xs
xsm
sm
md
lg

มองจากมุมสูงรัสเซีย - ตะวันตก ใคร“เจ๊ง”ก่อน???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Kristalina Georgieva ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
“สงคราม” ...ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการสาดน้ำนั่นแหละสหาย!!! คือมีแต่ต้องเปียกโชกไปด้วยกันทั้งคู่ ในเมื่อฝ่ายตะวันตกและ “ตัวแทน” อย่างยูเครน ทั้งวางระเบิดท่อแก๊สรัสเซียพังพินาศไปเป็นจุดๆ ทั้งล่วงละเมิด “เส้นตาย” ดอดเข้าไปวินาศกรรมสะพานไครเมีย แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า “แตะเธอเมื่อไหร่...โลกแตกแน่” ด้วยเหตุนี้การตอบโต้-เอาคืน แบบ “อย่าแหย่...หมีหลับ” ด้วยการสาด “บ้องข้าวหลามยักษ์” นานาชนิด รวมทั้งเครื่องบินโดรนแบบกามิกาเซ่อีกด้วยต่างหาก ถล่มเมืองต่างๆ รวมทั้งเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟ ของยูเครน ชนิดแทบราพณาสูร จึงถือเป็นเรื่อง “ปกติธรรมดา” นั่นแหละทั่น...

ส่วนใครจะเจ๊ง จะฉิบหาย-วอดวาย มาก-น้อยไปกว่ากัน อันนี้...ถ้าหากยังไม่ถึงเวลา “นับศพ” หรือถ้า “สงครามยังไม่จบ” ก็คงสรุปลำบาก มีแต่ต้องบินขึ้นไปให้สูงๆแล้วมองลงมาให้ทั่วๆ ให้พอได้เห็น “ป่าทั้งป่า” ถึงอาจพอคาดการณ์ได้มั่งว่าสุดท้ายแล้ว...ใครจะกุสะลา ธัมมา-อกุสะลาธัมมา ใครจะต้องไปแบบ “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี” ต่อไปนับจากนี้ หรือคงต้องเริ่มต้นด้วยการมองลงมายัง “โลกทั้งโลก” นั่นแหละทั่น โดยที่โลกนับจากนี้ไปจนถึงปีหน้า ปีโน้น บรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญระดับ “อินเตอร์” ด้วยกันทั้งสิ้น เขาก็ได้ออกมาวาดภาพ ออกมาร่ายเรียงจินตนาการให้เห็นในระดับชัดเจนพอสมควรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประธานธนาคารโลกอย่าง “นายDavid Malpass” หรือผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ “IMF” อย่าง “นางKristalina Georgieva” ที่ได้ออกมาพูดจาภาษาเดียวกัน เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (10 ต.ค.) นี่เอง ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกทั้งโลกกำลังเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น นับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า ไม่ว่าจะด้วยเหตุเพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดที่ต่อเนื่อง ยาวนานเป็นปีๆ เพราะการบุกยูเครนของรัสเซีย เพราะการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อของธนาคารกลางในแต่ละชาติ ฯลฯ ก็ตามที ชนิดที่มูลค่าความสูญเสียจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ถ้านับเป็นตัวเลขกลมๆ อาจปาเข้าไปถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย หรือขนาดเทียบเท่ากับจีดีพีทั้งปี ของประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 4 อย่างเยอรมนีเอาเลยก็ว่าได้...

ส่วนประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 อย่างคุณพ่ออเมริกาที่กำลังอาศัย “ตัวแทน” หรือ “ตัวตลก” อย่างยูเครนเล่นงานหมีขาวรัสเซียอย่างชนิดกะให้ตายคาตีนให้จงได้ ถ้าว่ากันตามความคิด-ความเห็นของหัวหน้าผู้บริหารบริษัทวาณิชธนกิจระดับโลก อย่าง “JP Morgan Chase & Co” หรือ “นายJamie Dimon” ที่ออกมาให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “CNBC” ไปเมื่อวัน-สองวันนี้ นอกจากไม่ต่างอะไรไปจากประธานธนาคารโลกและผู้อำนวยการ “IMF” แล้ว ยังถึงกับ “ฟันธง” และ “ฟันเฟิร์ม” เอาไว้ชัดเจน ว่าภายใน 6-9 เดือนนับจากนี้ “เศรษฐกิจอเมริกา” มีแต่ต้องเข้าสู่ “ภาวะถดถอย” เช่นเดียวกับเศรษฐกิจโลกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น หรือ “พายุเฮอร์ริเคนทางเศรษฐกิจ” กำลังจะมาถึง และนั่นไม่เพียงแต่ทำให้ความพยายามต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ แบบอุตลุดชุลมุนวุ่นวาย แทบไม่ได้ก่อให้เกิดผลตามที่คาดหมาย ดังที่หัวหน้าคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่แห่งเยอรมนี หรือ “Allianz Se” อย่าง “นายMohamed El-Erian” สรุปว่า “ช้าไป...ต๋อย” หรือมัวแต่รีๆ รอๆ แถมยังเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเพียงเพื่อกอบกู้ “เครดิต” ของตัวเองอีกต่างหาก จนทำให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของอเมริกาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด...

และภายใต้ภาวะเช่นนี้นี่เอง...ที่จะทำให้ “การเลือกตั้งกลางเทอม” อเมริกา ที่เหลือเวลาอยู่แค่ประมาณ 4 สัปดาห์เท่านั้นเอง ย่อมต้องส่งผลไม่ต่างไปจากผลสำรวจวิจัยของบรรดา “สำนักโพล” ทั้งหลาย นั่นคือ...โอกาสที่พรรครัฐบาลอย่างเดโมแครตมีแต่ “แพ้...กับ...แพ้” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับ “ความล้มเหลว” ในการควบคุมราคาพลังงาน ไม่ให้สูงโด่เด่เกินไปกว่าที่เป็นอยู่ อันเนื่องมาจากต้องเจอกับการ “เบี้ยว” ของกลุ่มประเทศโอเปก ที่ดันหันไปถือหางประเทศศัตรูคู่ปรปักษ์อย่างรัสเซีย ด้วยการลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงไปถึงวันละ 2 ล้านบาร์เรล แนวโน้มที่จะต้องสูญเสียอำนาจทั้งในสภาสูง-สภาล่าง อันจะส่งผลให้ “รัฐบาล” กับ “รัฐสภา” ต้องแปลกแยกแตกต่าง เป็นหนังคนละเรื่อง-คนละม้วน หรือก่อให้เกิดปัญหาต่อการดำเนินนโยบายทั้งภายใน-ภายนอก ไม่ว่าเรื่องงบประมาณ การเงิน-การทอง จนเหลือแต่ต้องรอวันเจ๊ง รอวันล่มสลาย ไปตามสภาพ!!!

ส่วนยุโรปทั้งยุโรป...ก็ไม่ได้ผิดแผกแตกต่างอะไรกันมากมาย แม้ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งปรี๊ดไปถึงเลข 2 หลักไปแล้วกว่า 19 ประเทศ แต่ด้วยเหตุเพราะการแก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุด หรือไม่ได้คิดจะแก้ตามแนวทาง “ทุกข์-สมุหทัย-นิโรธ-มรรค” อย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านชี้แนะไว้แล้วล่วงหน้า คือแทนที่จะหาทางยุติข้อขัดแย้ง หาจุดลงตัว ในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน อันเป็น “เหตุปัจจัย” ที่ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนพลังงานไปทั่วทั้งยุโรป และส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักหน่วงรุนแรง แต่กลับหันไปเร่งเร้า กระพือโหม ให้ขีดความขัดแย้งดังกล่าวยกระดับเพิ่มขึ้นๆ จนแทบกลายเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับนาโต หรือกับอียูทั้งอียู ไปแล้วก็ว่าได้ ชนิดที่ทำให้บรรดา “ผู้ประท้วง” นับพันๆ คน ที่ลุกฮือพากันลงถนนออกันอยู่หน้าอาคาร “Reichstag” กรุงเบอร์ลิน เมื่อช่วงวันเสาร์ (8 ต.ค.) ที่ผ่านมา ถึงกับสรุปว่ารัฐบาลเยอรมนีกำลัง “ทำสงครามกับประชาชนของตัวเอง” ด้วยการเดินตามก้นอเมริกา หรือการ “แซงชั่นรัสเซีย” จนทำให้การพึ่งพา “พลังงานราคาถูก” จากรัสเซียตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...

การลุกฮือขึ้นประท้วงรัฐบาลตัวเองของประเทศต่างๆ ในยุโรป...คงจะไปมองเป็นเรื่อง “ล้อเหล้นน์น์น์” อีกต่อไปไม่ได้แล้ว แม้บรรดา “สื่อกระแสหลัก” หรือ “สื่อตะวันตก” จะพยายามเม้มมิด ปิดบัง ในลักษณะไหนก็ตาม เพราะอย่างที่ “Sun Keqin” นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน “The Institutes of Contemporary International Relations” มหาวิทยาลัยเหรินหมิน ของจีน เขาสรุปเอาไว้นั่นแหละว่า...นี่เป็นเพียง “จุดเริ่มต้น” เพราะถ้าหากการ “แก้ปัญหา” ของรัฐบาลทั้งหลาย ทั้งปวง ในยุโรป ยังต้อง “เดินตามก้นอเมริกา” หรือยังต้องตามรุมเหยียบ รุมกระทืบรัสเซียให้ตายคาตีนให้จงได้ โอกาสที่จะคลี่คลายทุเลาเบาบาง “ต้นเหตุของปัญหา” ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ การขาดแคลน “พลังงานราคาถูก” จากรัสเซีย จึงไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อปุถุชนคนธรรมดาในยุโรป ในปีนี้ ปีหน้า และอีกไม่รู้จะกี่ปีต่อกี่ปีเท่านั้น แต่ยังจะลุกลามไปถึงโรงงานและระบบอุตสาหกรรมทั้งมวล หรือจาก “ปัญหาเศรษฐกิจ” กลายเป็น “ปัญหาความมั่นคง” ไปจนได้...

การประท้วงของผู้คนในยุโรป ไม่ว่าในเยอรมนี ในฝรั่งเศสที่ผู้คนนับหมื่น ออกมาชูป้ายเรียกร้องให้ “Frexit” หรือให้ฝรั่งเศสตีกรรเชียงออกจาก “ผู้กระหายสงคราม” อย่าง “นาโต” และ “อียู” ให้ “ประเทศเราต้องมาก่อน” ยังส่งผลลุกลามไปถึงประเทศสาธารณรัฐเช็กที่ผู้คนหลายพันคน ตัดสินใจลงถนน ณ จัตุรัส “Wenceslas” เมื่อช่วงวันเสาร์ (8 ต.ค.) ที่ผ่านมา ไปจนถึงมอลโดวา ที่ก่อการประท้วงรัฐบาลตัวเองร่วมเป็นเดือนๆ เข้าไปแล้ว ฯลฯ หรือกลายเป็นคลื่น เป็นกระแส แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งยุโรปไปแล้วก็ว่าได้ ยิ่งความพยายามวิ่งหาแก๊ส หาน้ำมันมาทดแทนพลังงานจากรัสเซียของแต่ละรัฐบาลในยุโรปออกจะเป็นเรื่อง “ตลกเศร้า” เอามากๆ ชนิดที่ผู้นำฝรั่งเศส “นายเอ็มมานูเอล มาครง” ต้องโหยหวนครวญคราง ว่าราคาพลังงานทดแทนที่ได้มาจากอเมริกานั้น แพงกว่าราคาในอเมริกาถึง 4 เท่าตัว หรือแทบไม่ได้แสดงออกถึง “มิตรภาพ” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งทำให้ความพยายาม “แก้ปัญหา” ของรัฐบาลยุโรป กลายเป็นการ “สร้างปัญหา” ให้กับประเทศตัวเองที่กำลังเจอกับภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอยกันโดยถ้วนหน้า...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้พอมองเห็นภาพ “ป่าทั้งป่า” ได้ถนัดชัดเจนพอสมควร ไม่ว่าการสาดน้ำ การทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน จะเป็นไปในลักษณะไหน ไม่ว่าใครยึดเมือง ยึดพื้นที่ ไปแล้วกี่ร้อยหรือกี่แสนตารางกิโลเมตร แต่ท่ามกลางภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ในระดับทั่วทั้งโลกนั้น การมุ่งที่จะอาศัย “ความตาย” ของ “ชาวยูเครนคนสุดท้าย” เป็นเครื่องมือให้กับยุโรปและอเมริกา ในการบั่นทอนศักยภาพมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซียและจีน ไม่เพียงแต่ไม่ได้ช่วย “แก้ปัญหา” ใดๆ ได้เลย ยังกลับส่งผลให้อเมริกาและยุโรป มีสิทธิ “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี” อย่างชนิดต่อเนื่อง ยาวนาน จนกว่าต่างฝ่ายต่างหันมามองเห็นถึง “ทุกข์-สมุหทัย-นิโรธ-มรรค” ได้อย่างจะจะแจ้งๆ หรืออย่างแท้จริง...นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น