ภายใน” และ “ภายนอก” เลยกลายเป็นการ “สร้างปัญหา” และ “เพิ่มปัญหา” ให้กับประเทศอิสราเอล จนทำให้อดนึกถึงคำพูด คำประกาศของอดีตประธานาธิบดีอิหร่าน อย่าง “นายAhmed Ahmadinejad” ที่คิดจะ “ลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่” ขึ้นมามิได้!!!

เพราะครั้งที่อิสราเอลถูกลบออกจากแผนที่คราวแรก...ก็เนื่องมาจากบรรดาชาวยิวด้วยกันเอง เกิดการแตกแยก แบ่งแยกถึงกับต้องแบ่งอาณาจักรออกเป็น 2 ซีก 2 ฝ่าย ระหว่าง “อาณาจักรเยรูซาเล็ม” กับ “อาณาจักรสะมาเรีย” หรือระหว่าง “อิสราเอลเหนือ-อิสราเอลใต้” อะไรประมาณนั้น สุดท้าย...เลยต้องเจอกับกษัตริย์แห่งบาบิโลน ลบประเทศอิสราเอลออกไปจากแผนที่จนได้ หรือคราวที่สอง...ด้วยเหตุเพราะความขัดแย้ง แตกแยก ระหว่างพวกนักบวช “สะดูสี” กับ “ฟาริสี” จนต้องหันไปเชิญกองทัพโรมันให้เข้ามาเล่นงานฝ่ายตรงกันข้าม และสุดท้าย...จักรวรรดิโรมันเลยตัดสินใจลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่ไปเมื่อนับพันๆ ปีที่แล้ว...

ส่วนบรรดาความขัดแย้ง แตกแยก ของลูกหลานชาวยิวคราวนี้ ก็อย่างที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านคนปัจจุบัน “นายNasser Kanaani” ได้สรุปความคิด-ความเห็นต่อความปั่นป่วน ระส่ำระสาย ในอิสราเอลทุกวันนี้ไว้ถึงขั้นว่า...“เป็นวิกฤตที่ฝังลึกลงไปยิ่งกว่าที่หลายคนคาดคิด” หรือไม่ใช่วิกฤตต่อรัฐบาลปัจจุบันแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังลึกลงไปถึงปรัชญา แนวคิด ของพวก “Zionism” อันเป็นอุดมคติรากฐานของการก่อตั้งประเทศอิสราเอลยุคใหม่อีกด้วย อันอาจทำให้บรรดาลูกหลานชาวยิวที่ยังไม่คิดเรียนรู้ถึงความ “รู้-รัก-สามัคคี” ทั้งหลายนั่นเอง...ไม่ใช่ใครอื่น ที่จะกลายเป็นผู้ “ลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่” ด้วยน้ำมือของตัวเอง นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น