เกม‘ทักษิณ’เล่นหลายหน้า เปิดเกมรุกดึง‘คนสายกลาง’

สมการการเมือง

กระแสข่าว ‘เพื่อไทย’ จับมือ ‘พลังประชารัฐ’ ถูกโหมอย่างหนัก สยบไม่ลง แม้บรรดาขุนพล พท.จะพยายามชี้แจง แต่ก็ไม่เคลียร์ เพราะไม่ปฏิเสธชัดๆ แบบที่ ‘ก้าวไกล’ ประกาศ เพราะฝั่งพรรคเพื่อไทยมักออกอาการ ‘กลืนไม่เข้าคายไม่ออก’ เมื่อถูกจี้ถาม แต่กลับต้องตอบแบบเอาตัวรอด ไม่ปฏิเสธทั้งหมด โดยกล่าวทำนองว่านายกฯต้องมาจากฝั่งพรรคเพื่อไทย เท่านั้น

หลังเกิดเหตุการณ์ ‘วิรัช รัตนเศรษฐ’ รองหัวหน้า พปชร. ออกมาปูดข่าว ‘ดีลลึกลับ’ การจับมือระหว่าง พท.-พปชร. พร้อมกับดัน ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพปชร. ขึ้นเป็น นายกฯ กระแสถูกโหมหนัก สะเทือน ‘คนแดนไกล’ ทำให้ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ต้องทวีตข้อความตอบโต้ว่า “ไม่โง่พอ”

“ตอบ วิรัช เรื่องยกตำแหน่งนายกฯ ให้ป้อม 1. ผมไม่ได้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทย 2. ผมไม่เคยสื่อสารกับคุณวิรัชมานานมากแล้ว อีกทั้งไม่เคยคุยกับ พล.อ.ประวิตร มา 17 ปีแล้ว 3. ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง เชื่อว่าพรรคไม่โง่พอที่จะยกตำแหน่งนายกฯ ให้ป้อม” ทักษิณ กล่าว

เพราะกระแสข่าว ‘ดีลลึกลับ’ กระทบต่อกระแส พท. ในการวางเป้าหมายไปสู่ ‘แลนด์สไลด์’ เป็นช่วงเวลาที่ฝั่ง พท. ต้องเร่งสร้างกระแสต่างๆ ด้วยความเป็น ‘นักการตลาดการเมือง’ ของ ‘ทักษิณ’ ก็ทำคู่ขนาน ล่าสุด ‘ทักษิณ’ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโด ประกาศพร้อม ‘กลับไทย’ มารับโทษ โดยไม่มีการออกกฎหมาย ‘นิรโทษกรรม’
ในอีกแง่หนึ่งก็เป็น ‘กระแสตีกลับ’ ทำให้เกิดกระแสเทไปยังฝั่งตรงข้ามที่มี ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทนต่อต้าน ‘ระบอบทักษิณ’ ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ

การที่ ‘ทักษิณ’ ออกมากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อ ‘ปลุกกระแส’ ให้ พท. ที่ถูกพรรคก้าวไกลเร่งฝีเท้าตีคู่บนสนามเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะพรรคก้าวไกลหนักแน่นใน ‘จุดยืนการเมือง’ ไม่เอาเครือข่ายอำนาจ 3ป. รวมถึงไม่จับมือบรรดา ‘พรรคทหารจำแลง’

การที่ ‘ทักษิณ’ ออกมาพูดเรื่องพร้อมรับโทษ ไม่ต้องออกกม.นิรโทษกรรม ในแง่หนึ่งก็คือการ ‘ส่งสัญญาณ’ ไปยัง พท. เพราะเรื่อง กม.นิรโทษกรรม เคยทำให้ พท. สะดุดขาตัวเอง หลุดจาก ‘วงโคจรอำนาจ’ มาแล้ว 9 ปี

อีกทั้งคาดว่า ‘ทักษิณ’ หวังดึงคะแนนจาก ‘คนสายกลาง’ ที่ไม่สุดโต่งการเมือง แต่มีเป้าหมายไม่เอา ‘บิ๊กตู่’ อยากได้คนแก้ปัญหาปากป้อง ให้มาเลือก พท. ตามกรอบวิธีคิดของ ‘ทักษิณ’ ที่เคยระบุว่า หากมอง ‘ประชาธิปไตยที่เหมาะสม’ ให้เลือก พท. แต่ถ้าเป็น ‘ประชาธิปไตยเอ็กซ์ตรีม (สุดโต่ง)’ ให้เลือกก้าวไกล รวมถึงจุดยืน ม.112 ด้วย ที่ พท. ชัดเจนไม่แตะต้อง ไม่แก้ไข แต่มีจุดยืนเฝ้าระวังการบังคับใช้ ไม่ให้เป็นเครื่องมือการเมือง ซึ่งตรงกับแนวคิด ‘ทักษิณ’ ที่มองเรื่อง ม.112 ว่า ตัวบทกฎหมายไม่ได้มีปัญหา แต่มีปัญหาที่การบังคับใช้

แต่อีกแง่ก็มีคน ‘ไม่เชื่อ’ ว่า ‘ทักษิณ’ จะยอมกลับมา ‘ติดคุก’ ในคดีต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ หลังไปอยู่ต่างประเทศมานับสิบปี แม้จะมีขบวนการ ‘ลดโทษ’ ตามกฎหมาย ผ่านหลักเกณฑ์พิจารณาพิเศษต่างๆ แต่สุดท้าย ‘ทักษิณ’ ก็ต้อง ‘รับโทษติดคุก’ ตามกฎหมายอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม มีการมองว่าการที่ ‘วิรัช’ ออกมาปูดข่าว ‘ดีลลึกลับ’ หวังตีกระแส พท. ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา หรือไม่ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ ‘ทักษิณ’ ต้องออกมาตอบโต้

เมื่อย้อนกลับไปสัปดาห์ก่อน มีการถาม ‘ทักษิณ’ ถึงกระแสข่าว พท.-พปชร. จับมือกัน ในคลับเฮ้าส์ ‘ทักษิณ’ เลือกใช้คำว่า “น่าจะยาก” มากกว่าปฏิเสธไปเลย พร้อมลากโยงไปถึงสายสัมพันธ์ ‘บ้านป่ารอยต่อ-บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ระหว่าง ‘บิ๊กป้อม’ กับ ‘คุณหญิงอ้อ’ พจมาน ดามาพงศ์

“ผมว่าน่าจะยาก เพราะลุงป้อมเองวันก่อนไปที่ จ.เชียงใหม่ ก็เป็นนายกฯ ขึ้นนายกฯ ลงแล้วคือเดี๋ยวต้องยกขึ้นยกลงจากเวทีแกคงต้องพักผ่อนแล้วลูกน้องก็อยากค้ำแกไว้ เพื่อไว้เกาะทำมาหากิน ซึ่งผมสงสารแกนะ ต้องพักได้แล้ว สังขารมันไม่ได้แล้ว จะมานั่งทำงานให้ประเทศก็ไม่ไหวแล้ว ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากที่ใครจะไปนั่งคุยกัน” ทักษิณ กล่าว

ส่วนที่มีการโยงคอนเนกชันระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ นั้น ‘ทักษิณ’ ตอบว่า “ถามว่าคุณหญิงกับป้อมรู้จักกันดีไหม ก็รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น ส่วนกับ พล.ต.อ.พัชรวาท (น้องชาย ‘บิ๊กป้อม) ก็รู้จักกัน แต่ไม่สนิท ขนาดมาชี้นำการเมือง คุณหญิงไม่ยุ่งการเมือง ยุ่งแต่เรื่องสังคม ที่ไปมาหาสู่ ไม่บอกชี้นำการเมือง”

ล่าสุด ‘ทักษิณ’ ให้สัมภาษณ์นิกเคอิเอเชีย เชื่อว่า พท. จะคว้าเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล และจะเป็นรัฐบาลผสม โดยเพื่อไทยจะได้มากกว่า 250 เสียง

ซึ่งสวนทางกับที่ พท. ประกาศไว้ 310 เสียง ดังนั้น พท.ก็ต้องหา ‘พันธมิตรการเมือง’ โดยเล็งไปที่พรรคขั้วฝ่ายค้านก่อน นั่นคือ ‘พรรคก้าวไกล’ ที่สถานการณ์ไม่ลงรอยกันมากนัก และมีความหวาดระแวงกัน อีกแนวทางคือไปจับมือ ‘พรรคขั้วที่ 3 พรรคเล็กๆ’ ฝั่งรัฐบาลในปัจจุบัน หรือไปจับมือ ‘พรรคขั้วรัฐบาล’ บางพรรคไปเลย

อย่างไรก็ตาม น่าสนใจถึงชะตากรรม ‘พรรคเพื่อไทย’ ในอนาคต ท่ามกลางกระแสข่าว ‘ยุบพรรค’ หลังเลือกตั้ง ที่น่าฉุกคิด คือ เหตุใดจึงไม่มีชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กับ ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน ปธ.ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่เป็น 2 แคนดิเดตนายกฯ พท. ไปในลิสต์ส.ส.บัญชีรายชื่อ พท. ทำให้มีการโยงไปว่าเพื่อไม่ให้ทั้ง 2 คน ต้อง ‘ผูกมัดตัวเอง’ ไปกับพรรค พท. อีกทั้ง ‘อุ๊งอิ๊ง-เสี่ยนิด’ ก็ไม่ได้นั่ง กก.บห.พรรค ด้วยทำให้มีสถานะ ‘ลอย’ อยู่เหนือพรรค สามารถโยกย้าย หากสุดท้าย พท. ต้องโดนเช็กบิล

งานนี้เรียกว่า ‘ทักษิณ’ เล่นไพ่หลายใบ สมเป็น ‘นักการตลาด’ ที่อยู่บนหมากการเมืองมาเกือบ 30 ปี แต่ก็แพ้ภัยตัวเองมาแล้วหลายครั้ง ด้วยเรื่องเดิมๆ ที่เสียรู้ เพราะคิดว่าตัวฉลาดเหนือใคร