ช่วงระหว่างที่ใครต่อใครกำลัง “หาพวก-แบ่งพวก” หรือ “แบ่งข้าง-แบ่งฝ่าย” อะไรทำนองนั้น...ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาที่เร่งระดมประเทศถึง 40 กว่าประเทศ ทั้งยุโรป ทั้งอเมริกา รวมทั้งยังลากประเทศในเอเชียอย่างออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เข้าไปด้วย ไปสุมหัวรวมตัวที่ฐานทัพอากาศ “Ramstein” ในเยอรมนีเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อหาทางต่อต้าน เล่นงานประเทศหมีขาวรัสเซียเป็นการเฉพาะ หรือการกวักมือเรียกชาติอาเซียนทั้ง 10 ชาติยกเว้นพม่า ไปจับเข่า จับหัวหน่าวกันถึงอเมริกา เพื่อหวังจะให้เกิดการสุมหัวรวมตัวต่อต้านพญามังกรจีน ในลักษณะไม่ต่างอะไรไปจากกัน...
ภายใต้สีสัน บรรยากาศ ทำนองนี้...เลยคงต้องขออนุญาตชี้ชวน เชิญชวน ให้ลองหันไปจับตาการพบปะ การประชุม ในระดับ “สุดยอดประเทศทวีปอเมริกา” หรือ “The Summit of the America” (SOA) ที่ว่ากันว่า...จะเริ่มต้นเปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนาฯ ที่จะถึงนี้ ไปจนถึงวันที่ 10 มิถุนาฯ ณ เมืองเทวดา หรือ ณ มหานครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ออกจะมีบรรยากาศเอื้ออำนวยต่อการประชุมดังกล่าวอยู่พอสมควรเหมือนกัน คือเป็นเมืองที่เต็มไปด้วย “พวกเม็กฯ” หรือ “พวกลาติโน” ที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศอเมริกา อย่างค่อนข้างคับคั่งและหนาแน่นเป็นพิเศษ การประชุมสุดยอดประเทศในทวีปอเมริกา ที่จัดขึ้นมาเป็นครั้งที่ 9 และถือเป็น “ครั้งแรก” ที่คุณพ่ออเมริกาท่านจองคิวรับอาสาเป็น “เจ้าภาพ” ภายใต้บรรยากาศของการ “หาพวก-แบ่งพวก” อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละ การประชุมคราวนี้จึงมีอะไรที่คงต้องจับตาสังเกตเอาไว้มั่ง ว่าจะออกหัว ออกก้อย ออกกลาง หรือออกในลักษณะไหนกันแน่!!!
ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อบรรดาประเทศในทวีปอเมริกา หรือ “ละตินอเมริกา” นั้น...ถูกถือว่าเป็น “สวนหลังบ้าน” ของคุณพ่ออเมริกาท่านมานานแล้ว หรือตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี “มอนโร” เจ้าของ “ลัทธิมอนโร” โน่นเลย ที่เคยสั่งห้ามใครก็ตามในยุโรปเข้ามาแตะสวนหลังบ้านในละตินอเมริกา ชนิด “แตะเธอเมื่อไหร่...โลกแตกแน่” อะไรประมาณนั้น หรือถึงขั้นส่งออกการปฏิวัติการรัฐประหาร แม้กระทั่ง “การลอบสังหาร” เข้าไปในบรรดาประเทศต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้ตัวเองสามารถ “หันซ้าย-หันขวา” แต่ละประเทศ ให้เป็นไปตามความปรารถนาและต้องการของ “ตัวกูเอง” มาโดยตลอด จนเต็มไปด้วยฉากโศกนาฏกรรมทางการเมือง อาชญากรรมทางการเมือง อย่างชนิดหนักซะกว่าจีนบุกทิเบต หรือรัสเซียบุกยูเครน ฯลฯ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ใน “โลกยุคใหม่” โลกที่ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุม บงการของ “มหาอำนาจขั้วเดียว” อีกต่อไป หรือโลกที่ “ประมุขโลก” อย่างคุณพ่ออเมริกา ชักเป็นอะไรที่เสื่อมโทรม ทรุดโทรม ลงไปทุกที โดยสีสันบรรยากาศของการประชุมคราวนี้ มันเลยทำท่าว่าชักไม่ได้ออกไปทางชื่นมื่น ชื่นสะดือ มากมายสักเท่าไหร่ หรือเผลอๆ...อาจก่อให้เกิดรายการเสียหมา เสียสุนัข เสียรังวัด เอาง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อ “เจ้าภาพ” อย่างคุณพ่ออเมริกา ท่านออกอาการคล้ายๆ สมาคมเทนนิสวิมเบิลดันของพวกผู้ดีอังกฤษ ที่กระเหี้ยนกระหือรือต่อการกีดๆ กันๆ ผู้ที่ตัวเอง “เหม็นหน้า” อย่างเช่นพวกนักเทนนิสรัสเซีย นักเทนนิสเบลารุส ไม่ยอมให้เข้าร่วมแข่งขันในสนามหญ้าแกรนด์สแลมโดยเด็ดขาด การประชุมสุดยอดประเทศทั่วทั้งทวีปอเมริกาคราวนี้ เลยไม่คิดจะเชิญประเทศอย่างเวเนซุเอลา ที่ถูกอเมริกาบอยคอตจนแทบเจ๊งไปทั้งประเทศ หรือคิวบาที่ถูกอเมริกาคว่ำบาตรมาจนแทบไม่เหลือบาตรจะคว่ำ ไปจนนิการากัวที่ไหลไปทาง “ซ้าย” ตั้งแต่การผงาดขึ้นมามีอำนาจของพวก “ขบวนการซานดินิสตา” (Sandinista) อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ เป็นต้น นี่...ถ้าว่ากันตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ “นิวยอร์ก ไทมส์” เมื่อไม่นานมานี้...
ความพยายามหาพวก แบ่งพวก ในลักษณะเช่นนี้...มันเลยออกจะเป็นอะไรที่ “น่าเกลียด-น่าทุเรศ” ในสายตาของบรรดาผู้นำประเทศละตินอเมริกา ที่เคยต้องตกอยู่ในสภาพ “สวนหลังบ้าน” ของอเมริกามาโดยตลอด หลายต่อหลายรายเลยออกอาการคล้ายๆ “สมเด็จฮวยเซ็ง” (ฮุนเซน) ผู้นำกัมพูชาและประธานอาเซียนช่วงนี้ หรือประธานาธิบดี “ดูเตอร์เต” ของฟิลิปปินส์ ฯลฯ ที่ไม่คิดจะ “กุมไข่” หรือไม่คิดจะยอม “เก็บสบู่” ให้กับคุณพ่ออเมริกาเหมือนอย่างยุคก่อนๆ อีกต่อไป แม้ถูกกวักมือเรียก ถูกเชื้อ ถูกเชิญกันในลักษณะไหนก็ตามที อย่างเช่น ผู้นำเม็กซิโก ประธานาธิบดี “Andres Manuel Lopez Obrador” แม้อยู่ใกล้บ้านอเมริการะดับโดดข้ามรั้วเดี๋ยวเดียวก็ถึง แต่ก็ออกมายืนยัน นั่งยัน ไปเมื่อช่วงวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าการกีดกัน รังเกียจ ไม่คิดจะเชื้อเชิญประเทศเวเนซุเอลา คิวบา นิการากัว เข้าร่วมประชุมด้วย ของเจ้าภาพอย่างคุณพ่ออเมริกานั้น ทำให้... “แม้ว่าตัวแทนรัฐบาลเม็กซิโกอาจไปตามคำเชิญ...แต่สำหรับผมแล้ว ไม่คิดจะไปด้วย!!!” นี่...ต้องiไม่คิดจะลอกเลียนแบบฉบับ “สยามไมซ์เซชั่น” ของบ้านเรา ของนายกฯ “บิ๊กตู่” หรือของรองนายกฯ “ดอน มะขามเตี้ย” เอาเลยแม้แต่น้อย หรือไม่คิดจะยอมให้ไซ้คอ-ไซ้คาง เพื่อกระโดดเกาะหัวและดูดสมองในท้ายที่สุด ทำนองนั้น...
ไม่ต่างไปจากผู้นำโบลิเวียรายใหม่ ที่ “แลนด์สไลด์” ไม่ต่างไปจากคุณน้า “ชัชชาติ” บ้านเรา คือประธานาธิบดี “Luis Arce” ลูกศิษย์ก้นกุฏิของอดีตประธานาธิบดี “Evo Morales” ที่เคยถูก “องค์กรหุ่นอเมริกา” อย่าง “OAS” (Organization of America) กล่าวหา เล่นงาน จนต้องอพยพหลบหนีออกนอกประเทศ ที่ออกมาประกาศแบบเสียงดังฟังชัด ตามหลังผู้นำเม็กซิโกไม่นานเท่าไหร่ ว่าถ้าไม่มีประเทศเวเนซุเอลา คิวบา นิการากัว เข้าร่วมประชุมคราวนี้ด้วย โบลิเวียคงต้องบอยคอตต้องหาบาตรมาคว่ำใส่เจ้าภาพอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ตามด้วยผู้นำฮอนดูรัส ประธานาธิบดี “Xiomara Castro de Zelaya” ที่ออกมา “ทวีต” ออกมาเปิดเผยความรู้สึกแบบตรงไป-ตรงมา ว่าถ้าหากไม่ได้มีชาติละตินอเมริกาทั่วทั้งหมดเข้าร่วมประชุมคราวนี้ แล้วจะเรียกว่าเป็น “การประชุมสุดยอดอเมริกา” หรือ “The Summit of the America” ได้อย่างไร ไปจนผู้นำกัวเตมาลา ประธานาธิบดี “Alejandro Giammattei” ที่ออกมาเอ่ยปากตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ว่านับตั้งแต่คุณพ่ออเมริกาได้พยายามแทรกแซงการแต่งตั้งอัยการสูงสุดในกัวเตมาลาแล้ว ก็ไม่คิดจะไปเหยียบย่างประเทศนี้โดยเด็ดขาด ส่วนผู้นำอาร์เจนตินา อย่างประธานาธิบดี “Alberto Fernandez” ที่ระหว่างนี้ต้องเจอภาวะเงินเฟ้อค่อนข้างหนักหน่อย หรือคงหนีไม่พ้นต้องบากหน้าไปหาใครต่อใคร แต่กระนั้น...ก็ยังอดมิได้ที่จะสรุปว่า แม้ตัวเองคงต้องเดินทางไปร่วมประชุมคราวนี้ก็ตาม แต่ก็อดเป็นกังวลต่อความพยายามกีดกันชาติบางชาติ ของคุณพ่ออเมริกาขึ้นมาไม่ได้...
หรือสรุปรวมความแล้ว...แทบไม่มีประเทศไหนเอาเลย ที่ออกอาการกระดี้กระด้า อยากจะแก้เข็มขัด แก้กางเกง อยากตามไปดมก้นคุณพ่ออเมริกา เหมือนอย่างยุคที่ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็น “สวนหลังบ้าน” ของอเมริกาเช่นเมื่อครั้งอดีต แต่ละราย แต่ละประเทศ ได้เริ่มหันมาแสดงออกถึงศักดิ์ศรี เอกราช และอำนาจอธิปไตยของตัวเอง อย่างจะจะจังๆ และจริงๆ จังๆ ยิ่งขึ้นตามลำดับ อันนี้นี่เอง...ที่ไม่เพียงแต่ถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึง “ความเสื่อม” แห่งสถานะความเป็น “ประมุขโลก” ของคุณพ่ออเมริกาอย่างแจ่มแจ้ง ชัดเจน ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยังอาจถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง “ความเป็นไปได้” ของบรรดาประชาคมโลกที่จะเกิดลักษณะอาการ แบบที่ผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ท่านได้เรียกร้อง ต้องการ ระหว่างการกล่าวคำสุนทรพจน์ ในช่วงครบรอบ 95 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั่นแหละว่า...ให้ร่วมกันหาทาง “แปรเปลี่ยนแรงกดดันจากการถูกกระทำให้กลายเป็นพลังอำนาจ แปรเปลี่ยนความเสี่ยงให้กลายเป็นโอกาส แทนที่การเผชิญหน้าระหว่างกันและกันด้วยความร่วมมือ และขจัดลบล้างการผูกขาดด้วยการอาศัยข้อตกลงที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกันแบบ Win-Win Deal” หรือข้อเรียกร้อง ต้องการ เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ในการ “เปลี่ยนระเบียบโลกใหม่” หรือ “ระเบียบโลกแห่งความยุติธรรม” (Fair World Oder) ให้เป็นจริง-เป็นจังขึ้นมาให้จงได้ นั่นเอง!!!