ใครจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในการเลือกตั้งปีหน้า นี่เป็นคำถามที่คนอเมริกันอยากรู้เช่นเดียวกัน ผู้ชิงตัวเต็งคือ โจ ไบเดน ผู้ดำรงตำแหน่งวัย 80 ปี และคนก่อน คือ โดนัลด์ ทรัมป์ วัย 77 ปี ที่ยังอยากลุ้นคืนสู่ตำแหน่งได้ 1 สมัย
ทั้งคู่มีปัญหาฉาวโฉ่ไม่แพ้กัน ทำเอาชาวอเมริกันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
คู่แข่งคนอื่น เช่นคนหนุ่ม นายรอน เดอซานติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา สังกัดพรรครีพับลิกัน ก็ยังไม่เด่นพอ หาเสียงไม่โดนใจชาวบ้านแม้จะเป็นทางเลือกที่พอใช้ได้อยู่บ้าง แต่ก็พลาดหลายประเด็นซึ่งเกี่ยวกับสังคมอเมริกัน
เรื่อง LGBTQR กลุ่มคนข้ามเพศทำให้นายเดอซานติสไม่ได้เสียงคนกลุ่มนี้ ทั้งที่ประเด็นสำคัญคือใครจะสามารถบริหารเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวได้
สหรัฐฯ มีปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว ความเสื่อมอิทธิพลของเงินสกุลดอลลาร์ พลังอำนาจในฐานะเป็นชาติมหาอำนาจโลกขั้วเดียวกำลังถูกท้าทาย
หลายประเทศในละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียเริ่มไม่หวั่นอิทธิพลของสหรัฐฯ หันไปเกาะกลุ่มกับ BRICS และองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีแกนหลักคือรัสเซียและจีน เป็นกลุ่มประเทศที่ลดการใช้เงินดอลลาร์
สหรัฐฯ เป็นอินทรีปีกเจ็บ ไม่สามารถพยุงตัวเองให้สำแดงพลังได้เต็มที่ การหนุนยูเครนให้รบกับรัสเซีย โดยมียุโรปเป็นเครื่องมือ ไม่สามารถลดทอนแสนยานุภาพของรัสเซียได้ ทั้งยังมีแววว่าจะต้องใช้เงินและอาวุธอย่างมหาศาล
โอกาสที่ยูเครนจะชนะสงครามแทบไม่มี ทั้งเสี่ยงกับการสิ้นชาติ ความย่อยยับของประเทศนับวันจะเพิ่มขึ้น โครงสร้างสาธารณูปโภคแหล่งพลังงานเสียหายหนัก
ทรัมป์หาเสียงด้วยการประกาศว่าสามารถหยุดสงครามภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าได้เป็นประธานาธิบดี แต่ช่วงนี้ยังมีคดีอาญาเรื่องจ่ายเงินปิดปากหญิง มีเอกสารลับของรัฐบาลอยู่ในความครอบครอง ทั้งจะมีคดีปลุกระดมม็อบให้คนบุกรัฐสภา
ทรัมป์คาดว่าอัยการพิเศษจะออกหมายจับในเร็ววัน แต่ยังคิดสู้ไม่ถอย
คู่ชิงอีกอีกคนคือนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ สังกัดพรรคเดโมแครต ดูมีแววเพราะต่อต้านสงคราม ต่อต้านวัคซีน เป็นผู้รณรงค์ภาวะโลกร้อน พูดหาเสียงโดนใจคนอเมริกันแต่ยังไม่แรงพอที่จะฝ่าด่านเข้าชิงได้
คนอื่นๆ คงเป็นเพียงตัวประกอบ โอกาสชนะแทบมองไม่เห็น รวมความแล้ว ครั้งนี้ยังไม่มีใครโดดเด่นพอ หรือให้ความหวังคนอเมริกันว่าจะเป็นผู้นำมีความสามารถ โจ ไบเดนเองก็มีคดีพัวพัน มีเรื่องฉาวต่อเนื่อง
ล่าสุดมีคนพบโคเคนในอาคารซีกตะวันตกของทำเนียบขาว แต่จับมือใครดมไม่ได้ เจ้าหน้าที่ไม่ยอมสอบสวนนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย โจ ไบเดน ผู้มีข่าวเรื่องการเสพโคเคน และคดีฟอกเงิน เลี่ยงภาษี ทั้งพ่อลูกต่างพัวพันร่วมกันเรื่องรับเงิน
การเป็นประธานาธิบดีทำให้เจ้าหน้าที่ยังไม่กล้าเล่นงานโจ ไบเดน แม้จะมีหลักฐานปรากฏในแล็ปท็อปของฮันเตอร์ และคลิปภาพและเสียงเรื่องเงินสินบน
ทั้งพ่อลูกตระกูลโบเดนต่างเกี่ยวโยงกับยูเครนในผลประโยชน์ด้านธุรกิจ ฮันเตอร์เคยเป็นประธานบริษัทพลังงานบิวริสมาของยูเครน ได้เงินเดือน 5 หมื่นดอลลาร์
ฮันเตอร์ถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลของบิดาหาผลประโยชน์ เป็นเอเยนต์ต่างชาติ
โอกาสที่ฮันเตอร์จะโดนคดีอาญามีโทษร้ายแรงก็ยังมีอยู่มาก อาจลากพ่อเข้าปิ้งด้วย ตัวโจ ไบเดนเองก็มีปัญหาสุขภาพ ความทรงจำมีปัญหา ขีดความสามารถในการรับรู้เริ่มถูกสงสัยว่าไม่เต็มร้อย มีอาการเอ๋อ ป้ำๆ เป๋อๆ ปล่อยไก่ บ่อยครั้ง
ทั้งทรัมป์และไบเดนต่างไม่โดนใจคนอเมริกัน ถ้ามีทางเลือกอื่นที่เข้าท่ากว่านี้ ตอนนี้ยังรอดูอยู่ว่าจะมีคู่ชิงหน้าใหม่เข้ามาหรือไม่ ช่วงนี้ทรัมป์ยังมีแต้มต่อไบเดน
ไบเดนมีจุดอ่อนด้านความเป็นผู้สูงวัย ความเป็นผู้นำประเทศไม่ได้มีอิทธิพลหรือบารมีต่อต่างประเทศเหมือนแต่ก่อน ยุคของไบเดนเป็นความเสื่อมของพลังเงินดอลลาร์ พันธมิตรสำคัญอย่างเช่นซาอุดีอาระเบีย ตีตัวออกห่าง หันไปคบจีน รัสเซีย
ไบเดนไม่สามารถควบคุมสภาวะตลาดพลังงานในโลกอีกต่อไป ซาอุฯ และรัสเซียจับมือกันแน่นกำหนดการผลิตให้อยู่ในระดับที่ควบคุมราคาได้
ไบเดนไม่สามารถช่วยเหลือยุโรปที่ขาดแคลนพลังงานหลังจากคว่ำบาตรรัสเซีย เลิกซื้อน้ำมันและก๊าซ ทำให้เศรษฐกิจยุโรปอยู่ในสภาวะถดถอย ไร้ทางออก
ไบเดนไม่ต่างจากผู้นำทำเนียบขาวคนอื่นๆ ที่พึ่งพาการขายอาวุธเป็นรายได้ของประเทศ และการสร้างวิกฤตการเมืองระหว่างประเทศเพื่อให้ตัวเองยังมีความหมาย อย่างเช่นการหนุนไต้หวันให้ต่อต้านอิทธิพลของจีนและการควบรวม
การก่อสงครามเพื่อขายอาวุธจึงเป็นวิธีการแบบเดิมในการหารายได้ แต่ไม่ได้ผลมากนักเมื่อประเทศในหลายทวีปหันหลังให้สหรัฐฯ มุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจและพัฒนาความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มและทวิภาคี
สหรัฐฯ ตั้งป้อมเป็นศัตรูกับจีน แต่ยังต้องงอนง้อจีนเพื่อไม่ให้เลิกซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ การที่จีนคุมการส่งออกแร่หายากที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมไฮเทคสหรัฐฯ ได้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมในสหรัฐฯ อย่างมาก
สหรัฐฯ ใช้วิธีคว่ำบาตรประเทศต่างๆ ที่ไม่ยอมก้มหัว หรือทำตัวเป็นเด็กดี การอายัดทรัพย์สิน เงินฝากในสถาบันการเงินในประเทศตะวันตกทำให้หลายประเทศหวั่นว่าถ้ามีปัญหากับสหรัฐฯ จะโดนกระทำเช่นเดียวกัน จึงหาทางป้องกันตัวเอง
สุดท้ายคนอเมริกันอาจต้องเลือกระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ หรือโจ ไบเดน ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ยังจะต้องเผชิญปัญหาเรื่องยูเครน-รัสเซีย และจีน รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ