ป่านนี้...บรรดาท่านผู้อ่านคงพอรู้ๆ กันไปแล้ว ว่าตกลงใคร? คุมสภาสูง-สภาล่าง!!! ระหว่างพรรครัฐบาลเดโมแครตกับพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันที่ไล่บด ไล่บี้ ชนิดเลือดหยดติ๋งๆ ในการ “เลือกตั้งกลางเทอม” ของประเทศอเมริกาเขา แต่สำหรับผู้เขียนต้นฉบับชิ้นนี้ที่จำต้องเลือกจังหวะเขียนตอนที่ยังไม่ถึงกับผะงาบๆ ยังพอมีเรี่ยวมีแรงจิ้มๆ ทิ่มๆ คอมพิวเตอร์ได้มั่ง หรือต้องลงมือปั่นต้นฉบับช่วงประมาณบ่ายแก่ๆ ของวันพุธที่ 9 พ.ย.ตามเวลาบ้านเรา เลยคงต้องสรุปว่าน่าจะเป็นไปตาม “โพล” ของสำนักต่างๆ เขานั่นแหละ...
เพราะถ้าดูจากข่าวล่า-มาเรือของ “CNN” ขณะเดโมแครตคว้าไป 48 เก้าอี้ในสภาสูง รีพับลิกันก็ตามมาหายใจรดต้นคออยู่ที่ 48 เก้าอี้เหมือนกัน ใกล้เคียงกับสำนักข่าว “Al Jazeera” ที่สรุปว่าขณะเดโมแครตคว้าเก้าอี้ได้ 48 รีพับลิกันก็ตามมาเบียดอยู่ที่ 47 เก้าอี้ เรียกว่า...ใครแพ้-ใครชนะอาจต้อง “ถ่ายรูป” เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่แค่แพ้-แค่ชนะกันเพียงเก้าอี้เดียว หรือใครได้เก้าอี้วุฒิสภาเกิน 50 หรือแค่ 51 ที่นั่ง ย่อมสามารถสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับฝ่ายตรงข้ามระดับ “หลับไม่ลง” ไปโดยตลอดนั่นแหละทั่น ส่วนสภาล่าง หรือสภาผู้แทนราษฎรนั้น ขณะที่เดโมแครตคว้าเก้าอี้มาได้ 174 เก้าอี้ตามรายงานของ “CNN” รีพับลิกันก็สามารถทิ้งห่าง หรือแทบจะทิ้งขาด ไปพอสมควรแล้ว คือคว้าเก้าอี้สภาล่างได้ถึง 195 ที่นั่ง ไม่ต่างไปจากรายงานของ “Al Jazeera” ที่สรุปว่าขณะที่เดโมแครตได้เก้าอี้สภาล่างมา 168 รีพับลิกันก็ทิ้งห่าง ทิ้งขาด ไปถึง 199 ที่นั่ง การเฉือนชนะกันและกันในสภาผู้แทนราษฎรว่าใครได้เก้าอี้เกิน 218 เก้าอี้ขึ้นไป จึงน่าเป็นไปตามการคาดคะเนของสำนักโพลทั้งหลาย ที่สรุปว่าพรรคฝ่ายค้านน่าจะ “นอนมา” โดยไม่มีพระสวดนำหน้าอยู่แล้วแน่ๆ...
แต่ไม่ว่าใครชนะ-ใครแพ้ ใครคุมสภาสูง-สภาล่างอเมริกา...โดยแนวโน้มแล้วน่าจะเป็นไปตามการฟันธงและฟันเฟิร์มของคอลัมนิสต์สำนักข่าวทางการของรัสเซีย หรือสำนักข่าว “RIA Novosti” อย่าง “นายPyotr Akopov” ที่สรุปไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละว่า ยังไงๆ...งานนี้ หมีขาวรัสเซียนั่นเอง ที่น่าจะเป็นผู้ชนะที่แท้จริง!!! ด้วยเหตุเพราะการไล่ฟัด ไล่งับ ของพรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายในอเมริกาหลังๆ นี้ ออกจะเป็นไปในแบบ “แค้นจัด-กัดดะ-ฝังเขี้ยวจมน่อง” ไม่มีใครยอมใครเอาง่ายๆ หนักเสียยิ่งกว่าการเมืองบ้านเรา ประชาธิปไตยบ้านเรา ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า หรือถึงกับเล่นเอาอเมริกันชนกว่าค่อนประเทศ หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกัน ตามผลสำรวจสำนักข่าว “ABC” และ “Washington Post” เมื่อไม่นานมานี้ ต่างสรุปไปในแนวเดียวกันถึงอารมณ์-ความรู้สึกของชาวอเมริกันว่า “ประชาธิปไตยอเมริกา” ได้กลายสภาพเป็น “ประชาธิป...ตาย” เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหนุนเดโมแครต หรือหนุนรีพับลิกันก็ตามที...
ยิ่งต้องไล่เฉือน ไล่บี้ ระดับเลือดหยดติ๋งๆ เป็นเม็ดๆ แค่ “เครื่องนับคะแนน” บางเคาน์ตี้ เช่นในแอริโซนา นิวเจอร์ซี ดันพาลมาเสียในช่วงเลือกตั้งพอดี เพียงแค่นี้ก็ก่อให้เกิดข้อกล่าวหา กล่าวโทษ ชนิดไม่มีใครยอมมึง!!! เรียกว่า...ขณะรีพับลิกันหันไปกล่าวโทษฝ่ายตรงกันข้ามว่า “โกงเลือกตั้ง” เดโมแครตก็มักหันไปโยนบาปให้กับ “การแทรกแซงเลือกตั้ง” โดยมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน-รัสเซีย-หรือไปอิหร่านไปโน่นเลย เล่นเอาอดีตประธานาธิบดี “ทรัมป์บ้า” กลายเป็นสายลับรัสเซียกันเห็นๆ การประหัตประหารกันในทางการเมืองของทั้งสองฝ่าย แม้จะเป็น “น้ำดำ” (เป๊ปซี่-โคล่า) ไปด้วยกันทั้งคู่ จึงออกจะดุเดือดเลือดพล่าน ชนิดไม่มีใครยอมมึง หรือไม่มึง-ก็กู ต้องฉิบหายวายวอดกันไปข้าง อะไรประมาณนั้น...
ดังนั้น...ไม่ว่าใครคุมสภาสูง-สภาล่าง “ประชาธิปไตยอเมริกา” คงไม่อาจเดินหน้าได้ราบรื่นปานประดุจผ้าไหมการบินไทยได้มากมายสักเท่าไหร่ โอกาสที่จะ “เสร็จรัสเซีย” หรือ “รัสเซียเป็นผู้ชนะที่แท้จริง” อย่างที่ “หนัก” ที่น่าคิดสะกิดใจมิใช่น้อย โดยเฉพาะต่อการเมืองภายนอก หรือต่อกรณี “วิกฤตยูเครน” ที่แม้อาจไม่ถึงกับนายPyotr Akopov” ว่าไว้ จึงไม่ถือเป็นเรื่องโมๆ เมๆ ไปตามเรื่อง-ตามราวแต่อย่างใด แต่ออกจะมี “น้ำ” ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังตีนในการอาศัย “ตัวตลก” หรือ “ตัวแทน” อย่างรัฐบาล “นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้” เป็นตัวบ่อนทำลายศักยภาพของรัสเซีย ที่น่าจะยังดำรงจุดมุ่งหมายไม่ต่างไปจากเดิมๆ แต่การป่าวประกาศของผู้นำเสียงข้างน้อยแห่งพรรครีพับลิกันว่าไม่คิดจะ “เซ็นเช็คเปล่า” ให้กับรัฐบาลยูเครนอีกต่อไป หรือนักการเมืองผู้สนับสนุน “ทรัมป์บ้า” แบบสุดลิ่มทิ่มกระดาน อย่าง “นางMTG” (Marjorie Taylor Greene) ที่ป่าวประกาศว่าไม่คิดให้เงินช่วยเหลือยูเครน “แม้แต่เพนนีเดียว” ถ้ารีพับลิกันคุมสภาสูง-สภาล่างไว้ได้ ย่อมต้องก่อให้เกิดอุปสรรคชะงักงันต่อรัฐบาลอเมริกันอยู่พอสมควร ถึงขั้นที่ผู้นำยูเครนต้องออกมาเรียกร้อง วิงวอน เมื่อวันอังคาร (8 พ.ย.) ที่ผ่านมาให้นักการเมืองอเมริกันทั้งสองฝ่ายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ในการสนับสนุนยูเครนต่อไป...
แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าการเมืองอเมริกันจะพลิกซ้าย-พลิกขวา พลิกหน้า-พลิกหลัง ไปในรูปไหนต่อรูปไหน อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะถือเป็น “เหตุปัจจัย” ไม่น้อยไปกว่ากัน ต่อการ “เสร็จรัสเซีย” นั่นก็คือความทรุดโทรม เสื่อมโทรมของ “ประชาธิปไตยยุโรป” นั่นแล ที่ช่วงระหว่างนี้ไม่เพียงต้องเจอภาวะเงินเฟ้อระดับเลขสองหลักไปเป็นประเทศๆ เจอกับการหนาวตาย แข็งตาย หรืออดอาหารตาย ฯลฯ ยังหนีไม่พ้นต้องเจอกับการ “ประท้วง” ของผู้คน พลเมือง ระดับหนักหนา-สาหัสยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่การประท้วงระดับเกือบแสนคน (70,000 คน) ของผู้คนในกรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ที่ออกมาต่อต้านอียูและนาโตแบบตรงไป-ตรงมาเมื่อช่วงกันยายนที่ผ่านมา คนงานรถไฟอังกฤษที่ประท้วงแล้ว ประท้วงเล่า เรื่องค่าครองชีพและล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง ถึงกับประท้วงขอให้เลือกตั้งใหม่โดยทันที เพราะไม่ไหวแล้ว-ไม่เอาแล้วต่อการเมืองภายในรัฐบาล ที่เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 ครั้งช่วงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง คือไม่ว่าจะนายกฯ หัวกระเซิง “นายบอริส จอห์นสัน” “นางรุ้ง ปนัสยาอังกฤษ” “นางลิซ ทรัสส์” ไปจน “นายฤาษี สุนัข” ต่างกำลัง “ทำลายประเทศ” หรือ “Britain is Broken” ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
ไม่ต่างไปจากการเมืองเยอรมนี...ที่โพลล่าสุดของ “INSA” (The Institute for Social Answers) สรุปเอาไว้ชัดว่าไม่เพียงชาวเยอรมันกว่าครึ่งประเทศ หรือ 55 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าผู้นำอย่าง “นายOlaf Scholz” ไม่เหมาะที่จะอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวอีก 50 เปอร์เซ็นต์ยังไม่เชื่อน้ำยาว่ารัฐบาลเยอรมนีจะช่วยเหลือ เยียวยา ความทุกข์-ความเดือดร้อนของชาวไส้กรอกต่อภาวะเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย การขาดแคลนพลังงาน ฯลฯ ได้เลย การประท้วงของพนักงานรถไฟ สายการบิน จึงกลายเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลเยอรมนีแกว่งไป-แกว่งมาต่อการเดินตามก้นคุณพ่ออเมริกาไม่มาก-ก็น้อย เช่นเดียวกับฝรั่งเศสที่เจอการประท้วงแล้ว ประท้วงเล่า อย่างไม่คิดหยุดหย่อนจนตราบเท่าทุกวันนี้ ไปจนถึงการประท้วงค่าครองชีพในโรมาเนียหรือการประท้วงในอิตาลีช่วงวันเสาร์ (5 พ.ย.) ที่ไม่เพียงชาวมักกะโรนีกว่า 30,000 คน ออกมาชูป้าย “ไม่เอาสงคราม-ไม่เอาการส่งอาวุธให้ยูเครน” กระทั่งอดีตนายกฯ อิตาลี ผู้นำพรรค “ฟอร์ซา อิตาเลีย” ที่กำลังเข้าร่วมรัฐบาลปัจจุบัน อย่าง “นายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี” ยังออกมาเสนอแนะให้รัฐบาลยูเครนยอมรับรองแหลมไครเมียให้เป็นของรัสเซีย และให้ลงประชามติรอบใหม่ต่อการผนวกดินแดน 4 เขต 4 แคว้น ชนิดเล่นเอาผู้นำอียู ออกอาการอีย้วยกันไปเป็นแถวๆ...
อีกทั้งไม่ใช่แค่แรงกดดันจากผู้คน พลเมือง ในประเทศตัวเองเท่านั้น...การเลือก “เดินตามก้นอเมริกัน” ยังก่อให้เกิดความเจ็บปวด-รวดร้าวต่อรัฐบาลยุโรปแต่ละประเทศชนิดหัวอกกลัดหนองเป็นอันมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็น “เพื่อนกิน-เพื่อนกัน” อย่างคุณพ่ออเมริกาฟันกำไรจากอุตสาหกรรมอาวุธและการขายแก๊สให้กับยุโรปแพงกว่าราคาในประเทศตัวเองถึง 5 เท่า 7 เท่า แถมล่าสุดยังออกกฎหมายที่เรียกว่า “IRA Act” (The Inflation Reduction Act 2022) เพื่อสู้ภาวะเงินเฟ้อด้วยการสร้างแรงจูงใจ ลดภาษี สนับสนุนการลงทุน ฯลฯ ดูดเอานักลงทุนยุโรปหนีไปยังอเมริกากันไปเป็นแถวๆ จนผู้นำฝรั่งเศสไม่ว่าประธานาธิบดีหรือรัฐมนตรีคลังต้องออกมากล่าวหาว่าเป็นกฎหมาย 2 มาตรฐาน เป็นการกีดกัน-ป้องกันทางการค้า ที่ต้องหาทางร้องเรียนต่อ “WTO” ไม่ก็ต้องหยิบมาพูดจาปราศรัยระหว่างเดินทางไปเยือนอเมริกาในเดือนหน้า เพราะไม่ใช่การกระทำของ “มิตร” เท่านั้น แต่ยังทำให้ฝรั่งเศสต้องสูญเสียเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านยูโร...ฯลฯ
เมื่อเจอเพื่อนกิน-เพื่อนกัน เพื่อนผู้เห็นแก่ “ตัวกู-ของกู” ซะเป็นหลัก ความง่อนๆ แง่นๆ ในการ “เดินตามก้นอเมริกา” ต่อกรณีวิกฤตยูเครน จึงน่าจะเป็นอะไรที่ “เสร็จรัสเซีย” ยิ่งเข้าไปทุกที ข่าวที่หัวหน้าพรรคชาตินิยมฝรั่งเศส (The French Patriots Party) ทวีตเอาไว้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6 พ.ย.) ว่ารัฐบาลอเมริกันเริ่มเบื่อๆ-อยากๆ ต่อผู้นำยูเครน ถึงขั้นเรียกร้องส่วนตัวให้เปิดทางเจรจากับรัสเซียขึ้นมามั่งแล้ว ไปจนถึงการประกาศอย่างเป็นทางการของกรุงวาติกัน ว่าพร้อมจะเป็น “ตัวกลาง” ให้กับการเจรจาระหว่างมอสโกและเคียฟ โดยให้ตัวแทนอเมริกันและอียูเข้าร่วมด้วย ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ “La Stampa” เมื่อช่วงวันอังคาร (8 พ.ย.) จึงอาจส่งผลให้หมีขาวรัสเซียอาจกลายเป็น “ผู้ชนะที่แท้จริง” เอาเลยก็ไม่แน่!!!