"โสภณ องค์การณ์"
“ว่าที่นายกฯ พิธา” เดินออกจากอาคารรัฐสภาในสภาพของคนโดนแขวนตำแหน่ง ส.ส. รอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีถือหุ้นสื่อไอทีวี หลังจากเถียงนอกศาลก่อนนี้
จากนั้นไม่นาน ส.ส. และส.ว. ประชันโหวตว่า ชื่อ “พิธา” ได้สิทธิรับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ ได้อีกรอบหรือไม่ ผลคือการปิดฉาก รูดม่านบทบาทของ “พิธา”
เป็นความพ่ายแพ้ในเกมการเมืองอย่างหมดรูปของพรรคคนรุ่นใหม่จากสภาพที่เป็นต่อ ความคึกคักจากผลการเลือกตั้งมาอันดับ 1 ด้วย 151 เสียง ก็มั่นหมายว่าจะได้อำนาจ การแสดงออกคืนวันเลือกตั้ง ประกาศความเป็น “ว่าที่นายกฯ”
ก่อนหน้านี้ประกาศ “ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะมีคนเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยกับผมก็ตาม” ความเชื่อมั่นต่างจากสภาพ “คอตก” เดินออกจากสภาวันที่ 19 กรกฎาคม 2566
การขับเคลื่อนด้วยการตั้งทีมงานเปลี่ยนผ่าน วาดหวังว่าจะคุมกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ จะจัดการกับองค์กรอำนาจ กลุ่มทุนผูกขาด สร้างศัตรูกับกลุ่มอำนาจ
โดนย้อนเกมโดยพรรคนายห้างดูไบ สกัดไม่ให้ได้เก้าอี้ประธานสภา วืดจากความพยายามคว้าเก้าอี้นายกฯ วันที่ 13 กรกฎาคมแต่ยังดึงดันขอลุ้นต่อ ทั้งที่ยังไม่หายปวดใจ
ถ้าจะวาดภาพให้เห็นชัด “ว่าที่นายกฯ” นั่งรถเข็นเข้าสภา เนื้อตัวมีแต่สายยางน้ำเกลือ ออกซิเจน เครื่องช่วยหายใจ พวกที่เข็นมีคนรุ่นใหม่และพรรคนายห้างดูไบ
“ว่าที่นายกฯ” โดนเสียบครั้งแรกวันที่ 13 กรกฎาคมทั้งตัวพันด้วยผ้าก๊อซมีคราบเลือดเต็ม แต่จำเป็นต้องโดนเข็นเข้าไปอีกรอบเพราะพรรคนายห้างดูไบต้องการให้ปิดเกมโหด
พรรคคนรุ่นใหม่อาจยังเชื่อว่าเป็นความจริงใจ เมื่อได้คะแนนหนุนทุกเม็ด
และก็เป็นไปดังว่าพรรคนายห้างดูไบเสนอชื่อ “พิธา” รู้ทั้งรู้ว่าไม่รอดแน่ แต่พรรคคนรุ่นใหม่อ่อนเกม มีแต่ความยโสโอหังลำพองในอำนาจที่ยังไม่มี
นึกว่า MOU ของ 8 พรรคจะผูกมัดเป็นมิตรภาพแน่นแฟ้น รับประกันว่าไม่มีหักหลัง โดยไม่ยอมรับว่าการเมืองนั้นมีแต่ซ่อนดาบในรอยยิ้ม รอจังหวะชิงโอกาส
ยิ่งกว่าโดนราดด้วยทิงเจอร์คือ 13 ส.ว. ที่เคยสนับสนุน มาไม่ครบ เสียง “เห็นชอบ” แค่ 8 มี 2 “ไม่เห็นชอบ” 2 งดออกเสียง และ 1 ส.ว. ไม่ปรากฎตัว
เป็นบทเรียนอันเจ็บปวดของพรรคคนรุ่นใหม่ ที่ประวัติศาสตร์อาจต้องซ้ำรอย ถ้าคดีอื่นๆ ที่รออยู่นำไปสู่การยุบพรรค แกนนำชุดนี้อาจโดนห้ามเล่นการเมือง 10 ปี ก็ต้องเฟ้นหาแกนนำคนใหม่ หรือรอให้ 3 ศาสดาลัทธิที่โดนศาลแขวนขณะนี้พ้นจากภาวะต้องห้าม 10 ปี ซึ่งเหลืออีกไม่นาน เป็นโอกาสที่ “ตัวจริง” จะฟื้นฟูพรรค
หวังกลับมาแลนด์สไลด์แบบถล่มทลายยิ่งกว่าผลการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม เอาให้ได้เสียงเกินครึ่งของสภา ไม่ต้องง้อพรรคอื่น ไม่มี ส.ว. เป็นก้างขวางคอด้วย
แต่ยังมีเงื่อนไข องค์ประกอบอื่นๆ เช่นพฤติกรรมของม็อบด้อมด้อย จะออกมาป่วนเมืองด้วยแรงแค้นที่ “ว่าที่นายกฯ” ไม่ได้เป็นผู้นำประเทศตามความหวังสูง
และถ้า 3 แกนนำยังมีโอกาสเป็นอิสระ เสรีชน อยู่ในประเทศได้ ไม่มีคดีอาญาโดยพฤติกรรมที่จ้องล้มสถาบันหลัก และแผนหวังร้ายต่อความมั่นคงของแผ่นดิน
ผลร้ายที่เกิดขึ้นกับพรรคคนรุ่นใหม่ไม่เหนือความคาดหมาย มีทั้งกลไกอำนาจ กลุ่มองค์กรต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายการรื้อโครงสร้าง ล้วนเป็นอุปสรรคที่มีอำนาจตามกฎหมาย สกัดเส้นทางสู่อำนาจของพรรคคนด้อมด้อยที่ก้าวร้าว หยาบคาย รุนแรง
ช่วงพิธีกรรมในสภายังว่ากันด้วยลีลา ทั้งประเทืองปัญญาและบทถ่อย นอกสภามีม็อบด้อมด้อยชุมนุมอยู่ส่วนหนึ่ง บ้างก็ส่งเสียงโหยหวน คร่ำครวญหลังจากรู้ผล
ชาวด้อมด้อย “อิน” มากกับความเป็นแฟนด้อม มีร่ำไห้ ตีอกชกหัว กล่าวอาฆาตมาดร้ายต่อคนที่คิดว่าเป็นตัวขวางการขึ้นสู่อำนาจของ “ว่าที่นายกฯ”
คำประกาศว่า “จากนี้ไปประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” อาจตีความได้หลายอย่าง จะมีความวุ่นวายโดยม็อบด้อมด้อย หรือการเอาจริงเอาจังกับพวกโซเชียลปลอมที่ใช้ถล่มคนที่ไม่เห็นด้วย มีทั้งโรบอตและอวตาร ส่งข้อความเป็นแสนๆ ครั้ง
นี่เป็นมวลชนเทียมที่สร้างกระแสโซเชียลปั่นหัวพวกกลุ่มด้อยปัญญา ทำให้พรรคคนรุ่นใหม่ได้ 151 เสียงเข้าสภาจนช็อกบรรดาแกนนำด้วยคาดไม่ถึง
การชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นหนทางระบายความผิดหวัง ความแค้น ช่วงนี้ยังไม่สามารถเรียกคนได้มากนัก และต้องดูว่ามีแผนอย่างไรอีก
จะลงถนน จัดม็อบป่วนเมือง ทะลุนั่น ทะลุนี่ ชุมนุมพร้อมประทัดยักษ์ อย่างที่เคยเกิดขึ้นที่ย่านดินแดงหรือไม่ นั่นคือความเสี่ยงต่อคดีอาญาและติดคุก
จากนี้ไป “ว่าที่นายกฯ” อาจไม่มีโอกาสได้เป็น “ว่าที่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน” ถ้าผลของการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่เป็นผลดี นี่เป็นเพียงคำร้องแรก ยังมีเรื่องอื่น
พรรคคนรุ่นใหม่ต้องคิดหนักว่าจะฝืนใจสนับสนุนพรรคนายห้างดูไบให้ส่งตัวชิงเก้าอี้นายกฯ ทันทีหรือไม่ มีท่าทีว่าจะต้องปรึกษาหารือพรรค หาช่องทางอื่นว่าเป็นไปได้หรือไม่ แต่การที่มีตัวชิงอยู่คนเดียว ทำให้ไม่มีโอกาสได้ลุ้นอีก
บรรดากูรู นักวิชาการ อาจารย์ นักรับจ้างสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยที่ได้สร้างผลิตผลกลุ่มเยาวชนทาสความคิดชังชาติ ชังสถาบัน คงต้องประเมินผลว่าจะเดินหน้าอย่างไรให้แผ่นดินไทยอ่อนแอ ฐานความมั่นคง สถาบันโดนสั่นคลอนต่อเนื่อง
ฝ่ายความมั่นคง ย่อมต้องคิดแผนตั้งรับ และคิดบัญชีเช่นกัน
พรรคการเมืองอื่นย่อมไม่ต้องการให้พรรคคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสอีกรอบพร้อมพลัง ถ้ารัฐบาลใหม่มีพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านย่อมทำทุกอย่างเพื่อชิงคืนเสียง
ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯ คนใหม่ พรรคนายห้างดูไบก็ใช่ว่ามั่นใจ เมื่อ 3 ตัวชิงเก้าอี้นายกฯ มีจุดด้อย แทบหาจุดแข็งไม่เจอ จะโดนตรวจสอบแบบลากไส้ทุกขด
เป้าของการโจมตีจะถูกเบี่ยงเบนจากพรรคคนรุ่นใหม่สู่พรรคนายห้างดูไบ ความฝันบรรเจิดของนายห้างว่าจะได้กลับบ้านมาติดคุกหลังวันเกิด ดูชักจะไม่ง่าย
อาจโดนรื้อห้างจนต้องติดแหง็กอยู่ต่างประเทศ ถ้าม็อบป่วนเมืองต่อเนื่อง