การเมืองปากีสถานเข้าสภาวะวุ่นวายร้อนแรงเพิ่มบรรยากาศของความไม่มั่นคงทางการเมือง ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจเนื่องด้วยปัญหาหนี้สิน ประชาชนเดินขบวนประท้วงในหลายเมืองทั่วประเทศปะทะกับเจ้าหน้าที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย
วิกฤตรอบใหม่เกิดขึ้นหลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่านถูกจับกุมตัวเมื่อวันอังคาร 9 พฤษภาคม ขณะกำลังเข้าฟังกระบวนการพิจารณาคดีคอร์รัปชัน
อิมราน ข่าน ถูกกล่าวหาเป็นคดีที่ 2 ข่านอ้างว่า คดีถูกตั้งขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมือง คดีได้รับการพิจารณาในศาลสูงในกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงปากีสถาน
กองกำลังเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าไปจับกุมข่าน ลากตัวออกไปจากศาล ทำให้ผู้สนับสนุนข่านออกมาเดินขบวนประท้วงในหลายเมือง เผารถยนต์และวัตถุต่างๆ
เป็นบรรยากาศเดือดของประเทศซึ่งมีประชาชนมากถึง 222 ล้านคน อยู่ในอันดับ 5 ของโลก ยังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรง หนี้ต่างประเทศมาก ต้องขอกู้เงินจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศ เมื่อเงินทุนสำรองต่างประเทศแทบไม่เหลือ
ก่อนหน้านี้อิมราน ข่านได้พาผู้สนับสนุนเดินขบวนในหลายเมือง เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ก่อนกำหนดในปีหน้า มีเหตุวุ่นวาย ปะทะกับเจ้าหน้าที่ มีผู้เสียชีวิตหลายราย ข่านได้เคยประกาศว่าจะปิดล้อมเมืองหลวงในการชุมนุมใหญ่
นายกรัฐมนตรี ชาห์บาซ ชารีฟ พยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ประเทศต้องผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ ลูกหนี้รายใหญ่คือจีน ซึ่งได้ให้การสนับสนุนหลายโครงการด้านสาธารณูปโภคและการสร้างไฮเวย์เชื่อมระหว่าง 2 ประเทศเพื่อการค้า การลงทุน
รัฐบาลของชาห์บาซ ชารีฟ ได้ตัดสินใจซื้อขายสินค้ากับจีนโดยใช้เงินหยวน สร้างความไม่พอใจให้สหรัฐฯ ซึ่งมองว่าเป็นพันธมิตรหลักของปากีสถาน ยังมีความกังวลอีกว่าวิกฤตความมั่นคงของปากีสถานจะสร้างความไม่แน่นอนในภูมิภาค
ปากีสถานเป็นชาติมีอาวุธนิวเคลียร์ และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอินเดีย ซึ่งมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับรัสเซีย เป็นลูกค้ารายใหญ่ในการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย
การจับกุมข่านถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะสกัดไม่ให้คืนสู่การเมืองได้อีกด้วยคดีอาญา เช่นการรับของขวัญจากผู้นำต่างประเทศและเอาไว้เป็นของส่วนตัว
ข่านอ้างว่าได้มอบของที่ระลึกมูลค่าสูงให้รัฐบาลไปแล้ว และซื้อคืนบางส่วน
ยังจะมีการชุมนุมใหญ่หลายเมือง ซึ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ตราบใดที่ข่านยังถูกควบคุมตัว รัฐบาลสหรัฐฯ และอังกฤษ ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดเรียกร้องให้ทางการปากีสถานยึดมั่นในหลักนิติธรรมในคดีของข่าน
ข่านได้รับการสนับสนุนจากกองทัพปากีสถานในการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกองทัพมีผลประโยชน์ ควบคุมองค์กรด้านเศรษฐกิจเกือบทุกภาคส่วน มีอิทธิพลทางการเมือง สามารถกำหนดให้ใครอยู่ในอำนาจการเมือง หรือหลุดจากตำแหน่งได้
ข่านได้ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2018 กวาดคะแนนเสียงไป 31.82 เปอร์เซ็นต์ มี 149 ที่นั่งในสภา ก่อนโดนพรรคร่วมรัฐบาลตีจาก ทำให้มีเสียงข้างน้อย
ก่อนหน้านั้นข่านพยายามไม่ยอมเข้าสภาเพื่อต่อสู้กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ออกทีวีแถลงกับประชาชนว่ามีแผนลอบสังหารและล้มรัฐบาลโดยอิทธิพลต่างชาติ
ข่านหลุดจากตำแหน่งเมื่อถูกมองว่ามีปัญหากับผู้นำกองทัพคนก่อน โดยถูกโหวตไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนเดือนเมษายนปี 2022 หลังถูกกล่าวหาในหลายคดี
หลังจากเดินขบวนเรียกร้องหลายครั้ง ข่านถูกมือปืนบุกยิงแต่ได้รับบาดเจ็บที่ขา จึงกล่าวหาว่ารัฐบาลอยู่เบื้องหลัง และได้นำไปสู่เหตุประท้วงวุ่นวายต่อเนื่อง
หลังจากการเปลี่ยนผู้นำกองทัพในช่วงปลายปี 2022 รัฐบาลนายกฯ ชารีฟยังได้รับการสนับสนุน มีแนวโน้มเป็นมิตรกับกองทัพ ไม่ขัดขวางการทำผลประโยชน์
กองทัพปากีสถานเป็นกลุ่มผลประโยชน์ มีทรัพย์สินมากมาย ใช้เป็นเงินทุนเลี้ยงดูผู้นำทหารหน่วยต่างๆ มีสวัสดิการพร้อมเพื่อปลูกฝังความจงรักภักดี
ว่ากันว่า “กองทัพปากีสถานมีประเทศ ไม่ใช่ประเทศปากีสถานมีกองทัพ” นี่เป็นการสะท้อนให้เป็นอิทธิพลและอำนาจของกองทัพอยู่เหนืออำนาจการเมือง
การทุจริต คอร์รัปชันในกองทัพและวงการข้าราชการ การเมือง คือตัวบั่นทอนเสถียรภาพของประเทศ การใช้เงินผิดประเภท ใช้จ่ายเกินตัว ทำให้มีวิกฤตหนี้สิน ขณะที่รายได้จากการค้า การท่องเที่ยวลดลงด้วยปัญหาความมั่นคง การก่อการร้าย
ข่านเป็นอดีตขวัญใจชาวปากีสถานเมื่อนำทีมคริกเก็ตได้แชมป์โลก ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจเข้าสู่วงการเมือง การจับกุมจึงถูกมองว่าคู่แข่งคือคนตระกูลชารีฟต้องการกำจัดเขาในฐานะศัตรูทางการเมือง และมีโอกาสหวนคืนสู่อำนาจ
พรรค Tehreek-e-Insaf ซึ่งเป็นพรรค PTI ของข่าน มีบทบาทสำคัญในการชุมนุมประท้วงการจับกุม ประกาศให้สมาชิกพรรคกลุ่มผู้สนับสนุนข่านออกมารวมตัวประท้วงทั่วประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่สภาวะอนาธิปไตย ไร้กฎหมาย
ข้อกล่าวหาอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมข่านอ้างว่าข่านพัวพันกับการทุจริตคอร์รัปชันการประพฤติมิชอบ ในประเด็นจัดสรรที่ดิน Al-Qadir Trust ของข่านและภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตระกูลชารีฟเองก็มีปัญหาการทุจริต อิทธิพลเช่นกัน
อนาคตของข่านยังผูกติดกับสภาวะการเมืองของปากีสถาน ถ้ายังถูกคุมขังก็มีความเสี่ยงว่าข่านอาจถูกลอบทำร้าย การทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับสหรัฐฯ และกองทัพทำให้ข่านหวนคืนสู่ตำแหน่งได้ยาก ปากีสถานอาจเข้าสู่ภาวะมิคสัญญี