เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องย้อนไปตรวจสอบ “แนวรบตะวันออกกลาง”กันอีกสักรอบ หลังจากได้ตรวจสอบ “แนวรบยุโรปตะวันออก” ไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งต้องถือเป็นแนวรบที่ปรากฏให้เห็นถึง “ความเปลี่ยนแปลง”ค่อนข้างถนัดชัดเจน แบบชนิด “พลิกหลังตีนเป็นหน้ามือ”เอาเลยก็ว่าได้ หรือถ้าว่ากันตามสำบัด สำนวน ของอดีตทูตอินเดีย “เอ็ม.เค. ภัทรกุมาร” ที่เขียนไว้ใน “เอเชียไทมส์ ออนไลน์” ว่าด้วยเรื่อง “New era of China-Saudi ties” เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยสำนักข่าว “ผู้จัดการ”ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดไปเรียบร้อยแล้ว ต้องถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงอย่างแรง” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
คือการเปลี่ยนฉาก เปลี่ยนสถานการณ์ เปลี่ยนบทบาทของ “ตัวละคร”ในประเทศแถบภูมิภาคตะวันออกกลางนั้น อันที่จริงก็คงไม่ได้เพิ่งมาเปลี่ยนในช่วงผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง”ท่านเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย อย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงวันที่ 7-10 ธันวาคมปีที่แล้ว ที่มักถือเป็น “ภาพสะท้อน” ถึงความเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าวในสายตาของบรรดานักสังเกตการณ์ต่างประเทศทั้งหลาย เพราะถ้าลองไล่เรียงไปตามขั้นตอน ตามลำดับไหล่ บรรดาความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายในภูมิภาคที่ว่านี้ น่าจะเริ่มปรากฏให้เห็นรางๆ และเพิ่มความถนัดชัดเจนขึ้นไปตามลำดับ นับตั้งแต่ “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์” ของคุณพี่จีน อย่างคุณน้ารัสเซีย ท่านตัดสินใจเข้าไปโอบอุ้มรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดี “อัล-อัสซาด” ที่กำลังถูกรุมเหยียบ รุมกระทืบ โดยคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตก รวมทั้งพันธมิตรอาหรับบางประเทศ โดยอาศัยผู้ก่อการร้ายอย่างพวก “ไอซิส-ไอซิล”เป็นหัวหอกนั่นเอง...
ชัยชนะของรัสเซียระดับ “พลิกหลังตีนเป็นหน้ามือ” หรือระดับที่ไม่เพียงแต่ทำให้รัฐบาลซีเรียอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้แต่ยังสามารถเผาผลาญ ทำลาย “เครื่องมือ”ของตะวันตก ในการเขย่าโลกอาหรับ หรือโลกอิสลาม อย่างพวกผู้ก่อการร้าย “ไอซิส”จนแทบหายเกลี้ยงไปจากตะวันออกกลาง ต้องถือเป็น “ชัยชนะทางยุทธศาสตร์” ครั้งใหญ่ ที่ทำให้หมีขาวรัสเซียไม่เพียงแต่สามารถหวนกลับไปปักหลัก มีบทบาททางการเมือง-การทหาร ในภูมิภาคดังกล่าว มีทั้งฐานทัพเรือ ฐานทัพอากาศตั้งมั่นอย่างมั่นคงและถาวรอยู่ในซีเรีย แต่ยังเป็นตัวช่วยลดบทบาท อำนาจ อิทธิพลของ “ประมุขโลก” อย่างคุณพ่ออเมริกาในอาณาบริเวณพื้นที่ดังกล่าว อย่างชนิดเสียหน้า เสียหมา เสียสุนัข เสียรังวัด อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
ดังนั้น...การเดินทางไปเยือนโลกอาหรับ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ของผู้นำจีน หนึ่งใน “มหาอำนาจคู่แข่ง” อเมริกา และพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของรัสเซีย ที่ต่างมุ่งจะ “เปลี่ยนโลก”หรือ “เปลี่ยนระเบียบโลก” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้าให้จงได้!!! เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา จึงแทบไม่ต่างไปจากการ “สะสมชัยชนะเพื่อชัยชนะ”ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะการอาศัยบทบาททางเศรษฐกิจ ของประเทศที่ถือเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 และใกล้จะเป็นอันดับ 1 ของโลก อย่างคุณพี่จีน สอดประสานกับบทบาททางการเมืองและการทหารของหมีขาวรัสเซีย ที่กำลังเยิ่นไป-เยิ่นมากับอเมริกาและนาโต ในแนวรบยุโรปตะวันออก หรือในสมรภูมิยูเครน อย่างชนิด “กินกันไม่ลง”อยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้...
การลงนามความร่วมมือในเรื่องพลังงานและการลงทุน ฯลฯ ถึง 30 ฉบับระหว่างจีนและซาอุฯ ไม่เพียงแต่เป็นตัวตอกย้ำให้เห็นถึงความใกล้ชิด-ติดพัน ระหว่างจีนกับอดีตพันธมิตรรายสำคัญของคุณพ่ออเมริกาในตะวันออกกลางอย่างซาอุฯ เท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายไปถึงบรรดาชาติอาหรับและกลุ่มประเทศอ่าวฯ ที่ผูกพันอยู่กับซาอุดีอาระเบียอีกกว่า 20 ชาติ ที่ร่วมประชุมสุดยอดกับผู้นำจีนในห้วงเวลาดังกล่าว โดยไม่ใช่แค่การค้า-การขาย การเซ็งลี้ การแผ่ขยายอาณาจักร 5G-6G ของบริษัท “หัวเว่ย” ที่คุณพ่ออเมริกา-พันธมิตรตะวันตก พยายาม “เตะตัดขา”มาโดยตลอด แต่ยังหมายรวมไปถึง “การทหาร” อีกซะล่วย!!! หรืออย่างที่โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน “นายTan Kefei”ออกมาบอกเล่า-เก้าสิบไว้เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีทางการทหารไปจนถึงการซ้อมรบร่วมเอาเลยถึงขั้นนั้น ด้วยเหตุเพราะ “กองกำลังทหารจีนและชาติอาหรับ มีความสำคัญต่อการดำรงรักษาสันติภาพ-เสถียรภาพให้กับโลกทั้งโลก”หรืออย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุฯ “เจ้าชายFaisal bin Farhan Al-Saud”ออกมาประสานเสียงในลักษณะเดียวกันนั่นแหละว่า...“เราจะร่วมมือ(กับจีน)อย่างใกล้ชิด มิใช่แค่เฉพาะเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของแต่ละชาติเท่านั้น แต่เพื่อตอบสนองต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลกทั้งโลกอีกด้วย” นี่...อะไรจะดูดดื่ม ลึกซึ้ง หวานหยดย้อยปานนี้ เท่านี้ ย่อมไม่มีอีกแล้ว...
การร่วมมือของ 2 หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ หรือ 2 มหาอำนาจคู่แข่งของคุณพ่ออเมริกาในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างชนิดสองแรง-แข็งขันเช่นนี้ ย่อมแน่ล่ะว่า...มีแต่จะทำให้บทบาท อำนาจ อิทธิพล ของประมุขโลกอย่างอเมริกาและประเทศบริวารหรือบรรดา “พรมเช็ดเท้า” ในโลกตะวันตก ย่อมมีแต่ต้อง “สาละวันเตี้ยลง-เตี้ยลง” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ เผลอๆ อาจเป็นไปดังคำพูด คำสาบาน ของพี่เบิ้มในตะวันออกกลาง อย่างอิหร่าน ที่หวังจะ “ล้างแค้น” ให้กับวีรบุรุษของชาติ อดีตนายพล“กอเซ็ม สุไลมานี” (Qasem Soleimani) ซึ่งถูกเครื่องบินโดรนอเมริกาลอบสังหารไปเมื่อช่วง 2 ปีที่แล้ว ว่าจะไม่ยอมให้ทหารอเมริกันมีที่นั่ง-ที่ยืนอยู่ในภูมิภาคนี้อีกต่อไปเอาเลยก็ไม่แน่!!!
เพราะแม้ว่าพี่เบิ้มในตะวันออกกลางอย่างอิหร่านและซาอุฯ อาจมีผลประโยชน์ขัดกันอยู่บ้างในหลายเรื่อง หลายกรณี แต่ท่ามกลางบรรยากาศภายในภูมิภาคที่กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงจาก “หลังตีนเป็นหน้ามือ” ยิ่งเข้าไปทุกที แนวโน้มที่คู่ขัดแย้งทั้งสอง จะพยายาม “หาจุดลงตัว” ระหว่างกันและกันก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย หรืออย่างที่หนังสือพิมพ์ออนไลน์ “El-Nashra” ในเลบานอน ได้รายงานไว้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า การพบปะ-เจรจาระหว่างผู้นำระดับสูงของอิหร่านและซาอุฯ ระหว่างการประชุม “The Baghdad Conference for Cooperation and Partnership” ครั้งที่ 2 ที่มีประเทศจอร์แดนเป็นเจ้าภาพ ในช่วงวันที่ 20 ม.ค.ที่จะถึงนี้ ไม่ว่าในเรื่องสงครามเยเมน หรือการหวนกลับไปเปิดสถานทูตอย่างเป็นปกติของทั้งสองฝ่าย อาจอุบัติขึ้นมาในอีกไม่นาน-ไม่ช้า นับจากนี้...
และจะด้วย “ความเปลี่ยนแปลง” ในลักษณะที่ว่า หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะไปคิดกันเอาเอง แต่ถึงขั้นที่ทำให้ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์”ของคุณพ่ออเมริกาในภูมิภาคนี้ อย่างรัฐบาลใหม่ของอิสราเอล ที่นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีคนเดิมอย่าง “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ “นายEli Cohen”ถึงกับต้องออกมาป่าวประกาศว่าจะปรับปรุงนโยบายต่างประเทศของอิสราเอลเสียใหม่ โดยแม้จะยังคงเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับคุณพ่ออเมริกา อันเป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่มีใครแทนที่ได้ แต่สำหรับ “ตัวตลก” หรือ “ตัวแทน” ของอเมริกาอย่างรัฐบาลยูเครนนั้น อาจต้องเลิกพูดถึง กล่าวถึงอีกต่อไป แม้ยังคงส่ง “ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม” ต่อไปให้เช่นเดิม แต่จะถึงขั้นออกหน้า ออกอาการ ตำหนิติติงคู่ขัดแย้งของยูเครนอย่างหมีขาวรัสเซีย แบบที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและนายกฯ สำรองคนเก่า “นายYair Lapid” เคยกระทำการมาก่อนนั้น คงไม่เหมาะ ไม่ควร อยู่แล้วแน่ๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องหันไปเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียอย่าง “นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ” กันแทนที่ หรือถึงขั้นที่ทำให้ที่ปรึกษาสูงสุดของประธานาธิบดียูเครน อย่าง “นายMikhail Podoliak” ต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้า ว่าอย่าถึงขั้นต้อง “เปลี่ยนข้าง-ย้ายข้าง”ไปอยู่กับรัสเซียซะแทนที่ เพราะแค่การปฏิเสธที่จะส่งอาวุธระบบป้องกันภัยทางอากาศ (Iron Dome) ให้ยูเครนในช่วงที่ผ่านมา ก็สร้างความผิดหวังให้กับยูเครนเพียงพอแล้ว...
คือกระทั่งพันธมิตรที่เหลือติดปลายนวมเอาไว้โดดๆ อย่างอิสราเอลก็เถอะ ยังต้องยอมรับบทบาท ยอมรับ “ข้อเสนอที่เอ็งมิอาจปฏิเสธ” ของหมีขาวรัสเซียในภูมิภาคนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย ยิ่งเมื่อหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียอย่างพญามังกรจีน ที่คุณพ่ออเมริกาเคยพยายามกดดัน บีบบังคับ ไม่ให้อิสราเอลเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยุ่งขิง มากมายจนเกินไป เริ่มสยายปีก เริ่มลอดเลื้อยลายมังกรอย่างเป็นระบบ-เป็นกิจการ โอกาสที่อิสราเอลจะสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจจากบั้นท้ายของคุณพ่ออเมริกาไปโดยตลอด โดยไม่คิดจะปรับตัว ปรับบทบาท ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ ด้วยเหตุเพราะ...โลกทั้งโลกมันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว!!! หรือได้เปลี่ยนจาก “โลกขั้วอำนาจเดียว”มาเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ”อย่างเห็นได้โดยชัดเจนโดยไม่ต้องเสียเวลาอรรถาธิบายใดๆ อีกต่อไปแล้ว...