การเมืองเลือกตั้งสร้างความเคลื่อนไหวให้คึกคักต่อเศรษฐกิจได้ไม่น้อย นักเลือกตั้งเร่งระดมทุน จัดปาร์ตี้เพื่อหาเงินมาสู้ศึกเดิมพันสูง ซึ่งยังไม่กำหนดวันแน่นอนว่าเป็นอย่างไร แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งจะได้งบเกือบ 6 พันล้านบาทแล้ว
การเมืองจึงแบ่งเป็นหลายขั้ว ขั้วเพื่อไทยของนายห้างดูไบซึ่งยังหวังปรากฏการณ์แลนด์สไลด์เพื่อทวงคืนอำนาจ สกัดความยิ่งใหญ่ของท่านห้าวเป้งแปดเปื้อน ซึ่งได้ที่ลงใหม่ดูแล้วเป็นพรรคเฉพาะกิจและโอกาส
เอาท่านห้าวเป้งเป็นจุดขาย แต่บรรดาว่าที่ ส.ส.ในพรรคจะสอบได้กี่คนก็ยังไม่แน่ เกรดไม่ได้อยู่ในระดับเอ แม้กระแสจะดีเพราะมีท่านแปดเปื้อนเป็นตัวนำ
แต่กระแสจะสร้างคะแนนได้มากแค่ไหน นั่นเป็นเรื่องของกระสุนที่จะทำให้คติพจน์ของคนกาเบอร์ในคูหาเลือกตั้ง 4 วินาทีมีความหมาย
“เงินไม่มา กาไม่เป็น” ยังคงขลังเสมอ การชุมนุมปราศรัยหาเสียง จัดเก้าอี้ไว้ตั้งแต่ระดับหลายร้อยถึงหลายพัน ขึ้นอยู่กับปัจจัย เป็นแรงจูงใจให้คนมาฟัง
เสียงเฮของชาวบ้านทำให้สร้างภาพลวงตาให้นักปราศรัยมาเยอะแล้ว “คนมาฟังเยอะ แต่เมื่อถึงวันกาเบอร์ไม่มีคะแนน” หลายพรรคนักทุ่มต้องเสียเงินหลายพันล้านมาแล้ว นักธุรกิจใหญ่ หวังความดังทางการเมือง กลายเป็นละอ่อนหัดเดิน
เพราะการเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน เดาใจชาวบ้านได้ยาก ถ้ามีแรงจูงใจแล้ว ยังไว้ใจไม่ได้ โอกาสที่จะโดนคู่แข่งเกทับเป็นไปได้เสมอ
นักเลือกตั้งหลายราย ออกจากพรรคเดิม ไปเข้าพรรคใหม่ อยู่ได้ไม่กี่วันยังโดนแรงจูงใจ มีค่าใช้จ่ายในการย้ายค่ายรอบใหม่ หิ้วถุงหนัก 30 กิโลเผ่น ทำเอาเจ้าของพรรคอ้าปากค้าง ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนักเลือกตั้งขายตัวให้ผู้เสนอราคาสูงสุด
หลายปีก่อนโน้น สาวสวยเสนอตัวเข้าพรรคขนาดกลาง พร้อมน้ำหนักที่ต้องรับ 25 กิโล วันรุ่งขึ้นเธอมาบอกลา อ้างว่าอีกพรรคหนึ่งเสนอเพิ่มน้ำหนักให้อีก 5 กิโล
“ผมนี้งงเลยพี่ เมื่อคืนยังบอกผมว่าหนูอยู่กับพี่ เราก็เสนอให้ 25 แต่วันรุ่งขึ้นเธอมาบอกว่าอีกค่ายหนึ่งเพิ่มให้อีก 5 กิโล” นี่เป็นคำพูดของอดีตหัวหน้าพรรคที่ผิดหวัง
นักการเมืองสาวก็รุ่งระยะหนึ่ง ได้แสงและแรงหนุนเต็มที่ จนถึงวันเลิกราการเมือง ไม่มีอะไรจีรังยังยืนแม้กระทั่งสังขารของนักเลือกตั้งเมื่อถึงวาระวายชนม์
ศึกรอบนี้ยังต้องเก็งและเกร็ง ระหว่างค่ายลุงป้อมจอมปาด นักเดินตลาดออกลีลาผู้ชราที่น่ารัก เดินเตาะแตะ ยิ้มเหมือนเด็กไร้เดียงสา ทำให้ชาวบ้านขอเซลฟี่ด้วย
ลุงป้อมจอมปาดจึงยังมีราคาบารมีในฐานะเป็นพี่ใหญ่ของ 3 ป.เสมอ จัดงานเลี้ยงโต๊ะจีน 175 โต๊ะ แต่ละโต๊ะ 3 ล้านบาท หวังฟันกว่า 500 ล้าน ก่อนเลือกตั้งครั้งก่อนกวาดไปมากกว่า 600 ล้าน ครั้งนั้นท่านห้าวเป้งแปดเปื้อนเป็นตัวชิงนายกฯ
ครั้งนี้ลุงป้อมจอมปาด หวังจะปาดหน้าท่านห้าวเป้ง ก้าวไปนั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย ความฝันจะเป็นจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้ง
ถ้าพรรคของนายห้างดูไบได้ถึง 200 ก็จะเป็นประเด็นว่าลุงป้อมจะร่วมด้วยหรือไม่ ท่านห้าวเป้งจะได้เท่าไหร่ ใครจะได้ใจ ส.ว.ยกมือให้เป็นนายกฯ
ตัวแปรสำคัญหรือพรรคนายห้างดูไบและพรรควัคซีนกัญชาของเสี่ยหนูค่ายบุรีรัมย์ ซึ่งหมายมั่นอย่างมากว่าจะกวาด 120 ที่นั่งหลังจากทุ่มซื้อตัวและตกปลาในบ่อเพื่อน สร้างศัตรูคู่แข่งทางการเมืองไม่น้อย แต่การเมืองอยู่ร่วมกันได้
ผลประโยชน์เป็นตัวตัดสิน คำพูดโจมตีช่วงหาเสียงลืมกันได้ง่าย
อพิโธ่! อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ ลากไส้กันแทบไม่เหลือขดสุดท้าย ออกจากห้องประชุมยังกอดคอกันเดินไปซดกาแฟ หัวร่อกันเอิ๊กอ๊าก เหมือนเป็นการเล่นละคร
พรรคลุงป้อมยังต้องดูว่าจะมีขาใหญ่อำลาอีกหรือไม่ หลังจาก 2 ป.แข่งกัน พวกขาใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มที่ต้องเป็นรัฐมนตรี ไม่มีฐานเสียง ต้องเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าจะอยู่อันดับต้นๆ ต้องบริจาคหนัก อย่างน้อยก็ 500 ล้านขึ้นไปสำหรับกระทรวงหลัก
เงินแค่นั้นจิ๊บจ๊อย นั่งกระทรวงหลักเซ็นไม่กี่โครงการก็ถอนทุน บวกกำไรอีกอื้อ บ้านเมืองจึงไม่รอดจากวงจรอุบาทว์ของการทุจริต คอร์รัปชัน ไม่มีใครมือสะอาด
จะเป็นเพียงสีเทามาก หรือเทาน้อย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและโอกาส มีเหมือนกันมาด้วยวิธีพิสดาร มือหนัก ความจุสูง สร้างความมั่งคั่งได้เร็ว
คณะแปดปีนี้ชาวบ้านเชื่อว่ามีเสนาบดีระดับอภิมหาเศรษฐีเกิดใหม่อย่างน้อย 3-4 ราย ต้องคนวงในเท่านั้นที่รู้ว่าใครมั่งคั่งระดับที่ตัวเองก็ไม่รู้ชัดว่ารวยเท่าไหร่
มีแต่เงินไหลเข้าบัญชี ไม่มีโอกาสได้ใช้เงินให้สมกับความร่ำรวย เก็บไว้ให้ลูกหลานได้สุขสบายหลายชั่วโคตร เจ้าตัวต้องทำตัวเป็นคนสมถะ อ้างว่าซื่อสัตย์
งานเลี้ยงพรรคลุงป้อมจึงมีคนจองเต็ม เจ้าสัวนายทุนย่อมไม่พลาดที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นสปอนเซอร์ แต่ใช้ตัวแทนไปจัดการ รายใหญ่น่าจะจอง 20-30 โต๊ะ เพราะต้องสนับสนุนทุกพรรค มากบ้างน้อยบ้าง ฝนตกให้ทั่วฟ้า แทงม้าทุกเบอร์
ยิ่งเป็นเจ้าสัว มีธุรกิจหลายวงการต้องลงทุนให้ทั่ว ถ้าไม่หนุนพรรคไหน เกิดสถานการณ์แปรผัน พรรคนั้นเกิดอยู่ในรัฐบาล ก็จะถึงวาระเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย จ่ายภายหลังเมื่อจำเป็นต้องจ่ายหนัก เจรจายากกว่าเดิม
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง จะเห็นความเข้มข้นของการหาเสียง สัญญาว่าจะให้สารพัด เอาใจชาวบ้าน ยกมือไหว้รอบทิศขอคะแนน มีถ้อยคำหวานสารพัด ลิ้นตระหวัดถึงไบหู จะประหยัดเงินไม่ได้ ทุ่มครั้งเดียวอยู่ได้ 4 ปีฝ่ายรัฐบาลถือว่าเกินคุ้ม
น่าห่วงว่าถ้าการเมืองยังขึ้นอยู่กับการเลือกตั้ง บ้านเมืองต้องติดอยู่ในกับดักของการถอนทุน รัฐบาลมาแต่ละชุดมีแต่สร้างหนี้จนวิกฤตมาเคาะประตูบ้านแล้ว