xs
xsm
sm
md
lg

วาสนาคน หรือวาสนาแผ่นดิน?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ฝันได้ หวังได้ ดิ้นรน พยายามได้ แต่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับโอกาสและบุญวาสนา โดยเฉพาะวาสนาไม่มีมาตรวัดว่าใครมี หรือไม่มี ขึ้นอยู่กับผลสุดท้าย

ดังเช่นการดิ้นรนความพยายามของคนพรรคส้มที่ต้องการกุมอำนาจรัฐเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศ ในการเลือกตั้งครั้งแรก ประสบความสำเร็จเกินคาด ศาสดาพรรคมีโอกาส แต่วาสนาไม่ถึงเหมือนคนทำชั่วแล้วถูกฟ้าดินลงโทษ

ทุกวันนี้ทำให้แต่เพียงกำกับบท เดินสายปลุกเร้ากระแสให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แฝงเร้นในการฝังความคิดเรื่องแบ่งแยกดินแดนราชอาณาจักรไทย

ถามตรงๆ ไม่ยอมรับ ตะแบงเหมือนกรณีมาตรา 112 อ้างว่าต้องการปฏิรูป

คนเราถ้าไม่คิดชั่วร้ายต่อผู้อื่น ย่อมไม่กล้ากระทำการใดในสิ่งที่คนรุ่นก่อนไม่กระทำอย่างเปิดเผย ที่ผ่านมามีการกระทำผ่านสื่อจ้องล้มเจ้า ปลุกระดมเยาวชนอ่อนเยาว์ด้านความคิด โดนฝังหัวโดยพวกนักรับจ้างสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย

กลายเป็นขบวนการด้อมส้มทั่วทั้งแผ่นดินตามคำคุยว่ามี 14 ล้านเสียง

มาบัดนี้ ได้ถึงจุดใกล้การกุมอำนาจรัฐอีกครั้ง ด้วย 151 เสียง มาอันดับ 1 ในเสียง ส.ส.รวม 500 เท่ากับ 30 เปอร์เซ็นต์กว่านิดหน่อย แต่ก็อ้างว่าได้เสียงข้างมาก

ความฮึกเหิมลำพองยิ่งมากกว่าครั้งเลือกตั้งในปี 2562 จนโดนยุบพรรค ครั้งนี้ยังมีปัญหาต้องลุ้นเรื่องคุณสมบัติของหัวหน้าพรรค ซึ่งรับสมอ้างเป็น “ว่าที่นายกฯ”

ยิ่งไปพบปะสาวกด้อมส้ม เด็กเจี๊ยวที่ไหน ได้ยินเสียงตะโกน “นายกฯ พิธา” ก็ยิ่งแทบลืมโลก จัดทีมเปลี่ยนผ่านด้านนโยบายต่างๆ กับ 8 พรรคฝ่าย “ประชาธิปไตย”

สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการลงนาม “เอ็มโอยู” บันทึกข้อตกลงความเข้าใจว่าจะเกาะติดอยู่ร่วมกัน ทั้งที่ในความเป็นจริง หน้าฉากมีหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ซ่อนดาบไว้

ทุกวันนี้ทุกฝ่ายก็แอบลับมีดเอาไว้เชือดกัน นัดแรกคงเป็นวันเลือกประธานสภาฯ ซึ่ง “เอ็มโอยู” ไม่สามารถชำระสะสางให้บรรลุข้อตกลงได้ เพราะการเมืองคือการชิงอำนาจ ไม่ใช่งานองค์กรการกุศลที่ทุกฝ่ายเต็มใจเสียสละ

เก้าอี้ประธานสภาฯ เป็นเป้าหมายแรกของเดิมพัน ใครจะได้ยังไม่แน่ ไม่มีใครยอมใคร ความร้าวฉานจุดนี้จะทำให้ยากที่จะอยู่ร่วมกันได้จนถึงวันเลือกนายกฯ

ความหวังที่จะได้ 376 เสียง สำหรับให้ “ว่าที่นายกฯ พิธา” สร้างฝันเป็นจริงดูเลื่อนลอยจนน่ากลัวว่ายิ่งหวังมากเท่าไหร่ ถ้าผิดหวังจะยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

กระบวนการแย่งชิงอำนาจ ทำกันในรัฐสภา หักหลังหรือหักดิบ ถือว่าอยู่ในเกม ถ้าพรรคส้มจะระดมกลุ่มเด็กเจี๊ยวสาวกด้อมส้มลงถนนทั้งแผ่นดิน ก็ทำได้ แต่ต้องระวังผลพวงที่จะตามมา อย่างที่ผู้นำสหรัฐฯ มักอ้างว่าเป็น “consequences” นั่นแหละ

อย่างที่ว่า “โอกาสมี วาสนาไม่ถึง” อาจเกิดขึ้นได้มากกับ “ว่าที่นายกฯ” ถ้ามองอีกมุมก็อาจเป็นวาสนาของแผ่นดินที่ไม่ต้องเผชิญกับวิบัติจากพวกคิดล้มสถาบัน

ด้วยความฮึกเหิมลำพองกับอำนาจที่ยังไม่ได้อยู่ในมือ แกนนำพรรคส้มจึงแสดงความคิดสร้างฝันโครงการสารพัด ทำตัวเหมือนได้เป็นรัฐบาลทั้งที่ยังไม่เป็น ส.ส.

“ว่าที่ผู้ทรงเกียรติ” ยังต้องรอการรับรองโดย กกต.จากนั้นเข้ารายงานตัว เปิดสภาฯ เลือกประธาน ซึ่งจะเป็นวันแห่งการโชว์มีดดาบยาว ไม่มีรอยยิ้มให้กันอีกแล้ว

“ว่าที่นายกฯ” และทิศทาง ท่าทีของพรรคส้มถูกตรวจสอบด้าน “รูปแบบพฤติกรรม” ซึ่งสะท้อนให้เห็นตัวตนของแต่ละคน ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ

ความกังวลของภาคธุรกิจ คนรุ่นเก่า ซึ่งมีสิทธิห่วงอนาคตชีวิตตัวเอง จากฝีมือของคนรุ่นใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ แถมยังมีแนวความคิดน่ากลัวเป็นภัยต่อความมั่นคง

พฤติกรรมสนับสนุน “เด็กหยก” แนวคิดไม่เคารพพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ ไม่ผูกพันเป็นบุญคุณต่อกัน ทำให้เกิดคำถามว่า “เมื่อไม่เคารพสำนึกผลบุญคุณพ่อแม่ของตนเอง แล้วจะคิดหวังดีกับประชาชนซึ่งไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อนได้อย่างไร”

คำอ้างที่น่าสะอิดสะเอียนที่ว่า “เป็นฝ่ายประชาธิปไตย” นั้นหลอกได้แต่พวกตัวเองและชาวบ้านบ้องตื้น คนทั่วไปที่เข้าใจเหตุการณ์บ้านเมืองได้รับรู้แต่ว่าการเมืองน้ำเน่าบ้านเราไม่ได้วัดที่ประชาธิปไตย มีแต่ “โกงมากหรือโกงน้อย” เท่านั้น

ถ้าพรรคส้มประกาศว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่ทุจริต ประพฤติมิชอบในการร่วมรัฐบาล แล้วจะเอาใครที่ไหนมาร่วมด้วย มีแต่พวกจ้องถอนทุน ทำกำไรทั้งนั้น

ทรัพย์สินแผ่นดิน เงินงบประมาณ ผลประโยชน์สารพัดคือเป้าหมาย ที่ผ่านมาก็มีแต่อ้าง “ประชาธิปไตย” แต่โกงตั้งแต่ 10 เปอร์เซ็นต์จนถึงกว่า 40 เปอร์เซ็นต์

พรรคส้มไม่ใช่องค์กรการกุศล ในบรรดาผู้ที่ชนะเลือกตั้ง บางคนแทบไม่รู้ตัว มีทั้งเด็กฝาก จับยัด หวังความนิยมเหมือนพรรคเก่ามากที่อ้างว่าเอาเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ

ทุกวันนี้แทบไม่เหลือเสา ความตกต่ำทำให้เสาหลักแทบเอาไม่อยู่ การเมืองมีขึ้นมีลง รุ่งได้ก็เสื่อมได้ คนเลือกพรรคส้มไม่ใช่เป็นสาวกเข้าลึกถึงกระดูกดำทั้งหมด มีพวกอยากได้เงิน 3 พันบาทต่อเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ค่าไฟ ราคาน้ำมันถูกลง

ตัว “ว่าที่นายกฯ” เองนั้นต้องถูกวิเคราะห์ถึงตัวตนแท้จริงว่าเป็นนักบริหารมือฉกาจอย่างที่ร่ำลือหรือไม่ ทำไมเกิดปัญหาในบริษัทที่รับช่วงจากบิดา มีการปล่อยเงินกู้กว่า 100 ล้านบาทให้บุคคลไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สุดท้ายถูกให้เป็นหนี้สูญ

ใครอนุมัติเงินกู้ ใครกู้ไป ทำไมไม่มีการเรียกคืน ใครรับผิดชอบความเสียหาย ทั้งมีคนสงสัยว่าการให้กู้เงินนั้นเข้าข่ายว่าจะเป็นขบวนการไซฟ่อนเงินหรือไม่

ถ้าสมบัติกงสีถูกปู้ยี่ปู้ยำได้ นับประสาอะไรกับอนาคตของประเทศที่คนรุ่นเก่าห่วงใย ว่าจะไม่โดนกระทำระยำตำบอนด้วยความคิดของพวกจ้องล้มสถาบันหรือ


กำลังโหลดความคิดเห็น