ราชบุรี - วอนสื่อช่วยโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ หน้าวัดหนองกบ ในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สัญญาที่ 1 กระทบความเดือดร้อนชาวบ้าน สร้างมากว่าครึ่งทศวรรษยังไม่เสร็จ
จากกรณีถนนและสะพานข้ามแยกทางรถไฟ สร้างไม่เสร็จ จนกลายเป็นที่พูดถึงกันในสื่อสังคมราชบุรี ด้วยข้อความที่คุ้นหู “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ตลอดไป” ที่เผยแพร่ผ่านเพจ ราชบุรี update ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า เป็นถนน และสะพานข้ามทางรถไฟ ที่หน้าวัดหนองกบ ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งการก่อสร้างอยู่ภายใต้โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ด้วยวงเงินกว่า 8 พันล้านบาท เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 60 และขยายเวลาก่อสร้างถึงเดือน มี.ค.66 ซึ่งปัจจุบันพบว่าโครงการดังกล่าวยังก่อสร้างไม่เสร็จ รวมไปถึงถนน และสะพานที่หน้าวัดหนองกบแห่งนี้ด้วย จนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในจุดดังกล่าวได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
ทั้งทนในเรื่องของเสียงจากรถบรรทุกหนัก กลิ่นจากน้ำอ้อยที่มาราดถนน และฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพมาตลอด 6 ปี ในขณะที่สะพานข้ามแยกใกล้เคียงกันสร้างเสร็จไปกันหมด ล่าสุด พบว่าการก่อสร้างสะพาน และถนนข้ามทางรถไฟหน้าวัดหนองกบ ดังกล่าวไม่มีช่างมาทำงานกว่า 6 เดือนแล้ว ที่ผ่านมา ร้องโซเชียลทีมาทำที ทำแค่วันเดียวแล้วหายไป จนมาถึงปัจจุบันชาวบ้านสุดทุนจนออกมาพึ่งสื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้านส่งต่อไการรถไฟแห่งประเทศไทย เจ้าของโครงการ ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน หากครั้งนี้ไม่มีใครมาทำ ชาวบ้านคงต้องหันไปพึ่ง “เจ้าแม่ตานี” ปลูกกลางถนนแทน
ขณะที่เพจดังผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กชื่อ “ต้องแฉ” ได้ออกมาเผยข้อมูล โดยที่ทางทีมต้องแฉ สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ ACT Ai เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างดังกล่าวพบว่า เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ งบประมาณปี 60 วงเงินสัญญา 8,198,000,000 บาท โดยมีการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบ และบริษัท ซินเนอร์รี่ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับจ้าง สถานะโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ
ล่าสุด วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ โดยพูดคุยกับทางเจ้าของเพจ “ราชบุรี update” คือ นายวิวัฒน์ ดาปาน อายุ 49 ปี และมีบ้านอยู่ติดกับถนน และสะพานข้ามทางรถไฟหน้าวัดหนองกบ พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ตนได้โพสต์เรื่องราวความเดือดร้อนจากโครงการนี้ที่สร้างกันไม่เสร็จสักที ซึ่งเริ่มโพสต์ถึงความเดือดร้อนเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ระบุข้อความว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ ทำช้า ทำตลอดไป.... ผ่านไปหลายเพลาก็ไม่เห็นแววว่าจะเสร็จ มองไปก็เงียบๆ ไร้คนทำงาน @ ถนนหน้าวัดหนองกบ ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผ่านไป 4 เดือน ซึ่งตนได้มาแชร์โพสต์เดิมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา พร้อมข้อความ “ณ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” รวมๆ แล้ว ถนน และสะพานข้ามทางรถไฟหน้าวัดหนองกบ ร้างคนทำงานกว่า 6 เดือน ทำให้ชาวบ้านต้องทนทุกข์ ทั้งปัญหาเรื่องเสียงจากรถบรรทุกหนัก กลิ่นจากน้ำอ้อยที่มาราดถนน และฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ส่งผลเสียต่อสุขภาพ และยังเกิดอุบัติเหตุรถชนกันด้วย
ที่ผ่านมา เคยร้องไปหน่วยงานใดยังไม่มีเสียงตอบกลับมา ได้แต่บอกไม่เกี่ยวกับหน่วยงานท้องที่ โดยเป็นความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทางท้องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่พวกตนหวังให้หน่วยงานท้องที่เป็นตัวแทนชาวบ้านเพื่อเป็นปากเป็นเสียงนำความเดือดร้อนไปแจ้งต่อผู้รับผิดชอบโดยตรง เนื่องจากชาวบ้านพวกเราตัวเล็กๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้ เคยเขียนนำเสนอไป วันรุ่งขึ้นพากันยกโขยงเข้ามาทำ เพื่อให้เห็นว่าทำแล้ว จากนั้นก็ไม่มาอีกเลย
นายวิวัฒน์ ให้ข้อมูลว่า โครงการเริ่มเวนคืนที่ดินเพื่อทำถนนสะพานข้ามทางรถไฟรางคู่ ตั้งแต่ปี 2559 และชาวบ้านริมถนนเริ่มรื้อถอนเวนคืนประมาณปี 2560 และเริ่มก่อสร้างเรื่อยมา ชาวบ้านได้รับผลกระทบจนถึงปี 2566 ยังเดือนร้อนจากฝุ่น การก่อสร้างถนนไม่เรียบร้อย และอีกมากมาย โครงการดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่จะเป็น
"ข้อมูลการก่อสร้าง โครงการรถไฟทางคู่มีหาอ่านในเว็บมากมายอย่างเปิดเผย ซึ่งมันเลยจากกำหนด ล่าช้าแล้ว ล่าช้าอีกกว่าเดิมมากครับ ควรจะเสร็จตั้งแต่ 31 ม.ค.2564 แล้วครับ"
จากรายงานข่าวของการรถไฟฯ ระบุว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการทั้ง 6 สัญญา แบ่งเป็นงานโยธาและระบบราง 5 สัญญา วงเงินรวม 33,982 ล้านบาท และสัญญาจ้างงานระบบอาณัติสัญญาณ 1 สัญญา วงเงินรวม 6,210 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 25 มิ.ย.2565) ได้แก่ สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม-หนองปลาไหล ระยะทาง 93 กม.วงเงิน 8,198 ล้านบาท ผลงานสะสม 96.507% ล่าช้ากว่าแผน 1.064% มีบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอส เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด เป็นผู้ก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ก.พ.2559-31 ม.ค.2564 ขยายสัญญา 20 เดือน ไปสิ้นสุดภายในวันที่ 30 ก.ย.2565 กำหนดเสร็จตามสัญญาแรกเลยคือ 31 ม.ค.2564 ขยายต่อสัญญา 26 เดือน กำหนดเสร็จล่าสุด มี.ค 66 แต่ตอนนี้ล่วงเข้ามาเดือน กรกฎาคม 2566 แล้ว
นายวิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อย้อนรอยอดีตถนน และสะพานข้ามทางรถไฟรางคู่เส้นนี้เกิดเสียงดังสนั่น พื้นสะเทือน เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.วันนี้ 16 มิ.ย.64 เกิดอุบัติเหตุคานคอนกรีตสะพานข้ามทางรถไฟรางคู่หล่นลงมา จำนวน 3 ท่อน โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ สายส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตขาด ตนในฐานะชาวบ้านหนองกบได้ร้องเรียนเรื่องนี้มานานและหลายครั้งแล้วผ่านทาง อบต.หนองกบ และทาง อบต.ชี้แจงว่า ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง แต่ อบต.ได้โทร.ไปเร่งรัดให้ผู้รับเหมามาทำงานแต่ไม่เป็นผล ได้แต่ผลัดไปเรื่อยๆ จนเป็นปีแล้วไม่มีผู้รับเหมามาทำงานเลย งานค้าง ทางเพจเลยเริ่มโพสต์กระตุ้นเรื่องนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว โพสต์เดือนละ 1 ครั้งน่าจะเป็นครั้งที่ 4-5 แล้วตนจึงอยากให้ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เห็นใจชาวบ้าน ลงพื้นที่มาดูและเร่งดำเนินการแก้ไขให้เสร็จโดยไว
น.ส.นิตยา แก้วเกตุ อายุ 49 ปี และ น.ส.สายหยุด เกิดสอน อายุ 61 ปี เจ้าของร้านขายอาหาร ซึ่งอยู่ติดกับสะพานดังกล่าว กล่าวว่า พวกตนได้รับความเดือดร้อนโดยตรง เพราะ อยู่ตรงช่วงทางเบี่ยงสะพาน เพราะสะพานไม่สามารถใช้งานได้ รถบรรทุก รถพ่วง และ รถยนต์กระบะต่างๆ วิ่งกันเร็ว เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย และบางครั้งเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน อีกทั้งถนนทางเบี่ยงนี้จะเป็นถนนหลักที่ต้องข้ามไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง มีประชาชน และ นักเรียนใช้จำนวนมาก ส่วนร้านขายอาหารของตนได้รับฉายา “ร้านอาหารในเมืองหมอก” หมอกที่ว่า คือ “ฝุ่น” เพราะรถวิ่งกันฝุ่นฟุ้งเข้าจนเต็มร้าน
นอกจากนี้ ช่วงนี้มีการนำกากน้ำตาล หรือน้ำอ้อยมาราดถนน ส่งกลิ่นเหม็นจนลูกค้านั่งไม่ได้ ต้องรอให้กลิ่นจางถึงจะพอนั่งกันได้ ทุกวันนี้ลำบากมาก จะย้ายไปขายที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะไม่มีทุนที่จะไปเช่าหรือเปิดร้านใหม่ ต้องทนกันไป จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเร่งแก้ไขด้วย หากครั้งนี้ไม่มีใครมาทำ ชาวบ้านคงต้องหันไปพึ่ง “เจ้าแม่ตานี” ปลูกกลางถนน จุดธูป จุดประทัด ขอเจ้าแม่กระซิบไปยังหูของเจ้ากระทรวง การรถไฟแห่งประเทศไทย แทนแล้วว่าชาวบ้านเขาเดือดร้อน
ขณะที่ นางณัฐธินี รัชประภาพงษ์ อายุ 44 ปี อีกหนึ่งชาวบ้านที่มีบ้านอยู่แนวใต้สะพาน กล่าวว่า บ้านของตนเปิดเป็นร้านจำหน่ายซ่อมโทรศัพท์มือถือ ได้รับปัญหาไม่แพ้กันมาตลอด 6 ปี ตั้งแต่เริ่มโครงการ โดยเฉพาะวันที่มีการเวนคืนที่ดิน ไม่เคยได้รับการแจ้งให้เข้าร่วมประชุมประชาคมเลย จู่ๆ มีโครงการเข้ามาและต้องเวนคืนที่ดิน ตนจึงต้องรื้อบ้านเดิมและมาปลูกตรงจุดนี้
ที่ผ่านมา มีการเข้ามาทำถนน ตอกเสาเข็ม และก่อสะพาน จนกระทั่งสะพานเป็นรูปเป็นร่าง ดูเหมือนใกล้จะสร้างเสร็จ แต่ก็ไม่สำเร็จ รถบรรทุกหนักใช้เส้นทางเบี่ยงผ่านหน้าบ้านตนจนถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ หนำซ้ำมีการนำน้ำกากน้ำตาล หรือน้ำอ้อยมาราด ส่งกลิ่นเหม็นจนเวียนหัว บางครั้งเกิดอาการอาเจียน ตนเคยร้องเรียนไปหลายครั้ง แต่ได้รับคำตอบว่าทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นของการรถไฟฯ จะเทยาง จะมาบดถนนให้ทำไม่ได้ ต้องรอทางผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินการ ทุกวันนี้ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว หวังว่าฟ้าจะมีตา เปิดแสงไปถึงการรถไฟฯให้เข้ามาเห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ตรงจุดก่อสร้างแห่งนี้บ้าง