เหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นชานเมืองกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา คือการพังถล่มของสะพานยกระดับบริเวณถนนอ่อนนุช ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างที่ยังกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ นั่นคือ ยังสร้างไม่เสร็จ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นคนงานก่อสร้างจำนวนหนึ่ง และที่บาดเจ็บอีกหลายคน
กลายเป็นข่าวดังทั้งในประเทศ และยังไปรายงานอยู่ในต่างประเทศด้วย เพราะประเทศไทยคือประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดเป็นอันดับสองของอาเซียน เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของอนุภูมิภาคแห่งนี้...รวมทั้งไทยก็พยายามผลักดันตัวเองให้เป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาคในเรื่องการดึงดูดสำนักงานแห่งภูมิภาคของเหล่าบริษัทยักษ์ข้ามชาติ ซึ่งขณะนี้จะไปรวมตัวอยู่ที่สิงคโปร์...และในด้านการท่องเที่ยวที่เราไม่เป็นสองรองใครในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เพราะเรามีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว ทั้งวัฒนธรรม, โบราณสถาน, อาหาร รวมทั้งภูเขาและหาดทรายที่สวยงาม
แต่ในด้านความปลอดภัยทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวและการลงทุนแล้ว ประเทศไทยก็มีข้อเสียเป็นที่ร่ำลือและติดอันดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องเอาชีวิตทิ้งที่ไทย ไม่ว่าจะถูกรถชนในบัสเลน หรือทางม้าลาย ตลอดจนถนนเชื่อมเมืองที่รถบรรทุกได้ขับชนนักท่องเที่ยวที่ขี่จักรยาน-ตายไปหลายคน จนเหล่าแม่ของนักท่องเที่ยวที่ตายกลางถนน ได้ลงทุนเขียนในโซเชียลมีเดียหรือลงโฆษณาเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวมาไทย เพราะถนนของเราไม่ปลอดภัยพอ
เหตุการณ์ล่าสุดกับสะพานยกระดับอ่อนนุช ก็จะเพิ่มเข้าไปกับความเสี่ยงในเรื่องถนนของไทยด้วย
ทำให้นึกเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ใหญ่ที่คล้ายกันนี้เพิ่งเกิดขึ้นบนทางยกระดับที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย และกลายเป็นตำนานที่เขาจัดการทำให้การจราจรบนเส้นเลือดสายหลักนี้กลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วทำลายสถิติ
ก่อนอื่นคือเหตุการณ์เกิดที่ทางด่วนเชื่อมเมืองหมายเลข 95 (Interstate-95) ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญมากเชื่อมเหนือกับใต้ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ฟลอริดาถึงรัฐเมน (เพื่อข้ามไปแคนาดา)…โดยมีปริมาณรถประมาณ 2 แสนคันต่อวัน...ที่เหล่าสินค้าหลักทั้งที่ใช้ในอุตสาหกรรมหนัก และสินค้าสำหรับการอุปโภคบริโภค ที่จะผ่านเข้าออกเมืองฟิลาเดลเฟีย รวมทั้งเชื่อมกับสนามบินนานาชาติที่ฟิลาเดลเฟียด้วย
เช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน เวลา 6 โมงเช้า (ที่สะพานอ่อนนุชเป็นเย็นวันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม) มีรถบรรทุกน้ำมันหนักถึง 8,500 แกลลอน (หรือ 32,000 ลิตร-เป็น high-octane gasoline) ขับอยู่ใต้สะพาน แล้วคนขับได้หักเลี้ยวรถแล้วเกิดควบคุมรถไม่อยู่ รถได้พลิกคว่ำลงนอนตะแคงข้าง ด้วยความที่เป็นน้ำมันที่ไวต่อความร้อน (และอากาศช่วงนี้ก็ร้อนกว่าปกติ) ทำให้เกิดไฟลุกไหม้อย่างขนาดใหญ่ เปลวเพลิงไหม้บริเวณคานของสะพานจนทำให้คานหัก และบางส่วนของสะพานได้หักถล่มลงมา คนขับตายเพราะศีรษะได้รับบาดเจ็บและสูดดมไอพิษ...โดยพนักงานดับเพลิงและหน่วยดูแลความปลอดภัยของถนนได้รีบเข้ามาดับเพลิง แต่ก็ไม่สามารถดับได้จนประมาณ 1 ชั่วโมงจึงดับเพลิงได้ ถนน 6 เลนของสะพานได้รับความเสียหายพังถล่มลงมา และต้องปิดการจราจรทันที
ผู้ว่าการรัฐฟิลาเดลเฟียประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อของบจากรัฐบาลกลางมาช่วยจ่าย และประกาศจะเปิดการจราจรให้เร็วที่สุด โดยยังไม่สามารถกำหนดวันเปิดได้ เพราะผลจากการชำรุดของถนน ทั้งใต้สะพานและบนสะพานสาหัสมาก รวมทั้งวัสดุที่ถล่มลงมามีจำนวนมาก
ปธน.ไบเดนลงทุนบินจากดี.ซี.มาดูบริเวณเกิดเหตุทันที เพราะตระหนักถึงปริมาณสินค้าและการเดินทางของเส้นเลือดหลักแห่งนี้ พร้อมสั่งการให้นำงบรัฐบาลกลางเข้าช่วยโดยด่วนที่สุด โดยช่วงชิงโอกาสที่จะพิสูจน์ด้วยว่า เขาจะทำสำเร็จในเวลาที่เร็วที่สุดที่จะทำให้การจราจรที่กำลังจลาจลกลับมาสู่ปกติอย่างน่ามหัศจรรย์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและคะแนนนิยมคืนมา โดยเฉพาะเมืองฟิลาเดลเฟียคือบ้านเกิดของเขา (ก่อนที่ครอบครัวเขาจะย้ายมาตั้งรกรากที่รัฐเดลาแวร์) และรัฐเพนซิลเวเนีย เป็นรัฐที่ไบเดนสามารถทวงคืนคะแนนเลือกตั้งกลับมาจากทรัมป์ (ทรัมป์ชนะฮิลลารีที่รัฐนี้เมื่อ 2012 ทั้งๆ ที่ครอบครัวของฮิลลารีดั้งเดิมมาจากฟิลาเดลเฟีย!!)
ผู้ว่ารัฐ Josh Shapiro เก่งมาก…ระดมให้มีการก่อสร้างทางให้รถผ่านได้ 6 เลนก่อน โดยใช้วัสดุจากเศษแก้วป่น (ที่มีอยู่มากในฟิลาเดลเฟีย) แทนการขนหินมาจากที่อื่นที่อยู่ไกล (เพราะการขนส่งกำลังเผชิญปัญหาหนักจากสะพานยกระดับนี้ใช้การไม่ได้)
เขาระดมสรรพกำลังทำงาน 24 ชม. โดยได้รับความร่วมมือจากสหภาพแรงงานก่อสร้างเต็มที่
และเพื่อให้ทุกคนได้ติดตามความคืบหน้าของการแก้ปัญหา เขาให้ถ่ายทอดสด Live Stream 24 ชม. เพื่อผู้ให้บริการขนส่งจะได้รู้สถานการณ์ล่าสุดได้ และช่วยในการวางแผนการขนส่งช่วงวิกฤตนี้
ผู้ว่าการรัฐสั่งให้เพิ่มความถี่ของบริการรถสาธารณะที่อยู่ใกล้หรือเชื่อมกับบริเวณนี้ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวรถไฟหรือรถประจำทาง รวมทั้งอนุมัติให้ละเว้นการเก็บเงินค่าจอดรถส่วนตัว (ที่อาคารจอด) เพื่อเปลี่ยนมาใช้บริการรถสาธารณะผ่านบริเวณวิกฤตนี้...ทำให้ผู้คนที่โดยสารรถสามารถเดินทางได้สะดวกเกือบเป็นปกติ...รวมทั้งการขนส่งสินค้าด้วย
ตัวสะพานที่ได้รับความเสียหาย จะต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เพื่อซ่อมใหญ่ต่อไป
แต่ช่องทางเดินรถสามารถทำเสร็จเปิดใช้การได้ในเวลาแค่ 12 วันอย่างน่ามหัศจรรย์ ทำให้ผู้ว่าการรัฐและปธน.ไบเดน หน้าบานรับคำชมเชย ซึ่งจะตามมาด้วยคะแนนนิยมอย่างไม่น่าเชื่อ
ที่สำคัญคือ เหตุการณ์ที่ฟิลาเดลเฟียเป็นอุบัติเหตุจริงๆ และสะพานได้มีการตรวจสอบความแข็งแกร่งมาอย่างสม่ำเสมอ ครั้งล่าสุดคือเมื่อต้นปีนี้ที่อยู่ในสภาพดีเยี่ยม
ต่างกับที่อ่อนนุชของเรา ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และกำลังมีการสืบหาร่องรอยว่า การก่อสร้างเกิดขึ้นท่ามกลางการต้องจ่ายใต้โต๊ะหรือไม่ ถึงกับการใช้จ่ายจริงๆ กับโครงการนี้มีปัญหา จนเกิดเหตุการณ์สยองขึ้น