xs
xsm
sm
md
lg

หูผึ่ง! 21 พ.ย. VIP เข้า “รวมไทยสร้างชาติ”? “ป้อม-แป๊ะ” แคนดิเดตนายกฯ พปชร. เตือน ก่อเหตุร้ายช่วง “เอเปก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ กระแสข่าว VIP เข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ 21 พ.ย. เป็นใคร? ขณะที่ “บิ๊กป้อม” ยืนหลักแคนดิเดตนายกฯ พปชร. จากแฟ้ม
“ไพศาล” ปูดข่าว! 21 พ.ย. VIP เข้ารวมไทยสร้างชาติ “ป้อม-แป๊ะ” แคนดิเดตนายกฯ “พปชร.” “นิพิฏฐ์” ได้กลิ่น “ยุบสภา” “นันทิวัฒน์” ชี้ “เอเปก” ไทยไม่ใช่ “ลูกไล่” “อดีตบิ๊ก ศรภ.” เชื่อ โอกาสทอง เตือน ก่อเหตุร้าย คิดใหม่

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 พ.ย. 65) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ว่า

“ด่วน 21 พฤศจิกายน 65 หลังเอเปก เขาว่า เป็นวันฤกษ์ดี จะมี vip สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย!!!

จะเป็นใครก็ติดตามกันเอาเอง!!!!

แบบนี้ก็ฟันธงได้เลยว่า ลุงป้อม และ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ

นับเวลากันไปก็จะคำนวณได้ว่า เวลายุบสภาช้าที่สุดตรงกับวันไหน???”

ภาพ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จากแฟ้ม
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

“อย่างที่เคยพูดไว้ สมัยประชุมนี้ จะมีปรากฏการณ์ 2 เรื่อง เกิดขึ้น คือ

1. ส.ส.เริ่มลาออก

2. สภาล่ม

วันนี้ ปรากฏการณ์ทั้ง 2 เรื่อง เกิดขึ้นในวันเดียวกัน เหตุการณ์นี้ สะท้อนว่า

1. สภาไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพราะประชุมไม่ได้ ส.ส.อยู่ไปก็เปลืองเงินเดือนภาษีอากรของประชาชน

2. รัฐบาลไม่สามารถใช้สภาเป็นเครื่องมือในการออกกฎหมายได้อีกต่อไปแล้ว

กลิ่นการยุบสภา จึงโชยมา...”

ภาพ นายนันทิวัฒน์ สามารถ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

“ไม่ใช่ลูกไล่

ขออาศัยหน้าเฟซนี้เล่าถึงการเตรียมการจัดงานประชุมเอเปกให้เพื่อนๆ และคนไทยได้รับทราบ รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ได้เตรียมการด้วยหลักวิธีคิดว่า จัดให้สมเกียรติ สมบูรณ์ สง่างาม แต่ไม่ฟุ่มเฟือย บอกความเป็นไทยให้ผู้นำและชาวโลกได้รับรู้ รับทราบ อวดเรื่องดีๆ ให้ชาวโลกดู

ความยิ่งใหญ่หรือความอลังการของการจัดงานไม่อยู่ในความคิด ไทยไม่ได้ต้องการอวดรวย อวดความยิ่งใหญ่ หรือตั้งใจจัดงานแข่งขันกับใคร ไม่เคยมีการพูดเปรียบเทียบว่าต้องจัดให้ดียิ่งใหญ่กว่ารัฐบาลโน้นรัฐบาลนี้ หรือแข่งกับประเทศใด งานคราวนี้ไม่มีการตัดชุดเสื้อผ้าให้กับผู้นำตัวละเป็นหมื่นเป็นแสน

การประชุมเอเปกครั้งนี้ จัดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง การเผชิญหน้าและการต่อสู้ระหว่างมหาอำนาจ จัดการประชุมในแบบตัวจริงเสียงจริง ผู้นำระดับโลกมากันตัวเป็นๆ หลังผ่านการระบาดของโควิดที่ใช้การประชุมผ่านออนไลน์

รวมทั้งการจัดประชุมท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศที่มีคนปลุกปั่นจากคนบ้า นักการเมือง สื่อเลือกข้างอยากจะวิจารณ์การจัดงานอย่างไร รู้ว่าห้ามกันไม่ได้ ใครมีเบื้องหลังอะไรอย่างไร ก็รู้ๆ กันอยู่ อย่าทำร้ายประเทศของตัวเอง

ผู้นำต่างๆ ที่จะมาร่วมประชุมได้รับการต้อนรับดูแลอย่างดีในมาตรฐานเดียวกัน ไทยไม่ใช่ลูกไล่ประเทศใด ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือใคร ที่จะต้องเอาใจใคร ไทยมีนโยบายชัดเจนที่จะเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร แต่ยึดผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง”

ภาพ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

“คนไทยทุกคนต้องเตรียมตัวเฝ้าดู

การประชุมเอเปก ครั้งนี้คือโอกาสทองของชาติไทยในหลายๆ เรื่อง

โรงแรมชั้นหนึ่งทั้งกรุงเทพฯ รอบที่ประชุม โดยเฉพาะโรงแรมริมแม่น้ำ ปัจจุบันถูกจองเต็มหมดแล้วกว่า 3 พันห้อง ยังไม่นับเรื่องโรงแรมชั้นหนึ่งในย่านอื่นอีก เงินจะหลั่งไหลเข้าประเทศจำนวนมหาศาล

การพูดคุยแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งของอาเซียน สมาชิกเอเปกและของโลกกำลังจะเกิดขึ้น ในกรุงเทพฯ ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จของคนไทยทั้งชาติ

ใครคิดจะก่อเหตุร้ายขึ้น ก็ควรคิดใหม่เสีย เพราะ (1) ประวัติจะถูกส่งไปทั่วโลก (2) การแก้ไขปัญหาต่างๆ จะใช้ระบบกฎหมายตามมาตรฐานสากล เหมือนของสหรัฐฯ และอังกฤษ ไม่หน่อมแน้มแบบไทยอีก ดังนั้น คนที่สนับสนุนต้องรับผิดชอบเท่าตัวการ

(3) กล้องวงจรปิด ถูกเพิ่มขึ้นมานับหมื่นตัว สามารถเชื่อมโยงต่อเนื่องกันได้ทุกพื้นที่ (4) ม็อบไหนอยากโชว์ชาวต่างชาติ มีสถานที่ให้พูดคุยกันสดๆ ได้เต็มที่ ถ่ายทอดไปถึงห้องนักข่าวที่ศูนย์ประชุมฯ เลยครับ (5) มีตำรวจ ทหาร ทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบ ประมาณ 50,000 คน ทำหน้าที่ รปภ.ทุกจุดรอบกรุงเทพฯ

ถ้ารักชาติจริงไม่ใช่พวกชังชาติแอบแฝง อยากจะทำอะไรก็รอไว้ หลังเอเปกดีกว่าครับ”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ ช่วงการประชุมเอเปก และหลังการประชุมเอเปก ตามที่หลายฝ่ายคาดว่า อาจมีการ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่

ขณะเดียวกัน สิ่งที่หลายคนจับตา หากมีการ “ยุบสภา” เกิดขึ้น ก็คือ การตัดสินสังกัดพรรคของ “VIP” จะเกิดขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังไม่สังกัดพรรคการเมือง และมีข่าวมาตลอดว่า จะเป็น “นายกฯ คนละครึ่ง” กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะ “บิ๊กตู่” มีเวลาเป็นนายกฯได้แค่ 2 ปี

แต่พอ “ไพศาล” ระบุว่า “บิ๊กป้อม-บิ๊กแป๊ะ” จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ โดยไม่มีชื่อ “บิ๊กตู่” จึงทำให้น่าคิดว่า “บิ๊กตู่” ไปไหน ระหว่างสังกัดพรรคการเมืองใหม่ กับยุติบทบาททางการเมือง?

เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง ไม่แต่เฉพาะการเลือกตั้งครั้งหน้า หากแต่ยังรวมถึง “ดีล” จัดตั้งรัฐบาล ที่ “3 ป.” มี “ส.ว.250 เสียง” ในมือด้วย จะเป็นอย่างไร?


กำลังโหลดความคิดเห็น