พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และยาเสพติดแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมักมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ และหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และอาวุธปืน อย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชน ทั้งนี้ จะมีการระดมกวาดล้างเป็นช่วงๆ แต่ในช่วงแรกจะระดมอย่างเร่งด่วนก่อน และจะทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่เปิดเผยว่าช่วงใดบ้าง เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมาย
สำหรับมาตรการในการปราบปรามอาวุธปืน จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก สามารถแจ้งให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตได้
นอกจากนั้น จะมีการตรวจค้นกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มวัยรุ่น เด็กแว้น ที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอาวุธ ปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อน รําคาญ บุคคลที่พกพาอาวุธปืนติดตามผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง ผู้ประมูลรับเหมางานรายใหญ่ บุคคลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ บุคคลพ้นโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน หรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทําความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรม หรือลักลอบผลิต จําหน่ายหรือขายอาวุธปืนทางอินเทอร์เน็ต (online) รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้จําหน่าย รายใหญ่ และผู้มีประวัติถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำซาก
ขณะเดียวกัน จะมีการตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมาย แหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุม สถานบริการ กําหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ สุ่มตรวจ ค้นสัมภาระรถโดยสารสาธารณะ สกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นําเข้า และส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการและควบคุมสั่งการในเรื่องนี้ ทั้งในระดับสถานี กองบังคับการ และกองบัญชาการ เพื่อบริหารจัดการคดีไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน วางระบบการประสานงานและส่งต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขันควบคุมการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด
ส่วนในด้านการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก จะมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทําความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน ต่อผู้กระทําผิดทุกกรณี
นอกจากมิติการป้องกัน การนำผู้เสพมาเข้ารับการบําบัด โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ จะมีการสุ่มตรวจตามวงรอบ มีการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนอย่างต่อเนื่อง ค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตประสาทในพื้นที่ จัดทําฐานข้อมูลเพื่อพิจารณาจัดลําดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนําเข้าบําบัดรักษา ค้นหาและนําผู้เสพ เข้าสู่กระบวนการบําบัดโดยสมัครใจโดยเร็ว
ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องลงไปขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้สั่งการลงไป รวมทั้งจัดทำโครงการ "ตำรวจสีขาว" สุ่มตรวจปัสสาวะตำรวจทุกนาย ติดตาม ตรวจสอบ และควบคุมความประพฤติ ของผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด หากพบการกระทํา ความผิดจะต้องดําเนินการทางกฎหมาย ทางวินัย และทางปกครองอย่างเด็ดขาดทุกราย และจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงานและนำมาใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในวาระที่จะถึงนี้ด้วย
หากประชาชนต้องการแจ้งเบาะแส ความผิดเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด อาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ ข้อมูลในการแจ้งจะปิดเป็นความลับ และจะมีเงินสินบนรางวัลให้กับผู้แจ้งในกรณีที่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้