แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ซึ่งมีผลกระทบมาทั้งจากเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ต้นทุนด้านพลังงานปรับสูงขึ้น กระทบไปถึงอัตราเงินเฟ้อซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องประสบกับภาวะของต้นทุนที่แพงขึ้น
อย่างไรก็ดี ในมุมกลับกัน อ้างอิงข้อมูล The Wealth Report จาก Knight Frank ฉบับล่าสุด พบว่า จำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง (UHNWI) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 9.3% ในปี 2564 โดยมีมากกว่า 51,000 คน ที่มีสินทรัพย์สุทธิมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 2.4%
ทุกภูมิภาคของโลกมีจำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงเพิ่มขึ้นในปี 2563 และ 2564 ทั้งในทวีปอเมริกา (+12.2%) รัสเซียและเครือรัฐเอกราช (+11.2%) ออสตราเลเซีย (+9.8%) ตะวันออกกลาง (+8.8%) ละตินอเมริกา (+7.6%) ยุโรป (+7.4%) และเอเชีย (+7.2%) แต่ยกเว้นทวีปแอฟริกาทวีปเดียวที่ประชากร UHNW ลดลง 0.8%
Flora Harley รองบรรณาธิการ The Wealth Report กล่าวว่า “ราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดทุน จนไปถึงของสะสมระดับลักชัวรีล้วนมีส่วนช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้ผู้ที่มีพอร์ตการลงทุน โดยผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดจาก UHNWI 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีนแผ่นดินใหญ่ ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น จากงานวิจัย The Wealth Report เผยว่าโดยเฉลี่ยแล้วจำนวน 2 ใน 3 ของผู้ที่มีความมั่งคั่ง คือ ทรัพย์สิน และเกือบ 1 ใน 3 คือบ้านหลังแรก และบ้านหลังที่ 2 ส่วนที่เหลือคืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ทั้งทางตรงและทางอ้อม”
ในอีก 5 ปีข้างหน้า Knight Frank คาดการณ์ว่าจำนวนของผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงทั่วโลกจะเติบโตขึ้นอีก 28% โดยทวีปเอเชียออสตราเลเชีย (+33%) จะมีการเติบโตมากที่สุด ตามด้วยทวีปอเมริกาเหนือ (+28%) และทวีปละตินอเมริกา (+26%)
หากมองในช่วง 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2569 Knight Frank คาดการณ์ว่าจำนวนของผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จาก 348,355 คน เป็น 783,671 คน และภายในปี 2569 ทวีปเอเชียจะแซงหน้ายุโรปในฐานะศูนย์กลางความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าสิงคโปร์จะมีจำนวนของผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงเพิ่มขึ้น 268% เป็นเกือบ 6,000 คน ขณะที่อันดับ 1 คือทวีปออสตราเลเชีย ที่คาดว่าจำนวนของผู้ที่มีความมั่งคั่งจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าภายในปี 2569 (จาก 1,249 คน เป็น 4,618 คน) โดยนิวซีแลนด์จะเป็นประเทศที่จะเติบโตมากที่สุดในภูมิภาค
ประเทศและเขตปกครองต่างๆ มีการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนมากที่สุดระหว่างปี 2559-2569
เป็นครั้งแรกที่ Knight Frank วิเคราะห์ขนาดของกลุ่มคนรุ่นใหม่จากกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงทั่วโลก และประเมินผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ จากการคาดการณ์พบว่า จะมีจำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่งที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี และสร้างฐานะขึ้นมาด้วยตนเอง จำนวนประมาณ 129,557 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่งทั้งหมด โดยทวีปอเมริกาเหนือ 44,751 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุด แม้ว่าเอเชียจะมีจำนวนน้อยกว่าเล็กน้อย อยู่ที่ 44,565 คน แต่กลับมีสัดส่วนที่มากกว่า โดยมีจำนวนถึง 26% ที่ร่ำรวยมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม รัสเซียมีจำนวนคนรุ่นใหม่ที่สร้างความมั่งคั่งมากที่สุด โดยมีจำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่ง 45% หรือ 2,923 คน
Liam Bailey หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ Knight Frank กล่าวว่า “การเติบโตของจำนวนผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงที่สร้างฐานะด้วยตัวเองและมีอายุน้อย (21% ของทั้งหมด) จะเป็นตัวขับเคลื่อนรูปแบบการลงทุนและนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากผู้สอบแบบสำรวจ Attitude Survey ของเราจำนวน 83% คาดการณ์ว่าความมั่งคั่งจะเติบโตขึ้นในปี 2565 และเราคาดว่าจำนวนของผู้ที่มีความมั่งคั่งสูงทั่วโลกจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 28% ภายในปี 2569 ทำให้ในตอนนี้เริ่มมีนโยบายตอบสนองเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียม มีการคาดว่าจะมีการเก็บภาษีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น โดยเน้นไปที่สินทรัพย์มากกว่ารายได้ และการลดจำนวนเขตที่เสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า”