เชียงราย - ลั่นหลังเลือกตั้งเป็นรัฐบาลเดินเครื่องตามคำมั่นทันที.. “คุณหญิงหน่อย” นำทีมไทยสร้างไทยเปิดเวทีปราศรัย-เปิดตัวอดีต ส.ส.เก่าเชียงราย เป็นว่าที่ผู้สมัคร ทสท. พร้อมล่าชื่อหนุนกฎหมายบำนาญ 3 พันบาท ชี้ใช้งบ 3 แสนล้าน-คนจนลด 25 ล้านคนใน 3 ปี
วันนี้ (25 ธ.ค. 65) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้นำคณะเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในพื้นที่ จ.เชียงราย หลายคน เช่น นายอภิชิต ศิริชัย เขต 1 นายรชฎ อึ้งอภินันท์ เขต 2 นายสฤษฎ์ อึ้งอภินันท์ อดีต ส.ส.เชียงราย ลงสมัครในเขต 3 นายอุดมเดช ดวงแก้ว เขต 7 นายบัวสอน ประชามอญ อดีต ส.ส.เชียงราย ลงสมัครในเขต 8 ฯลฯ
พร้อมได้เปิดเวทีปราศรัยนโยบายพรรคและทำความเข้าใจเรื่องบำนาญประชาชน-รณรงค์ให้คนร่วมลงชื่อผลักดันกฎหมายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งพบว่ามีชาวบ้านเข้าร่วมประมาณ 1,500 คน รวมทั้งนายทูลสวัสดิ์ ยอดมณีบรรพต หรือหมอแดง ผู้ทรงคุณวุฒิของกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง นำมวลชนร่วมสนับสนุนด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทยถือเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่เราก็กล้าจะวางนโยบายและนำเสนอร่างกฎหมายประกอบเข้าสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนได้ทันทีเมื่อได้รับเลือกเข้าไปเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า เพราะช่วงเวลาตลอด 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนคนไทยต้องลำบากมากจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งการจะเปลี่ยนแปลงนั้น ง่ายที่สุดคือการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
“ตอนที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 4 ปี สมัยพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลผมใช้เวลาเพียงประมาณ 6 เดือนก็ขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้ ดังนั้นการที่พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายให้บำนาญแก่ผู้สูงอายุเบื้องต้นเดือนละ 3,000 บาท ผมจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายกว่ามากและจะใช้งบประมาณเพียง 300,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถหางบมาใช้ในส่วนนี้ได้แน่นอน”
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า นโยบายนี้จะขับเคลื่อนได้ทันที เนื่องจากพรรคได้นำเสนอร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว และหากได้เข้าไปเป็นรัฐบาลก็จะเดินหน้าจัดสรรงบประมาณให้บำนาญแก่ผู้สูงอายุได้ทันทีเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นก็จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นเดือนละ 5,000 บาท
“นโยบายนี้มีการขับเคลื่อนมาแล้วตั้งแต่พรรคยังไม่มี ส.ส.อยู่เลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงเหลือเพียงการรอให้เข้าไปขับเคลื่อนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การจะขับเคลื่อนนโยบายจำเป็นต้องใช้รายชื่อประชาชนสนับสนุนประมาณ 5 ล้านคนพรรคจึงเปิดให้ประชาชนลงรายชื่อซึ่งพบว่ามีผู้สนับสนุนแล้วประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งเชื่อว่าจะครบถ้วนแน่นอน”
ส่วนกรณีงบประมาณ 300,000 ล้านบาทต่อปีนั้น ยืนยันว่าแท้ที่จริงแล้วเม็ดเงินนี้จะไม่หายไปไหน แต่จะหมุนเวียนอยู่ในระบบและทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการออกมาใช้จ่ายของประชาชน จึงจะทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 30% สามารถลดคนจนลงได้กว่า 25 ล้านคนภายใน 3 ปีแรก
คุณหญิงสุรารัตน์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีนโยบายเพิ่มค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็น 2,500 บาท พร้อมจัดการอบรมเพื่อให้ได้รับประกาศนียบัตรและเครื่องมือในการทำงาน การจัดสรรคูปองให้การศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลขึ้นไปจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา การแปลงสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือหวย ให้เป็นเงินออมโดยออกแบบให้มีสลากเงินออมเพื่อคืนให้ผู้ซื้อเมื่อครบ 10 ปี ฯลฯ
แต่ทั้งหมดจะขับเคลื่อนไม่ได้ถ้าไม่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน ดังนั้นที่เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว จึงได้เลือกบุคคลที่มีคุณภาพโดยหนึ่งในนั้นคือนายบัวสอน ประชามอญ ให้มาร่วมกันสร้างบ้านใหม่คือพรรคไทยสร้างไทย และจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ครบทุกเขตของเชียงรายด้วย
ด้านนายบัวสอนกล่าวว่า สาเหตุที่ตนเลือกมาอยู่กับพรรคไทยสร้างไทยเพราะคุณหญิงสุดารัตน์ถือว่ามีความรู้ความสามารถและเหมาะอย่างยิ่ง รวมทั้งในอดีตเคยทำงานร่วมกันมาแล้ว ประกอบกับนโยบายพรรคโดยเฉพาะการให้บำนาญผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท และอื่นๆ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อประชาชนอย่างมาก ดังนั้นในช่วงนี้จึงเปิดให้ประชาชนใน จ.เชียงราย ได้ลงรายชื่อสนับสนุนซึ่งได้แล้วประมาณ 14,000-15,000 คน
ทั้งนี้ ในการเดินสายหาเสียงของพรรคไทยสร้างไทยในพื้นที่จังหวัดเชียงรายครั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์มีกำหนดนำคณะเดินทางไปปราศรัยในพื้นที่ อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ด้วย
