ก่อนวันแห่งชัยชนะ (Victory Day) ที่ 9 พฤษภาคม เพียงไม่กี่วัน เกิดเหตุการณ์ระทึกที่ทำเนียบเครมลินของรัสเซีย เมื่อมีโดรนพิฆาต 2 ลำบุกเข้าหวังทำลายเครมลิน โดยเฉพาะบริเวณทำเนียบที่พักของปธน.ปูติน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงกลางดึก และปธน.ปูตินยังโชคดีที่ไม่ได้พักอยู่ในช่วงนั้น
ระบบป้องกันขีปนาวุธโจมตีของวังเครมลิน ได้รีบจัดการยิงทำลายโดรนทั้งสองตามโปรแกรมที่ได้วางเอาไว้ และทำให้โดรนทั้งสองลำแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกลงมาที่พื้นพระราชวังเครมลิน
ทันทีได้มีแถลงการณ์แข็งกร้าวออกมาจากทำเนียบเครมลินว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจเป็นการก่อการร้าย (Act of Terrorism) ที่หมายมั่นลอบสังหารเอาชีวิตของปธน.ปูติน เพราะโดรนทั้งสองลำกำลังบ่ายหน้าไปยังบ้านพักของปูตินในพระราชวังแห่งนี้ เพียงแต่ท่านปธน.บังเอิญไม่ได้ค้างคืนที่นั่น (ท่านมีบ้านพักส่วนตัวที่ตั้งอยู่ห่างจากเครมลินประมาณ 60 กม.) แต่ไปค้างที่บ้านพักส่วนตัว
จบท้ายแถลงการณ์จากวังเครมลิน (สำนักปธน.แห่งรัสเซีย) อาจฟังดูติดตลกเล็กน้อยคือ ทิ้งท้ายว่า รัฐบาลรัสเซียถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่จะตอบโต้ให้สาสมด้วยขนาดความรุนแรง และเวลากระทำการตอบโต้ที่เหมาะสมต่อไป
และทางเครมลินโดยโฆษกเปสคอพ รวมทั้งรองประธานสภาความมั่นคง เมดเวเดฟ (อดีตปธน.และอดีตนายกฯ ของรัสเซีย) ได้ออกมากล่าวอย่างดุดันว่า ต้องเป็นฝีมือของเคียฟ หรือไม่ก็เป็นซีไอเอที่ชักนำให้เคียฟกระทำการอย่างอุกอาจเช่นนี้
โดยตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์หมายชีวิตปูตินครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่มอสโกกำลังเตรียมการเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะ 9 พฤษภาคม ซึ่งนอกจากหมายปองชีวิตปธน.ปูตินแล้ว ยังเป็นการข่มขวัญต่อแขกสำคัญๆ ที่จะมาร่วมงานในวันแห่งชัยชนะด้วย
นักวิเคราะห์จากตะวันตกต่างออกมาชี้ว่า ไม่น่าที่โดรน 2 ลำนี้จะผ่านเข้ามาในดินแดนรัสเซียเป็นหลายร้อยกิโลเมตรจากชายแดน โดยไม่ถูกสกัดกั้นทำลายตั้งแต่เริ่มบินย่างกรายเข้ามา คงไม่ต้องรอจนถึงเครมลินที่จะถูกระบบป้องกันการโจมตีของเครมลินได้เริ่มทำงาน!
แน่นอนว่า ปธน.ยูเครนออกมายืนยันหนักแน่นว่า ไม่ใช่ฝีมือของเคียฟ และย้ำด้วยว่า เคียฟจะสู้ก็แต่ในดินแดนยูเครนเพื่อปกป้องแผ่นดินยูเครน...ไม่ส่งขีปนาวุธไปทำลายข้าศึกถึงนอกประเทศหรอก
แต่ทางรัสเซียก็เคยผ่านเหตุการณ์ที่เรือรบมอสควาของรัสเซีย ถูกขีปนาวุธจากเคียฟไปโจมตีในช่วงต้นๆ ของสงคราม จนเรือจมลงในทะเลดำ สร้างความอับอายให้แก่กองทัพรัสเซียเป็นอย่างยิ่ง...แล้วยังมีการระเบิดทำลายท่อนอร์ดสตรีม 1 และ 2 รวมทั้งการระเบิดด้วยโดรนจิ๋ว-ทำลายบางส่วนของสะพานยาวเชื่อมรัสเซียกับแหลมไครเมียเมื่อปีที่แล้วล่ะ ก็ฝีมือของเคียฟนอกดินแดนยูเครนทั้งนั้น
รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมาปฏิเสธเต็มที่ว่า ไม่ใช่ฝีมือสหรัฐฯ และยังวิเคราะห์แบบตอกลิ่มให้รัสเซียอีกว่า อาจเป็นฝีมือฝ่ายในของความมั่นคงรัสเซีย ที่มีความเห็นตรงข้ามกับเครมลินเรื่องการทำสงครามบุกยูเครนก็เป็นได้ และยังพูดอย่างมั่นใจว่า เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลกว่า รัฐบาลรัสเซียมีฝ่ายต่อต้านและฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง (จนหัวหน้าถูกจับเข้าคุกหลายคน หรือถูกลอบสังหารก็มีอยู่) สร้างทั้งความแค้นที่พร้อมจะลอบสังหารปูตินก็เป็นได้
และพูดเยาะเย้ยว่า น่าจะเป็นลูกไม้ตื้นๆ ที่รัสเซียทำขึ้นเองมากกว่า เพราะมิฉะนั้นรัฐบาลรัสเซียจะยอมรับหรือว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธของชาติดูจะไร้สมรรถนะ ขนาดปล่อยให้โดรนถึง 2 ลำฝ่าแนวกั้นไปไกลเป็นหลายร้อยกิโลจากชายแดนบินไปถึงมอสโกได้ทีเดียว!!
แต่ช่วงสุดท้ายของแถลงการณ์ตอบโต้จากเครมลิน ทำให้นักวิเคราะห์ต่างให้น้ำหนัก และรำลึกถึงคำพูดของอดีตนายกฯ อิสราเอล ในช่วงต้นๆ ของสงครามยูเครน ที่เขายังรักษาการนายกฯ ก่อนส่งมอบตำแหน่งให้กับนายกฯ อิสราเอลคนปัจจุบัน (เนทันยาฮู)
เขาแถลงต่อชาวโลกว่า เขาได้พบกับปูติน และได้รับคำมั่นสัญญาว่า ปูตินจะไม่ลอบสังหารปธน.เซเลนสกี้แห่งยูเครน โดยรัสเซียใช้การรบเฉพาะในรูปแบบเท่านั้น จะไม่ทำนอกรูปแบบ
หลังจากคำให้สัมภาษณ์นี้ ปธน.เซเลนสกี้ก็ออกมาจากบังเกอร์ที่หลบซ่อนตัวอยู่พักใหญ่ ออกมาปรากฏตัวกลางถนนที่จัตุรัสกลางกรุงเคียฟ พร้อมให้ถ่ายทอดสดถึงการเดินถนนของเขาอย่างไม่กลัวเกรงจะถูกลอบสังหารโดยรัสเซียแม้แต่น้อย
แถลงการณ์ของเครมลินหลังถูกโจมตีโดยโดรนพิฆาต 2 ลำ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า รัสเซียน่าจะ “เอาคืน” ด้วยตาต่อตา, หัวต่อหัว คือ การลอบสังหารเซเลนสกี้ก็อาจเป็นฉากต่อไปก็ได้
ซึ่งถ้ารัสเซียสามารถจะเปลี่ยนรัฐบาลที่เคียฟได้ นโยบายของเคียฟต่อรัสเซียก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน โดยไม่ต้องมารบกันให้เสียกระสุนเปล่าๆ แบบที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างไต้หวันกับจีน
ช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม ปีที่แล้ว ก็มีข่าวกรองหนาหูว่า รัสเซียเตรียมยึดเคียฟ และเปลี่ยนรัฐบาลเป็นรัฐบาลเดิมก่อนการรัฐประหารเมื่อ 9 ปีที่แล้ว...โดยมีปธน.ใกล้ชิดกับมอสโกได้มาพักรออยู่ที่เบลารุสเพื่อเป็นรัฐบาลของเคียฟได้ทันที
แต่ในครั้งนั้น รัสเซียไม่ได้บุกเคียฟอย่างยิ่งใหญ่พอ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีชาวเคียฟ แล้วทำให้ยึดเคียฟไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแผนไปบุกยึดสองจังหวัดทางภาคตะวันออกสุดของยูเครนแทน
แผนเผด็จศึกอย่างรวดเร็วของรัสเซีย โดยเด็ดหัวของเซเลนสกี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ คงต้องติดตาม