ด้วยเหตุเพราะธุระปะปังและบวกด้วยความแก่-ความชราอีกแล้วนั่นแหละ...เลยต้องหายหน้า-หายตาไปวัน-สองวัน แต่เมื่อต้องมาปิดฉากสัปดาห์นี้กันอีกเที่ยว เลยคงต้องขออนุญาต “มองโลกในแง่ดี” หรือมองให้สวยๆ เอาไว้ก่อนนั่นแหละทั่น!!! จะด้วยเพราะความต้องการความสบายอก-สบายใจของคนแก่ หรือเพราะความห่วงใยลูกๆ หลานๆ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป โดยเฉพาะสำหรับเรื่องราวที่ยังคงก่อให้เกิดความปวดเศียรเวียนเกล้า ระดับถือเป็น “ไฮไลต์” ของโลก ตลอดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา นั่นก็คือเรื่อง “วิกฤตยูเครน” ที่ไม่เพียงแต่ทำให้แนวรบยุโรปตะวันออกร้อนฉ่าอยู่จนถึงบัดนี้ แต่ยังมีสิทธิลุกลามบานปลายกลายเป็นตัวจุดชนวน “สงครามโลกครั้งที่ 3” เอาเลยก็ยังได้...
แต่เมื่อมาถึง ณ ขณะนี้...หรือเมื่อชักใกล้ถึงช่วงจังหวะฤดูหนาวในยุโรป ใกล้ถึงช่วงสิ้นปียิ่งเข้าไปทุกที ดูเหมือนว่าบรรดาผู้ที่ยังมี “สติ” ในระดับโลก หรือในหมู่บรรดานักสังเกตการณ์ต่างประเทศ น่าจะมีจำนวนปริมาณเพิ่มยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันมีส่วนช่วยให้เกิดแนวโน้มของฉากสถานการณ์ดังกล่าว ที่ออกจะเป็นไปในแง่บวก หรือเป็นไปในแง่ดีเพิ่มขึ้นๆ ไปในทุกขณะ ไม่ว่าจะในหมู่ผู้เชี่ยวชาญระดับนักคิด นักเขียน นักวิเคราะห์ สังเคราะห์ ของบรรดาสื่อต่างๆ หรือระดับผู้ที่มีบทบาท อิทธิพล มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โลกมากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ อย่างเช่น ใครที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียนบทความของคุณหมอนักเขียน คอลัมนิสต์หนังพิมพ์หลายฉบับ อย่าง “จอห์น วอลช์” (John Walsh) ว่าด้วยเรื่อง “การเปลี่ยนท่าที” ของสื่อยักษ์ใหญ่ในอเมริกา อย่าง “New York Times” หรือเรื่อง “NY Times shifts pro-war narrative” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮา ได้นำมาถ่ายทอดและเผยแพร่ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าจากที่เคยยุแยงตะแคงรั่ว ทั้งยุ ทั้งเชียร์ ให้รุมเหยียบ รุมกระทืบ ให้เปิดศึกสงครามกับรัสเซียแบบชนิดกะให้ตายคาตีนให้จงได้ มาถึงบัดนี้...ไม่เพียงแต่หันมารายงานถึงความเละเทะ ล้มเหลวของสงคราม แต่ยังกลับเสนอแนะให้รัฐบาลอเมริกันเร่งหาทาง “ยุติสงคราม” ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างจะฉิบหายวายวอด ยิ่งไปกว่านี้ อะไรทำนองนั้น...
หรือนักคิด-นักเขียน ระดับเป็นถึงประธานกรรมการความตกลงอเมริกัน-รัสเซีย อย่าง “แคทรินา วานเดน ฮูเวล” (Katrina Vanden Heuvel) อีกทั้งยังเป็นวิทยากรรายการข่าวทีวีช่องดังๆ ของอเมริกา ไม่ว่า CNN, ABC หรือ MSNBC ฯลฯ ก็แล้วแต่ที่เห็นไปในแนวเดียวกัน และได้แสดงความคิด ความเห็น ไว้ในข้อเขียน บทความชื่อว่า “Endless War in Ukraine hurts US and Global security” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาถ่ายทอดไว้แล้วเช่นกัน ที่เห็นว่าการปล่อยให้สงครามยูเครนยืดเยื้อออกไปกว่านี้ ยืดเยื้อแบบไม่มีที่สิ้นสุด ย่อมกลับนำมาซึ่งความฉิบหายวายวอด ให้กับความมั่นคงของสหรัฐฯ และของโลกทั้งโลกนั่นแหละเป็นหลัก ไม่ต่างจากอภิมหานักการทูต นักการต่างประเทศระดับอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกาอย่างคุณปู่ “เฮนรี คิสซินเจอร์” ที่จำต้องหอบสังขาร ถ่อสังขาร มาพูดกับบรรดาลูกๆ หลานๆ ในช่วงงาน “World Economic Forum” ที่กรุงดาวอสระหว่างนี้ ด้วยการนำประสบการณ์ระดับเขี้ยวยาวเฟื้อยเลื้อยลากดิน มาชี้แจง มาอธิบาย ให้เห็นกันแบบชัดๆ จะจะ ด้วยการบอกให้โลกตะวันตกและคุณพ่ออเมริกาเลิกคิดเล่นงานรัสเซียได้แล้ว!!! เพราะเอาไป-เอามา...โอกาสที่ตัวเองต้องเจอกับ “ผลกระทบ” แบบย้อนกลับ ย้อนศร ชนิดถึงขั้นฉิบหายวายวอดกันในระยะยาว หรือทำให้เสถียรภาพของยุโรปและอเมริกาไม่มั่นคงไปอีกตราบนานเท่านาน ดังนั้น...ไม่ควรลากยาวว์ว์ว์สงครามให้ไปไกลเกินไปกว่านี้ หรือควรต้องเริ่มหาทางตั้งโต๊ะเจรจาให้เป็นหลัก เป็นฐาน ภายในไม่เกินอีก 2 เดือนข้างหน้า ไม่เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง อาจถึงขั้น “กลียุค” เอาเลยก็ว่าได้...
แม้แต่ผู้อำนวยการบริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ “IMF” คนปัจจุบัน อย่าง “นางKristalina Georgieva” ที่มีข้อมูล ข้อเท็จจริง อยู่ภายในมือแบบชัดเจน แจ่มแจ้ง ก็ยังออกมาพูดในเวทีเดียวกัน ช่วงเวลาใกล้ๆ กัน และด้วยความคิด ความเห็นที่แทบไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจากกันเอาเลยแม้แต่น้อย นั่นก็คือการพูดถึง “เศรษฐกิจโลกที่กำลังต้องเผชิญกับบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา” อันเนื่องมาจากภาวะ “วิกฤตซ้อนวิกฤต” หรือภาวะที่บรรดาวิกฤตต่างๆ มันไหลมาบรรจบกันแบบพอดิบ พอดี ไม่ตั้งแต่วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก การแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ถูกซ้ำเติม ซ้ำซ้อน ด้วยวิกฤตยูเครนเข้าไปอีกดอก จนนำไปสู่การขาดแคลนพลังงาน ขาดแคลนอาหาร ภาวะเงินเฟ้อและการไร้เสถียรภาพในตลาดการเงิน ฯลฯ ชนิดที่ผู้นำองค์กรโลกบาลแห่งนี้ เลยต้องออกมาเรียกร้องต่อบรรดาผู้เข้าร่วมประชุม “World Economic Forum” ให้ช่วยกันหาทางทำให้บรรดาประเทศรวยๆ ทั้งหลาย เลิกคิดหาทางสร้างสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคต่อการค้า-การขาย แล้วให้หันไปช่วยเหลือบรรดาประเทศที่มีหนี้มีสิน หันไปสนับสนุนปรับปรุงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศแบบชาติต่อชาติ ฯลฯ หรือถ้าหากพูดกันแบบตรงไป-ตรงมา ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไป-อ้อมมา ก็คือให้เลิกคิด “แซงชั่นรัสเซีย” อีกต่อไปนั่นเอง...
โดยบรรดาความคิด ความเห็นเหล่านี้ จะ “เข้าท่า-ไม่เข้าท่า” อันนั้น...คงต้องว่าไปตาม “รสนิยม” ของใคร-ของมันไปตามสภาพ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...โดย “ความจริง” หรือโดย “ข้อเท็จจริง” แนวโน้มของความฉิบหายวายวอด แนวโน้มระดับ “กลียุค” ระดับ “วันสิ้นยุค” ที่ถูกพูดถึง เอ่ยถึง อันเนื่องมาจากภาวะ “วิกฤตซ้อนวิกฤต” อย่างที่ผู้อำนวยการ “IMF” ท่านว่าไว้ มันกำลังใกล้จะปรากฏให้เห็นแบบจะจะจังๆ ภายในไม่เกินช่วงฤดูหนาวปีนี้ หรือภายในไม่เกินสิ้นปี ค.ศ. 2022 นั่นแหละทั่น!!! ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนพลังงานในหมู่ชาวยุโรป ที่อาจถึงขั้นต้องหนาวตาย แข็งตาย ต้องเด็ดปัสสาวะทิ้งกันเอาเอง ด้วยเหตุเพราะราคาแก๊ส ราคาน้ำมัน ถ่านหิน มันพุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ใกล้ถึงอวกาศไปแล้วในทุกวันนี้ แถมยังต้องเจอกับภาวะขาดแคลนอาหาร ไม่มีแป้งข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ ที่จะเอามาใช้ทำขนมปัง จะหันไปดูดนิ้วเท้า ไปอมหัวแม่ตีนตัวเองก็คงช่วยอะไรแทบไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ราคาสินค้าแต่ละชนิด พุ่งระเบิดเถิดเทิง เฟ้อกันระดับใกล้ๆ เลข 2 หลักไปแล้วไม่รู้กี่ต่อกี่ประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่คิดจะครองโลก คิดจะให้โลกอยู่ภายใต้การควบคุมและบงการของรัฐบาล “แองโกล-อเมริกัน” ต่อไปให้จงได้ อย่างคุณพ่ออเมริกาและอังกฤษที่ตัวเลขเงินเฟ้อใกล้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์สูงสุดในรอบ 30-40 ปีไม่ต่างอะไรไปจากกัน...
การคิดลากยาวว์ว์ว์ “สงครามยูเครน” ให้ดำเนินต่อไปจนกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างหมีขาวรัสเซีย จะแห้งตาย กระอักเลือดตาย หรือจะพังพินาศให้เห็นกันแบบต่อหน้า-ต่อตา ดังที่คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกแสดงเจตจำนงให้เห็นค่อนข้างจะเด่นชัด จึงเป็นอะไรที่ออกจะขัดแย้งกับความจริง กับข้อเท็จจริง อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม...การที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียกลับเด้งดึ๋ง แข็งค่าซะยิ่งกว่าเก่าไม่ว่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์หรือยูโร การเพิ่มขึ้นของปริมาณการค้า โดยเฉพาะสินค้าพลังงานอย่างน้ำมัน แก๊ส และถ่านหิน อันเป็นรายได้หลักๆ ของรัสเซีย กับประเทศผู้บริโภคพลังงานระดับต้นๆ ของโลก ไม่ว่าคุณพี่จีนหรือคุณปู่อินตะระเดียขึ้นไปไม่รู้กี่เท่าตัว ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นตัวชี้ชัด เป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าการ “แซงชั่นรัสเซีย” ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ไม่เพียงแต่ “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” แต่ยังแทบไม่ต่างไปจากการ “ควักปืนออกมายิงหัวแม่เท้าตัวเอง” ดังที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย “นายดมิตรี เมดเวเดฟ” (Dmitry Medvedev) ท่านเคยอุปมา-อุปไมยเอาไว้แล้วนั่นเอง...
ดังนั้น...เหลือแต่เพียงหนทางที่จะต้องหันกลับไปสู่ “โต๊ะเจรจา” กันจนได้นั่นแหละทั่น!!! ก่อนหน้าที่ฤดูหนาวอันยาวนาน หรือฤดูหนาวอันสุดแสนทารุณและโหดร้าย จะมาเยือนอเมริกาและยุโรปอย่างเป็นระบบและกิจการ ก่อนที่ภาวะขาดแคลนอาหารและภาวะเงินเฟ้อ ฯลฯ จะทำให้โลกทั้งโลกต้องเข้าสู่กลียุค หรือวันสิ้นยุคไปก่อนกำหนดการ เพราะแม้แต่อดีตดาวตลก ที่เผอิญต้องถูกจับมาเล่นบทเป็นผู้นำยูเครนและเป็น “ตัวแทน” ของอเมริกาและโลกตะวันตก อย่างประธานาธิบดี “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้” (Volodymyr Zelensky) ยังหนีไม่พ้นต้องออกมายอมรับ ยอมสารภาพอย่างตรงไป-ตรงมา ขณะร่วมแถลงข่าวกับผู้นำโปรตุเกสเมื่อวัน-สองวันมานี้ ว่ามีแต่ต้องหันกลับไปหาหนทางการทูต หรือการ “ตั้งโต๊ะเจรจา” เท่านั้นถึงจะสามารถยุติสงครามได้แบบจริงๆ-จังๆ แม้ว่ายังคงต้องขออนุญาต “ไถเงิน” อเมริกาและยุโรปอีกนับเป็นหมื่นๆ ล้าน ด้วยเหตุนี้...โอกาสฝันเห็นมุมจบ การปิดฉาก เก็บฉากในแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง” นับจากนี้ต่อไป ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย...