xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“บิ๊กป้อม”สวมบท“บิ๊กปาด” ทรงอย่างแบด บีบ“บิ๊กตู่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สมการการเมือง


ไฟต์บังคับให้ต้องรับบทตัวร้าย สำหรับพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ช่วง 2 สัปดาห์มานี้ สวมบท “บิ๊กปาด” ชิงลงพื้นที่ตัดหน้าน้องเลิฟ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ

ไล่ตั้งแต่การที่ “บิ๊กป้อม” ดอดปาดหน้า เข้าบ้านใหญ่ จ.ราชบุรี ต่อเนื่องด้วยการลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และช็อตล่าสุด แย่งซีน ซุ่มเงียบไปเดินเยาวราช ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ก่อนที่ “บิ๊กตู่” จะเดินทางมาในช่วงเย็น

ไปตัดหน้าทุกๆ พื้นที่ 3 แห่งติดต่อกันแบบไม่ได้บังเอิญ แต่ดูจะเป็นเรื่องของความจงใจ เจตนาปั่นใส่กัน โดยเฉพาะคนใกล้ชิดทั้ง 2 ป. ที่คอยยุแยงตะแคงรั่ว เจ้านายข้าใครอย่าแตะ

  และ “บิ๊กตู่” อาการออกเหมือนกัน หลังโดนพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ตัดหน้ากันถี่ๆ หน้าบูดหน้าเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดพูดว่า ไม่ได้มัดแข้งมัดขาเอาไว้ ใครจะไปไหนก็ไป ไม่มีปัญหา


ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ไม่ถือสา แต่ว่ารู้สึก

พูดกันตามเนื้อผ้า จากปฏิบัติการลงพื้นที่ตัดหน้าติดๆ กันของ “บิ๊กป้อม” ในบทบิ๊กปาด แย่งซีน “บิ๊กตู่” ได้ทุกรอบ ขนาดลงพื้นที่เยาวราชแบบฉุกละหุก คณะเล็กๆอยู่ไม่ถึงชั่วโมง ขณะที่น้องเลิฟมีกำหนดการชัดเจน ไปคณะใหญ่ แต่พาดหัวหนังสือพิมพ์เสร็จพี่ใหญ่หมด

ภาพลักษณ์ทางการเมืองของ “บิ๊กป้อม” อาจจะสู้ “บิ๊กตู่” ไม่ได้ แต่เรื่องปรับตัว ชั่วโมงนี้ต้องยกให้พี่ใหญ่ ใกล้กับคำว่านักการเมืองอาชีพเข้าไปทุกที

เวลานอกราชการ สวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ กางเกงยีนส์ ในขณะที่น้องเลิฟ สวมเสื้อเชิ้ต ใส่สูทคลุม แต่งตัวเนี้ยบ ความเป็นคนธรรมดา ลุกส์พี่ใหญ่กินขาด

แม้แต่เรื่องจังหวะจะโคน “บิ๊กป้อม” ยังดูคมกว่า ไปไหนมาไหน ประชาชนเข้าหาถึงตัวง่าย พูดน้อยๆ แต่ได้เนื้อได้หนัง คนฟังไม่เบื่อ ตรงกันข้ามกับ “บิ๊กตู่” ที่ยังติดภาพผู้บังคับบัญชา ปราศรัยเหมือนให้นโยบายประชาชน

จะเห็นว่า วันไหนสองพี่น้องงานตรงกัน สปีช “บิ๊กป้อม” แย่งซีน “บิ๊กตู่” ได้แทบทุกรอบ ทั้งที่ใช้เวลาพูดไม่กี่นาที

ต้องยอมรับว่า ในแง่ของเรื่องการเข้าถึงประชาชน ถึงตรงนี้ “บิ๊กป้อม” ตีบทได้แตกกว่า “บิ๊กตู่”

แต่ไม่แปลกที่พี่ใหญ่จะดูมีพัฒนาการทางการเมือง นั่นเพราะที่ผ่านคนข้างตัวล้วนแต่เป็นนักเลือกตั้งอาชีพ ประเภทเขี้ยวลากดินกันทั้งนั้น ผ่านสนามเลือกตั้งกันมาเยอะจนรู้ว่า แบบไหนถูกจริตชาวบ้าน

เหนือสิ่งอื่นใด “บิ๊กป้อม” เปิดรับ พร้อมปรับลุกส์ เพราะรู้ว่าตัวเองอาจเก่งกว่านักการเมืองในสนามรบ แต่ถ้าอยู่ในสนามเลือกตั้ง ต้องเงี่ยหูฟังพวกนักเลือกตั้งอาชีพ อะไรดี และอะไรเข้าท่า ผ่านกันมาหมดแล้ว

ขณะที่ “บิ๊กตู่” ยังยึดติดวิถีเดิมๆ ยังเชื่อว่า สไตล์ที่เป็นอยู่นั้นถูกต้อง ไม่เปลี่ยนแนวทาง ออกทำนองคนจะรัก ยืนเฉยๆ เขาก็รัก


หนักกว่าคือ ทีมงานข้างกาย และทีมงานในพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่พื้นฐานเติบโตมากับขนบธรรมเนียมแบบพรรคประชาธิปัตย์ ที่เน้นทรงดี ไม่เอาทรงแบด แต่แพ้ซ้ำซากมาตลอดในสนามเลือกตั้ง เอามาใช้กับ “บิ๊กตู่” ต่อ

ขืนไม่ปรับลุกส์ ไม่ประยุกต์ให้ทันสถานการณ์ จะเล่นบทเดิมๆ เหมือนเมื่อปี 2562 ระวังจะลงเอยอย่างแซด

อย่างไรก็ตาม ในสายตาแฟนคลับขั้วอนุรักษ์นิยม พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ยามนี้ กลายเป็นพ่อหนุ่มแบดบอยที่คอยรังแกน้องไปเสียแล้ว โดยเฉพาะการตัดหน้าลงพื้นที่ ถึงขั้นประกาศขอทุ่มน้ำหนักไปที่พรรครวมไทยสร้างชาติทั้งใจ ไม่เอาพรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม”

แม้แต่ในรายของ “เดอะจั้ม” สกลธี ภัททิยกุล อดีต รองผู้ว่าฯกทม. ขวัญใจม็อบกปปส. ที่ตัดสินใจอยู่กับ “ลุงป้อม” ที่พรรคพลังประชารัฐ มากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ เจอทัวร์ลงเป็นโขยง โทษฐานเห็นกงจักรเป็นดอกบัว แทนที่จะเลือกมาช่วย “ลุงตู่” ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ

งานนี้ “เดอะจั้ม” รับสภาพ แต่ใครจะรู้เบื้องหลังสาเหตุแทงหวย “บิ๊กป้อม” นั่นเพราะก่อนหน้านี้เคยไปดีลกับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว แต่อีกฝั่งไม่สามารถรับเงื่อนไขขอดูแล กทม.แบบเบ็ดเสร็จได้ ตรงกันข้ามกับที่พรรคพลังประชารัฐ “บิ๊กป้อม” ให้อิสระเต็มที่

“เดอะจั้ม” เลยขอเป็นหัวหมาดีกว่าหางราชสีห์ อยู่กับ “บิ๊กป้อม” ดีกว่า

อย่างไรก็ดี ทุกคนที่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ รับรู้ดีนาทีนี้เป็นตัวร้ายในสายตาแฟนคลับ“บิ๊กตู่” แต่ต้องไปให้สุด หยุดไม่ได้ ต้องร้ายตามน้ำไปก่อน

นั่นเพราะวันนี้พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ชู “บิ๊กตู่” อีกต่อไป ของขายหน้าชั้นวางแทบไม่มี มีแต่ “บิ๊กป้อม” คนเดียว ซึ่งความนิยมส่วนตัวยังสู้น้องเลิฟไม่ได้

คะแนนที่เคยได้เพราะกระแส “บิ๊กตู่” เมื่อปี 2562 มันตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติเรียบร้อย ฉะนั้น ต่อให้ทำดีอย่างไร คนเหล่านี้ก็ไม่กลับมาเลือกพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว

ครั้นจะเล่นบทกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ คำถามคือ ถ้ารักกันขนาดนั้น จะแยกกันไปตั้งพรรค ตัดคะแนนกันเองทำไม อยู่ด้วยกันต่อไม่ดีกว่าหรือ

ฉะนั้น พรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องสลัดภาพ “อดีตนั่งร้านของบิ๊กตู่” ให้หมด เหลือแค่ภาพ บิ๊กป้อม “ผู้ประสานสิบทิศ” เอาไว้อย่างเดียว

ถ้าจะเจาะฐานคะแนนเดียวกับ “บิ๊กตู่” ไม่มีทางสู้กับพรรครวมไทยสร้างชาติได้ ฉะนั้น มันต้องเล่นบทร้าย ให้ภาพมันขาดจากกันไป ถึงจะมีหวังคะแนน

ในสนามเลือกตั้ง มันต้องสู้กันให้สุด เหมือนไม่เคยรักกันมาก่อนยิ่งดี


กำลังโหลดความคิดเห็น