MGR Online - ผบ.ตร.มอบนโยบาย "รอง ผบช. - ผบก. - หน.สถานี" ทั่วประเทศ ประกาศนำทัพ รุกปราบยาเสพติด ลั่นเช็กบิลตำรวจเอี่ยวขบวนการยานรก
วันนี้( 12 ต.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ตร. ) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) กล่าวในการมอบนโยบาย เปิดการอบรมสร้าง “ครูแม่ไก่” ขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกป้องกันปราบปรามยาเสพติด ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีข้าราชการตำรวจ ระดับรอง ผู้บัญชาการ (ผบช.) ถึง ผู้กำกับการ (ผกก.) หัวหน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ มีใจความสำคัญส่งสัญญาณกำชับนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งผบ.ตร.ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน
“ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นมาก ถือว่าเป็นวิกฤตของประเทศ เป็นวาระแห่งชาติที่เราจะต้องช่วยกัน ผมได้แถลงนโยบายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ว่า ผมจะมุ่งมั่น ในการทำงานแก้ปัญหายาเสพติด ถือว่าเป็นวาระเร่งด่วนเรื่องแรกเลย” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวว่า ปีนี้เดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทุกมิติ ทั้งการสกัดกั้นการลักลอบขน จำหน่าย ผลิต โดยจะโฟกัสเข้มข้นที่การทำงานของตำรวจในพื้นที่ ทั้งในมิติของงานค้นหาผู้เสพ นำผู้เสพไปบำบัด หรือดำเนินคดี การดำเนินการกับผู้จำหน่าย และแนวทางการป้องกัน และสร้างชุมชนยั่งยืน
ผบ.ตร.ให้นโยบายว่า ตำรวจต้องเยี่ยมเยือนชุมชน ให้รู้จักสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่จริง ต้องอาศัยฐานข้อมูล เช่น ระบบไครม์ (Crime) ดูว่าที่ผ่านมาพื้นที่ไหนมีการจับกุมได้มาก หรือว่าค้นหาผู้เสพได้มาก ถือว่าเป็นชุมชนที่มีปัญหาด้านยาเสพติด ให้หัวหน้าสถานีตำรวจ ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการ เข้าไปขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และตนก็จะเข้าไปขับเคลื่อน นั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์ป้องกันปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปส.ตร.) ด้วยตนเอง
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า จะเข้าไปตรวจเยี่ยม ตรวจสอบการทำงานด้านยาเสพติดทั้งระดับภาค และระดับจังหวัด จะไปโดยไม่บอกล่วงหน้านาน และจะลงพื้นที่ชุมชน สอบถามความคืบหน้าการปฏิบัติตามนโยบายโดยไม่บอกล่วงหน้า ดังนั้นทุกพื้นที่ต้องทำจริง และเตรียมพร้อมให้ตรวจสอบทุกเมื่อ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอบรมการค้นหาผู้เสพในพื้นที่ สร้างเป็น "ครูแม่ไก่"สามารถแนะนำผู้ปฏิบัติงานด้านอื่น ๆ เช่น สายตรวจหมู่บ้าน โดยผู้ผ่านการอบรมเป็นตัวขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่าย ตำรวจต้องไม่ทำงานลำพัง ให้ประสานความร่วมมือกันท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ผู้นำชุมชนทางธรรมชาติ อาสาสมัครสาธารณสุข เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ช่วยกันในการค้นหา ลงระบบ เพื่อที่จะเห็นปัญหาว่าใครเป็นปัญหาระดับสีเขียว สีเหลือง สีแดง เพื่อทำมาตรการในการแก้ไขปัญหาร่วมกับครอบครัวของคนนั้นด้วย
“เราต้องช่วยกัน นอกจากในชุมชนแล้ว ในสถานประกอบการ ในสถานบริการ ก็ละเลยไม่ได้ ก็ต้องทำทุกมิติในพื้นที่ ผมเน้นให้ท่านทำในพื้นที่ตนเอง งบประมาณต่างๆ ก็พยายามจะหางบฯ ให้ ท่านต้องการอะไรก็ร้องขอมา ผมกำลังวางแผนที่จะขอเงิน ป.ป.ส. ในเรื่องเกี่ยวกับการค้นหาผู้เสพ ผู้ค้าในพื้นที่ การย้ำนโยบายอันนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าผมให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ ถ้าหัวหน้าหน่วย โดยเฉพาะผม ไม่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง การขับเคลื่อนมันจะช้า นอกจากนี้จะมีการจะมอบรางวัลสำหรับผู้ที่เป็นต้นแบบดี รางวัลสำหรับผู้ที่ทำงานดี ก็จะพยายามดำเนินการอย่างจริงจัง แล้วก็เห็นผลเร็ว” ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงต้นปีได้ติดตามคณะไปตรวจงานชุมชนยั่งยืน พบว่าหลายภาคยังทำไม่ดีไม่มีมาตรฐาน ขณะที่ตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 3 และภาค 4 ทำได้ดีเกินมาตรฐาน จากนี้หากพื้นที่ไหนทำคะแนนได้น้อย ตนจะถือว่าเป็นความไม่ใส่ใจของรองผู้บัญชาการที่รับผิดชอบด้านยาเสพติด ผู้บังคับการ และหัวหน้าสถานี
“บางสถานีค้นหาผู้เสพไม่ได้เลย แสดงว่าตัดสินใจผิด ติดกระดุมเม็ดแรกผิด ไม่รู้ว่าชุมชนของคุณเหมาะสำหรับสำหรับทำชุมชนยั่งยืนหรือไม่ อย่างนี้เรียกว่าเหนื่อยฟรี อย่างนี้ก็ต้องโทษผกก.ถือว่าทำงานได้บกพร่อง ย้ำว่าผมให้ความสำคัญด้านปราบปรามยาเสพติด หากใครรู้ว่าตัวเองไม่ถนัดในงานด้านยาเสพติด ขอเปลี่ยนสายงานได้ ไม่ว่าจะเป็นรองผู้บัญชาการ รองผู้บังคับการ หรือหัวหน้าสถานีหากคิดว่ามันหนักไป ก็ขอไปอยู่ฝ่ายบริการ หรืออยู่เฉพาะทางไป ผมเปิดโอกาส เพราะว่าเราต้องการคนทำงานด้วยใจ ทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนคนเดือดร้อน ผมเชื่อว่าถ้าท่านทำงาน ไม่ได้ต้องโทษว่าหัวหน้าหน่วยต้องรับผิดชอบทุกอย่าง หากรองผู้กำกับการสายงานสืบ สายป้องกันปราบปราม ไม่ช่วย เกียร์ว่าง ผกก.ก็เสนอมาได้ เสนอผ่านผู้บังคับบัญชามาในการแต่งตั้งคราวนี้ หากมีเหตุผลเพียงพอบัญชีลับมา เราก็จะย้ายให้ท่าน เพราะหัวหน้าสถานีก็ต้องมีคนทำงานให้ท่านเหมือนกัน เราก็เข้าใจซึ่งกันและกัน” ผบ.ตร.ย้ำ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังได้กล่าวต่ออีกว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าจะทำงานด้วยความเข้มข้น แต่ไม่เครียด ทำงานแบบมีความสุข เพราะว่าเราอยากให้ผลงานเราออก เมื่อผลงานออกเราก็จะมีความสุข ขอให้ทำเร็ว ๆ พื้นที่ไหนอยู่ในกลุ่มสีแดง พบผู้เสพที่เข้าข่ายสีแดงไปพูดคุยกับครอบครัวเขา ร่วมมือกับผู้นำชุมวางแผนในการระงับเหตุในการแก้ปัญหาไม่ให้คลุ้มคลั่ง อันนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ และอยากให้ตำรวจกวาดบ้านตัวเองให้ดี ตรวจสอบตำรวจที่อาจมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ส่งสัญญาณเตือนก่อน อย่าไปช่วยกัน ก็ต้องดำเนินคดี
“ผมก็ส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่ 1 ตุลาคม อย่าไปพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้าฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ฉะนั้นเรื่องนี้ในแต่ละพื้นที่มักจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเกี่ยวข้อง ผู้บังคับบัญชาต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ต้องจัดการพวกนี้ ถ้าเขาไม่เปลี่ยนใจ ยังฝ่าฝืน ยังทำอยู่ต้องจัดการ ต้องกล้าดำเนินการ กล้าเสนอแนะอย่าให้พวกนี้ทำได้โดยที่รู้ว่าไปทำอะไร ใครเกี่ยวข้องกับการเสพยาต้องสุ่มตรวจ ทำเป็นตำรวจสีขาวให้ได้” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ มอบแนวทางการทำโครงการชุมชนยั่งยืน ว่าเป็นโครงการที่ต้องทำจริงจัง ทำให้ชุมชนยั่งยืนเป็นลักษณะเป็นไข่แดง ทำหมู่บ้านใกล้เคียงเป็นไข่ขาว เพื่อสนับสนุนให้ฝ่ายปกครอง อบต. กำนัน เทศบาล ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำกฎหมายใหม่มาใช้อย่างจริงจัง
“ที่สำคัญที่สุดผมอยากจะเน้นคือการลงระบบซักถาม ตอนนี้ผมกำลังประสานงานอัยการเพื่อที่จะวางแผนให้ระบบซักถามเป็นหลักฐานที่จะนำไปสู่การจับกุมผู้จำหน่ายให้ได้ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานผ่านผู้เสพ เมื่อมีแนวทางชัดเจนแล้ว ก็จะมีการมอบนโยบายอีกครั้ง” ผบ.ตร.กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า การปราบปรามยาเสพติดเป็นงานที่เราจะต้องช่วยพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนในทุกหย่อมหญ้า
“โดยเฉพาะครอบครัวของเขา ที่เขาลูกหลานติดยา เขาก็อยากให้ลูกหลานเขาหายอยากให้เป็นคนดีกลับสู่สังคม เราต้องพยายามทำทุกมิติ อย่าไปมองว่างานชุมชนยั่งยืนเป็นงานของฝ่ายปกครอง จริงๆ แล้วเป็นงานปราบปรามเชิงรุก ที่จะทำให้เรารู้ถึงคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างแท้จริง” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว