xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองให้ความหวังอะไร…

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



คำถามนี้หลังจากการฉลองปีใหม่ผ่านไปหมาดๆ คงจะเป็นความหวังมากเกินไป ช่วงเปลี่ยนผ่านข้ามปีนักเลือกตั้งยังคึกคัก กับการเตรียมพร้อมชิงเก้าอี้ในสภาผู้แทน ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่

ดูสภาพแล้วส่วนใหญ่เป็นคนหน้าเดิม จะมีหน้าใหม่อยู่บ้างก็เป็นเพียงทายาทหรืออ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่แสวงหาโอกาสทำงานการเมือง

การเข้าสู่สนามการเมืองในบ้านเราผู้สมัครไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หรือพิสูจน์ตัวเองว่าได้ประสบความสำเร็จในชีวิตในอาชีพอื่นๆ หรือให้ความมั่นใจว่าจะเป็นที่หวังของประชาชนได้

บางคนเปรียบเสมือนไก่เดือยยังไม่งอก บางคนเป็นสตรีหน้าแฉล้ม ไม่มีประสบการณ์มากในชีวิตเพียงแต่ว่าเป็นที่รู้จักในสังคมระดับหนึ่ง เพราะพ่อแม่อยู่ในขั้นเป็นเซเล็บ มีทั้งดีและร้าย

พรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องคัดสรรคุณสมบัติผู้สมัครว่าฯ มีความรู้ความสามารถและประสบความสำเร็จในอาชีพอื่นๆ สามารถเลี้ยงตัวเองได้

การอาศัยเป็นลูกหรือหลานนักการเมืองหรือคนดังในอาชีพอื่นก็ดูเหมือนจะเพียงพอว่ามั่นใจที่จะได้เป็นผู้แทนประชาชนในระบบเงินเป็นใหญ่ อย่างที่รู้กันว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น”

เมื่อดูสภาพแล้วไม่ว่าจะเป็นนักเลือกตั้งเจนสนาม เป็นผู้แทนมาหลายรอบหรือเป็นพวกไก่อ่อนหัดขัน ก็ไม่สามารถให้ประชาชนเชื่อว่าคนเหล่านี้เป็นความหวัง

ช่วง 8 ปีของแปดเปื้อน ก็ไม่ได้สร้างความหวังอะไรมีแต่ความเสียหายในบ้านเมืองเพราะการทุจริตคอร์รัปชัน การสะสมหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะจนยากที่จะแก้ไขได้ แต่คนที่น่าจะต้องรับผิดชอบ ไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไร

นอกจากนั้นยังแสดงความแข็งแกร่งกล้าหาญของผิวหน้าที่จะตระเวน ยกมือไหว้ประชาชนขอคะแนนเสียงทั้งที่โพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนหลายครั้งไม่ได้ให้ราคาเลย

เป็นการสะสมจำนวนปีที่ไม่สร้างความได้เปรียบ ถ้าคู่แข่งฉกฉวยความล้มเหลวต่อเนื่องและยุคการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเฟื่องฟู เป็นเป้าหมายในการโจมตีก็จะทำลายความได้เปรียบที่เจ้าตัวคิดว่าเป็นจุดขาย

ช่วงปีใหม่ข่าวการเมืองมีแต่เรื่องความเคลื่อนไหวของเจ้าของฉายา “แปดเปื้อน” โดยยังมีลีลาให้ชาวบ้านคาดเดาว่าตกลงจะได้ฤกษ์ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่เมื่อไหร่

ลีลาท่าทางและสำบัดสำนวนเล่นลิ้นเป็นยี่ห้อของท่านแปดเปื้อน ก่อนหน้านั้นถูกมองว่าเป็นบุคคลที่มีความยโสโอหังลำพองในอำนาจไร้ขอบเขตจำกัด ไม่เห็นหัวชาวบ้าน นิยมชมชอบการคบหาสมาคมกับเจ้าสัวนายทุนผู้มั่งคั่ง

ลีลาความเคลื่อนไหวของ 3 พี่น้องต่างท้องมารดา แต่ร่วมชีวิตในอาชีพทหารและหันมาเอาดีทางการเมืองผ่านการรัฐประหารปล้นอำนาจจากสตรี จึงเป็นจังหวะการย่างก้าวที่น่าเบื่อหน่าย น่าสะอิดสะเอียน

แต่ชาวบ้านทั่วไปและวิญญูชนก็ยังจำต้องทนกับลีลาน้ำเน่าต่อไปโดยไม่มีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งหรือวิธีอื่นใด เกมการชิงอำนาจถูกกำหนดไว้แล้วโดยรัฐธรรมนูญตามใบสั่งซึ่งวางเกมการได้เปรียบทุกขั้นตอน

เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้หวังเสพติดอำนาจและผลประโยชน์กับกลุ่มทุนใหญ่ซึ่งกอบโกยความมั่งคั่ง ผ่านการอวยและเอื้อ โดยผู้กุมอำนาจที่ปล้นมาจากสตรี

เป็นชายชาติทหารที่ดูแล้วพิลึก ฉกฉวยจังหวะ ชุบมือเปิบเพื่อตีกิน สร้างฐานอำนาจเพื่อสืบทอดให้นานที่สุดโดยเป็นผู้นำรัฐบาลที่ไม่สามารถนับเลขได้ถึง 10

ความกล้าหาญที่จะขออยู่ต่อเกิน 8 ปี จึงเป็นความพิลึกและอุจาดโดยที่วิญญูชนมองแล้วต้องอายแทน แต่นักเลือกตั้งทั่วทั้งสภาผู้แทนก็ยอมรับกันได้กับสภาพวิปริต

นอกจาก 3 พี่น้องต่างท้องมารดา นักเลือกตั้งระดับหัวหน้าก็ยังมุ่งระดมพลด้วยการดูดและชักจูงโดยปัจจัยพิเศษเพื่อหวังชนะการเลือกตั้งด้วยจำนวนผู้แทนให้มากที่สุด

ชาวบ้านได้ฟังแต่คำพูดเชิงโม้โอ้อวดถึงความเก่งฉกาจ ว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองโดยที่ไม่ได้มองย้อนไปว่าตัวเองคือปัญหาของชาติโดยระบบที่เป็นอยู่ ไม่มีใครพูดถึงปัญหาแท้จริง

ที่อุจาด บัดสีบัดเถลิงที่สุดก็คือคำอ้างว่าจะทำหน้าที่โดยสุจริตไม่คอร์รัปชัน ทั้งที่ผ่านมาการโกงกินอยู่ในระดับสูงถึง 40% หรือมากกว่าและทำกันอย่างไม่อาย

ช่วงเวลาของ “แปดเปื้อน” มีการประกาศว่าจะปราบปรามการทุจริต แบบปีเว้นปี เท่ากับว่าหลังจากคำประกาศแต่ละครั้งมีผลสำเร็จเหมือนผายลมของสุนัขยามบ่ายเท่านั้น

ถ้าจะประเมินว่าบางกลุ่มอาจจะเป็นที่หวังของชาวบ้านได้มากก็ยังยากที่จะชนะเลือกตั้งหรือมีจำนวนผู้แทนบ้างในสภาฯ นั่นเป็นเพราะการเมืองระบบธนาธิปไตยไม่เปิดโอกาสให้คนดีมีความรู้ความสามารถได้เข้ามา

ผู้ชนะจะต้องเป็นนักเลือกตั้งเจนสนามมีหัวคะแนนเป็นเครือข่ายกว้างขวาง และมีปัจจัยเป็นกระสุนหลักทั้งยังต้องจ่ายมากกว่าคู่แข่ง

การเลือกตั้งยังไม่เริ่มแต่พรรคการเมืองเริ่มจะพูดถึงการจับขั้วเป็นพันธมิตรตั้งแต่ก่อนไก่โห่ นักเลือกตั้งย้ายค่ายเป็นว่าเล่นอ้างเพียงแต่ว่าอุดมการณ์ลงตัว

ไม่มีใครกล้าหาญที่จะบอกว่าโดนซื้อตัว ในเมื่อชาวบ้านรู้กันทั่วว่าการเมืองน้ำเน่าแบบบ้านเราไม่มีอุดมการณ์ หลักการหรือจิตสำนึกรู้ผิดรู้ชอบ ยางอายยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ไม่มีความน่าเชื่อถือแม้แต่ในองค์กรที่จะจัดการเลือกตั้ง ผลงานที่ผ่านมาเป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่มีมาตรฐานชัดเจนและไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับความผิดพลาด

น่าเสียดายที่เงินภาษีประชาชนก้อนใหญ่จะต้องถูกใช้ไปสำหรับการเลือกตั้งที่ไม่ได้ให้ความหวังว่าบ้านเมืองจะดีขึ้น ไร้ทางเลือก

กงล้อการเมืองคงจะต้องหมุนไปอีกรอบ โดยชาวบ้านไม่ต้องหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ที่จะเปลี่ยนทิศทางเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง ที่จะนำพาบ้านเมืองสู่วิกฤตรุนแรงเพราะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและระบบที่ให้ผลประโยชน์ต่อกลุ่มทุนใหญ่อย่างที่เป็นมา


กำลังโหลดความคิดเห็น