องค์กรนิสิต-นักศึกษา "มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง" ออกแถลงการณ์ร่วม 2 ภาษา ปลุกประชาชนสู้ทุกวิถีทางหลังรัฐสภาห้ามเสนอชื่อ "พิธา" ซ้ำ ลั่นอดทนนานพอแล้ว ผู้มีอำนาจไม่เคยปล่อยให้ประเทศนี้เป็นของ ปชช.
จากกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 19 ก.ค. เปิดให้ลงมติว่าการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ อีกรอบขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อ 41 หรือไม่ ทั้งนี้ ผลการลงมติพบว่าเสียงข้างมาก 395 เสียง ต่อ 312 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 ดังนั้น ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ในสมัยประชุมนี้
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และองค์การบริหารองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ออกแถลงการณ์ร่วม 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) ลงวันที่ 19 กรกฎาคม เรื่อง ขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนชาวไทยลุกขึ้นสู้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาประชาธิปไตย
ความว่า วันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ในวาระการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปีพุทธศักราช 2560
ในวันนี้นับเป็นวันอันแสนอัปยศอีกครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ต้องถูกจดจำ และจารึกไว้ในความทรงจำของผู้คนไปอีกนานแสนนาน เพราะเป็นอีกครั้งที่สมาชิกวุฒิสภาได้ทำการขัดขวางการเดินหน้าของประชาธิปไตยในประเทศแห่งนี้ ขณะเดียวกันก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เข้ามามีบทบาทชี้ความเป็นไปของการเมืองไทยเหนือมติมหาชนในวันเลือกตั้ง เปรียบเสมือนภาพฉายซ้ำของประชาธิปไตยในประเทศไทยภายหลังการรัฐประหาร ปีพุทธศักราช 2549 ที่กระบวนการตุลาการภิวัฒน์ได้สร้างบาดแผลในหัวใจของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งซ้ำไปซ้ำมา เสมือนกับหลักนิติรัฐ นิติธรรมในประเทศแห่งนี้ไม่มีอยู่จริง
อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย คือถ้อยคำที่กล่าวไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตราที่ 3 หากแต่ผู้มีอำนาจที่แท้จริงในประเทศแห่งนี้ไม่เคยมีสามัญสำนึก ตระหนักถึงประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุด มีแต่กระทำการดันทุรังและฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยเพียงเพราะความลุ่มหลงในอำนาจและทิฐิส่วนตัวที่ไม่ยอมให้เข็มนาฬิกาเดินหน้าไปต่อ แม้จะรู้ว่าในอนาคตข้างหน้าพวกท่านจะต้องพ่ายแพ้ต่อกาลเวลาและอำนาจของราษฎร
วันนี้พวกเราประชาชนเสียใจอย่างแสนสาหัส และขอร่ำไห้ต่อกระบวนการยุติธรรมและประชาธิปไตยในประเทศแห่งนี้ ถึงอย่างไร นี่คือวันสุดท้ายที่พวกเราจะเสียใจ เพราะพรุ่งนี้พวกเราจะไม่จมอยู่กับความสิ้นหวังจากการกระทำอันฉ้อฉลของพวกท่านทั้งหลาย
พวกเราขอเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยทุกคนลุกขึ้นสู้ ต่อต้านผู้มีอำนาจในทุกวิถีทางที่พวกท่านสามารถทำได้ ทั้งในเชิงความคิดและการกระทำตามครรลองระบอบประชาธิปไตย เราอดทนมานานพอแล้วที่จะตระหนักในความจริงที่ว่า พวกเขาไม่เคยยอมปล่อยให้ประเทศนี้เป็นของประชาชน
อย่าอยู่กับความหวาดกลัว อย่าจมอยู่กับความพ่ายแพ้ในจิตใจที่พวกท่านต้องเผชิญมาตลอดจนคิดไปเสียแล้วว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศแห่งนี้ได้ ถึงเวลาให้พวกเขารู้สึกและสำนึกในพลังของประชาชน โปรดลุกขึ้นสู้ในทุกวิถีทาง ในทุกวิธีการจนกว่าวันที่ฟ้าสีทองผ่องอำไพจะมาถึง แล้วประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินอย่างแท้จริง ขอให้นี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเราประชาชนคนไทย