รัสเซียกล่าวหาในวันพฤหัสบดี (4 พ.ค.) อเมริกาอยู่เบื้องหลังการโจมตีทำเนียบวังเครมลิน โดยเป็นผู้วางแผนและสั่งให้ยูเครนดำเนินการโดยหวังปลิดชีพปูติน ด้านเคียฟระบุ มอสโกจัดฉากเพื่อปูทางโจมตีใหญ่ในยูเครน ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายมีการโจมตีใส่กันด้วยโดรนในหลายจุด ด้าน “เซเลนสกี” เดินทางจากฟินแลนด์ต่อไปเนเธอร์แลนด์ โดยยังไม่กลับบ้าน
ทำเนียบเครมลินแถลงว่า เมื่อตอนดึกคืนวันพุธ (3 ) เคียฟพยายามโจมตีเขตพำนักอาศัยของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในทำเนียบวังเครมลิน ของกรุงมอสโก โดยใช้โดรนจำนวน 2 ลำ แต่ถูกสกัดไว้ได้ด้วยมาตรการป้องกันทางอิเล็กทรอนิกส์ของฝ่ายรัสเซีย พร้อมระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการก่อการร้ายที่มีการวางแผนล่วงหน้า และต้องการลอบสังหารปูติน อย่างไรก็ดี ผู้นำรัสเซียไม่ได้รับอันตรายใดๆ และเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในวังเครมลินขณะเกิดเหตุ ขณะที่สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียรายงานเพิ่มเติมว่า ปูตินพำนักอยู่ ณ โนโว โอการ์โยโว บ้านพักนอกกรุงมอสโกของเขา
ต่อมา ในวันพฤหัสฯ (4) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกเครมลิน แถลงว่า วอชิงตันตระหนักว่า รัสเซียรู้ทันว่าอเมริกาเป็นผู้เลือกเป้าหมายและวิธีการโจมตี ส่วนยูเครนแค่ทำตามแผนการที่ได้รับมอบหมายเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เปสคอฟไม่ได้แสดงหลักฐานการกล่าวหานี้
เปสคอฟย้ำสิ่งที่ได้แถลงไว้ตั้งแต่คืนวันพุธ นั่นคือ เครมลินสงวนสิทธิที่จะดำเนินการตอบโต้เอาคืนในเวลาและสถานที่ซึ่งเห็นว่าเหมาะสม โดยเขาบอกว่า รัสเซียมีตัวเลือกและวิธีการตอบโต้เอาคืนอยู่มากมาย และเมื่อถึงโอกาสเหมาะจะพิจารณาและชั่งน้ำหนักอย่างดี ก่อนสำทับว่า ขณะนี้ได้เปิดการสอบสวนกรณีนี้อย่างเร่งด่วน แต่ไม่ได้บอกว่า จะรู้ผลเมื่อใด
ด้านยูเครนปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว โดย มิไคโล โปโดลยัค โฆษกประธานาธิบดียูเครน ระบุว่า เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นการจัดฉากของมอสโกเองเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีต่อต้านการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในยูเครน
ขณะที่แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงท่าทีเห็นด้วยกับฝ่ายเคียฟ โดยบอกว่าข้อมูลที่ออกมาจากเครมลินต้องมีการกลั่นกรองอย่างรอบคอบ
ในบรรดาวิดีโอมากมายที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียของรัสเซียภายหลังเกิดเหตุ มี 2 คลิปที่เผยให้เห็นวัตถุ 2 ชิ้นเคลื่อนที่อยู่ในอากาศในทิศทางที่มุ่งตรงสู่หนึ่งในจุดสูงสุดของหมู่ตึกและป้อมปราการของเครมลิน นั่นคือหลังคารูปโดมของอาคารเครมลิน ซีเนต โดยวัตถุชิ้นแรกดูเหมือนถูกทำลาย และปล่อยควันออกมากลุ่มเล็กๆ แต่ชิ้นที่ 2 ดูเหมือนทำให้เกิดความเสียหายต่อโดม ทั้งนี้ อาคารเครมลิน ซีเนต ในปัจจุบัน ใช้เป็นสำนักงานของคณะบริหารประธานาธิบดีรัสเซีย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้สื่อข่าวของตนได้ตรวจสอบเวลาและสถานที่ ซึ่งบ่งชี้ว่าคลิปเหล่านั้นอาจเป็นภาพเหตุการณ์จริง ถึงแม้นักวิเคราะห์ตะวันตกบางคนระบุว่า รัสเซียอาจจัดฉากเพื่อกล่าวหาเคียฟ เป็นการปูทางสำหรับการตอบโต้ใหญ่บางรูปแบบก็ตาม
ขณะเดียวกัน ทั้งเคียฟและมอสโกต่างรายงานว่า มีการโจมตีด้วยโดรนในวันพฤหัสฯ โดยกองทัพอากาศยูเครนระบุว่า รัสเซียยิงโดรนถล่มเมื่อคืนวันพุธ 24 ลูก แต่ถูกยูเครนยิงตก 18 ลูก และไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
เซอร์กี ป็อปโค หัวหน้าคณะบริหารด้านการทหารของเคียฟ สำทับว่า ขีปนาวุธและโดรนที่รัสเซียโจมตีกรุงเคียฟถูกทำลายทั้งหมด และเสริมว่า เป็นความพยายามของมอสโกในการโจมตีกรุงเคียฟวันที่ 3 ในรอบเดือนนี้
นอกจากนี้ ยูเครนยังเผยว่า การโจมตีของรัสเซียเมื่อวันพุธทำให้ประชาชนในแคว้นเคียร์ซอนทางใต้เสียชีวิต 21 คน โดยเป้าหมายรวมถึงซูเปอร์มาร์เกตและสถานีรถไฟ
ทางด้านรัสเซียเผยว่า โรงกลั่นน้ำมันในแคว้นคราสโนดาร์ ทางภาคใต้ของตนเกิดไฟไหม้หลังถูกโดรนโจมตีเมื่อวันพฤหัสฯ แต่หน่วยฉุกเฉินสามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ว่าการแคว้นรอสตอฟที่อยู่ติดกับชายแดนยูเครนเช่นเดียวกัน เผยว่า โดรนลำหนึ่งเข้าโจมตีโรงกลั่นน้ำมันใกล้หมู่บ้านคิซีเลฟกา ทำให้เกิดระเบิดและไฟไหม้
วันเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวระหว่างเดินทางไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ว่า ปูตินต้องรับผิดชอบสงครามในยูเครน เซเลนสกีนั้นออกจากยูเครน เดินทางไปเยือนฟินแลนด์ และต่อจากนั้นเขาก็ไปปรากฏตัวที่กรุงเฮก
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม ไอซีซีออกหมายจับปูติน จากข้อกล่าวหาที่ว่ามีการส่งเด็กจำนวนมากออกจากยูเครนไปอยู่ในรัสเซีย ทว่า รัสเซียซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกไอซีซีและปฏิเสธเขตอำนาจศาลของไอซีซี ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
นอกจากนั้น เซเลนสกียังมีกำหนดพบกับนายกรัฐมนตรีมาร์ก รีตเตอร์ และไคซา โอลองแกรง รัฐมนตรีกลาโหมของเนเธอร์แลนด์ และปราศรัยในหัวข้อ “สันติภาพจะไม่เกิดขึ้นถ้าปราศจากความยุติธรรมสำหรับยูเครน”
เหตุการณ์เหล่านี้มีขึ้นขณะที่ยูเครนเผยว่า กำลังเตรียมการโต้กลับเพื่อขับไล่กองทัพรัสเซียออกจากดินแดนที่เข้ายึดครองทางใต้และตะวันออกของยูเครน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เยฟเกนี ปรโกจิน ผู้ก่อตั้งวากเนอร์ กรุ๊ป บริษัททหารรับจ้างของรัสเซียที่เป็นกำลังสำคัญในการบุกเมืองบัคมุตของยูเครน กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาเชื่อว่า ปฏิบัติการโต้กลับของยูเครนเริ่มต้นขึ้นแล้วและจะเข้าสู่ขั้นตอนดำเนินการเต็มพิกัดในอนาคตอันใกล้มาก และสำทับว่า ทหารรับจ้างของวากเนอร์สังเกตเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติในบริเวณแนวหน้าการสู้รบ
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)