xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อกระแส ‘ลัทธิส้ม’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



หัวหน้าพรรคส้ม คนรุ่นใหม่ยังทำใจดีสู้เสือ หวังจะเข้าไปกุมอำนาจรัฐผ่านการร่วมมือของ 8 พรรคภายใต้ข้อผูกมัดหลวมๆ MOU สร้างความมั่นใจในพวกเดียวกัน

MOU จะจีรังยั่งยืนแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการจัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์จากการได้กุมอำนาจรัฐว่าจะลงตัวหรือไม่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกพรรคการเมืองต้องการมีอำนาจ

การเมืองเป็นการลงทุน กำลังกาย กำลังทรัพย์ ทุ่มเทสารพัดเพื่อชัยชนะ ไม่มีศีลธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ ในพวกเดียวกัน การทรยศหักหลังเป็นเรื่องธรรมดา

การนั่งแถลงข่าวจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลทุกแห่ง มีคนซ่อมดาบไว้ในรอยยิ้ม อำนาจเป็นเป้าหมายสูงสุด 

พรรคการเมืองไม่ใช่องค์กรการกุศล มีต้นทุน นอกจากทรัพยากรแล้วยังต้องมีลีลา คำลวงผ่านนโยบายสวยหรูจูงใจชาวบ้านให้เลือก

ยุคนี้พรรคลัทธิส้มใช้สื่อโซเชียลสร้างกระแสในกลุ่มผู้ลงคะแนนให้ ซึ่งมีทั้ง “คนรุ่นใหม่” จำนวนหนึ่งที่ชื่นชอบนโยบาย “ปฏิรูปสถาบัน” หรือ “ไม่เอาเจ้า” นั่นเอง

นอกจากนั้นก็มีผู้ลงคะแนนซึ่งเป็นเหยื่อนโยบายประชานิยม เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ 3 พันบาทต่อเดือน ปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมัน เลือกการเกณฑ์ทหาร เลือกตั้งผู้ว่าฯ ยุบองค์กรนั่นนี่โน่น แล้วแต่จะหาทำ

ผู้กาเบอร์ให้ลัทธิส้มส่วนหนึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสาวกลัทธิ อีกส่วนคือเหยื่อโครงการประชานิยม แต่ถูกหลอมรวมกันว่าพวกนี้เป็นผู้ศรัทธาในลัทธิส้มของคนรุ่นใหม่

ลัทธิส้มมีทั้งพวกเชื่อฟังในกลุ่มอาจารย์รุ่นใหม่ ถูกฝังหัวมาตั้งแต่ยุค 6 ตุลาคม 2519 สั่งสอนในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทำให้เหมือนถูกฝังชิปในสมอง คิดแบบเดียวกัน

ลัทธิส้มมีหลักคิด แนวปฏิบัติสุดโต่ง เช่นให้เรียกพ่อแม่ว่า “คุณ” ก็พอ ถือว่าเป็นผู้รับภาระในการให้กำเนิด จากนั้นก็สิ้นสุดหน้าที่ การเคารพผู้ใหญ่ไม่จำเป็น มีความเสมอภาค ไม่มีความเหลื่อมล้ำในสถานภาพสังคม อ้างประเพณีดั้งเดิมล้าสมัย

พ่อแม่ของพวกเด็กสาวกลัทธิส้มจะคิดอย่างไรไม่รู้ มองดูว่าเหมาะสมแล้ว หรือคิดว่าเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ ถูกเลี้ยงด้วยเงิน ย่อมคิดได้เอง กำหนดอนาคตเอง

เข้ากับยุคกระทรวงศึกษาธิการถูกนักเลือกตั้งไร้จิตสำนึกกำหนดทิศทางหลักสูตร ไม่ต้องมีวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม

ผลที่ตามมาคือเด็กไม่มีสัมมาคารวะ ไร้ราก มุ่งเน้นเอาแต่เงิน รวยเร็ว จึงได้เห็นคนรุ่นใหม่ รวยเร็วจากธุรกิจผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ เข้ากับยุคสมัย

กลุ่มผู้นำลัทธิส้มไม่คำนึงถึงรากเหง้าที่มาของตระกูลตัวเอง ไม่สำนึกถึงบุญคุณแผ่นดินที่เปิดช่องให้สร้างตัวในธุรกิจจนมั่งคั่งจากทรัพยากรแผ่นดินนี้

แบ่งหน้าที่กันทำ เป็นผู้นำทางความคิดปลูกฝังลัทธิอุบาทว์ กระหาย ทะเยอทะยานในอำนาจ การอ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่ขอรับผิดชอบประเทศ ไม่คิดว่าคนรุ่นเก่าก็ห่วงใยอนาคตบ้านเมือง กลัวว่าเด็กลัทธิส้มจะพาบ้านเมืองสู่หายนะ

ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเด็กสาวกลัทธิส้มยึดเหนี่ยวศาสนาใด เข้าวัดเข้าวา ฟังเทศน์ ฟังธรรมบ้างหรือไม่ หรือคิดแต่ว่าเพียงแค่ชู 3 นิ้วแล้วชนะ แก้ปัญหาทุกสิ่ง

ก็แปลก กลุ่มผู้นำลัทธิส้มไปตระเวนหาเสียง ยกมือไหว้ชาวบ้านปลกๆ พูดจาอ่อนน้อมถ่อมตน ดูมีสัมมาคารวะ หรือเพียงคิดแต่ว่า ขอให้ได้เสียง ไม่ต้องคำนึงถึงวิธีที่จะได้มา การอ่อนน้อมหยุดทันที เมื่อพูดถึงวุฒิสมาชิก

ส.ว.เป็นผู้ถูกหยามหมิ่นว่าเป็นพวกแก่เฒ่า ไม่เจียมกะลาหัว! ทั้งที่ทุกอย่างว่ากันตามกฎ กติการัฐธรรมนูญที่พวกลัทธิส้มหวังเข้าสู่อำนาจการเมืองเช่นกัน

นักเลือกตั้งลัทธิส้มพร่ำแต่พูดว่าต้องการทำงานเพื่อประชาชน อ้างสารพัด แต่ก็แปลก เมื่อไม่เคารพพ่อแม่ ไม่สำนึกคุณแผ่นดิน แล้วอ้างว่ารักห่วงใยประชาชนได้ไง

แม้แต่พ่อแม่ตัวเองไม่ต้องเคารพรัก ไม่สำนึกบุญคุณ ทำไมรักประชาชนที่ไม่รู้จัก ดูแล้วเป็นบุคลิกหลากหลาย เหมือนนโยบายไบโพลาร์ที่นำเสนอประชาชน

ช่วงหาเสียงก็ให้สัญญาสารพัด ชาวบ้านก็รู้ว่าเป็นไปได้ยาก แต่ก็อยากจะดูว่าจะดันทุรังโกหกแหกตาประชาชนไปได้นานแค่ไหน ถ้ามีใครท้วงติง สาวกลัทธิส้มก็ทำในสิ่งที่เรียกว่า “จัดทัวร์ลง” ดูไร้สติปัญญา มีความลุ่มหลง ความคิดตัวเองเป็นใหญ่

การไม่ฟังเสียงท้วงติง เจอใครพูดไม่เข้าหู ก็จัดทัวร์ลง ยิ่งเป็นแบบนี้คนรุ่นเก่ายิ่งไม่ไว้ใจให้จัดการบ้านเมือง จะพาชาติไปสู่ความวิบัติหรือเปล่าก็ไม่รู้

ข่มขู่คุกคามตะคอกใส่ ส.ว.ว่า “ต้องโหวตให้หัวหน้าลัทธิส้มนะ” เป็นรูปแบบประชาธิปไตยให้ตัวเองเป็นหลัก ผิดจากกูแล้วไม่ถูกต้อง อะไรอย่างนั้น

คนรุ่นเก่าปัจจุบัน ก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่ในยุคก่อนหน้านี้ ในช่วงปี 1970-80 คนรุ่นใหม่สมัยนั้นมองว่าใครก็ตามที่อายุเกิน 35 ปี ถือว่าล้าสมัย ไม่น่าเชื่อถือ

จากแนวความคิดเสรีนิยมในยามเป็นหนุ่มสาว เมื่อเป็นคนรุ่นเก่าก็ถูกตราว่าเป็นพวกอนุรักษนิยม คนรุ่นใหม่เป็นพวกฝักใฝ่ประชาธิปไตย ดูแล้วเป็นแบบวิปริต

ประชาธิปไตยต้องพร้อมรับฟังความคิดเห็น ดุลพินิจของผู้อื่น ศาสดาลัทธิส้มก็ได้รับการบ่มเพาะแนวคิดมาจากฝรั่งเศส นักกฎหมายต้นคิด one man one vote นี่

ระบบ 1 คน 1 เสียงเท่าเทียมกัน ถ้าจะมีสิทธิเหนือใคร ต้องมีอำนาจการเมือง ความห้าวก้าวเร็วจากผลเลือกตั้งที่ยังไม่สรุป ทำให้กลุ่มแกนนำลัทธิส้มไม่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ธรรมเนียมปฏิบัติ อยากทำอะไรก็ทำ เป็นแนวคิดของคนรุ่นใหม่

นี่ยังไม่ได้เป็นอะไร สถานภาพก็เป็นคนธรรมดา ทึกทักเอาเองว่าเป็นโน่นเป็นนี่แล้ว ถ้าผิดหวัง ต้องบริหารอารณ์ตัวเองและสาวกลัทธิส้มให้ได้นะอย่าเจี๊ยวปรี๊ดแตก

อย่าพาทัวร์มาลงที่นี่ ไม่มีที่จอด โปรดอยู่ในโลกเสมือนจริงต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น