ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตไปสรุปถึงความเป็นไปของ “แนวรบยุโรปตะวันออก” เอาไว้ซะหน่อย เพราะเท่าที่รบๆ กันมาในสมรภูมิยูเครนเกือบๆ 4 เดือนเข้าไปแล้ว ก็ยังหาจุดจบ จุดลงตัวกันไม่เจอ เนื่องจากไม่ใช่แค่การรบระหว่างหมีขาวรัสเซียกับพวกนาซียูเครนแต่เพียงเท่านั้น แต่อาจต้องถือเป็นการรบระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก อันมีคุณพ่ออเมริกาเป็นผู้นำและพันธมิตรยุโรปประเภทอียู-อีย้วยในแต่ละราย ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันเลยค่อนข้างจะอืดอาด ยืดยาด จนอาจก่อให้เกิดคำถามต่อบรรดา “ขาเชียร์” ทั้งหลาย หรือบรรดาผู้ที่สังเกตการณ์อยู่วงนอก ที่อยากรู้ซะเหลือเกินว่า...สุดท้ายใครจะแพ้-ใครจะชนะ หรือใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ อะไรประมาณนั้น...
โดยถ้าจะมองกันในแนวกลางๆ แบบไม่ต้องเอา “อคติ” เข้าไปเจือปน แถมยังค่อนข้างมีเหตุ-มีผล มีน้ำหนักมิใช่น้อย คงต้องลองไปฟังการวิเคราะห์ การประเมินสถานการณ์ จากผู้ที่มีอาชีพด้านงาน “ข่าวกรอง” อีกทั้งยังเป็นมือข่าวกรองของคุณพ่ออเมริกาซะอีกด้วย นั่นก็คือคุณน้า “เอวริล เฮนส์” (Avril Haines) ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติของอเมริกา ที่ได้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส ไปเมื่อช่วงวันอังคาร (10 พ.ค.) ที่ผ่านมา โดยเนื้อหา-รายละเอียดของการวิเคราะห์และการประเมิน น่าจะว่ากันไปตาม “เนื้อผ้า” หรือตามแนวคิดพื้นฐานของบรรดาพวกนักข่าวกรองทั้งหลาย ที่ยังไงๆ คงต้องลด “อคติ” และการ “โปรปะกันดา” เอาไว้ก่อน มันถึงพอจะเห็นภาพโดยรวมของฉากเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ได้ชัดเจน โดยที่ใครจะนำเอาฉากเหตุการณ์นั้นๆ ไปใช้ประโยชน์ ไปไอโอ ไปยุ-ไปเชียร์ใครต่อใคร นั่นก็คงต้องขึ้นอยู่กับ “เรื่องของมึง” ไปตามสภาพ...
คือถ้าโดยสรุปรวมๆ คุณน้า “เอวริล” เธอค่อนข้างเห็นว่า งานนี้...ฝ่ายรัสเซีย หรือผู้นำอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านน่าจะเล่น “เกมยาวว์ว์ว์” หรือคงไม่คิดจะเผด็จศึกยูเครน ให้เรียบร้อยโรงเรียนหมีขาวแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อย่างที่ใครลุ้น-ใครต้านกันไปตามสภาพ เรียกว่า...เพียงแค่สามารถยึดอาณาบริเวณภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน หรืออาณาบริเวณที่เรียกว่า “Donbass” อันประกอบด้วย “สาธารณรัฐประชาชนโดเนสก์” (Donetsk) และ “สาธารณรัฐประชาชนลูกันสก์” (Lugansk) เป็นที่เรียบร้อย ก็น่าจะถือเป็นการบรรลุเป้าหมายบางอย่าง บางประการ ของหมีขาวรัสเซีย โดยเฉพาะในแง่ของการทำให้เกิดการ “เชื่อมต่อ” ระหว่างพื้นที่ซีกตะวันออกของยูเครนลงมาถึงพื้นที่ด้านใต้จรดดินแดนไครเมีย ที่อยู่รายรอบทะเลอาซอฟและทะเลดำ จนกลายเป็น “ระเบียงทางยุทธศาสตร์” ที่เอาไว้ค้ำ ไว้ยัน การขยายบทบาท อิทธิพลของฝ่ายตะวันตก หรือคุณพ่ออเมริกาและนาโตได้เป็นอย่างดี แถมยังทำให้ประเทศยูเครนที่พยายาม “ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน” ต้องกลายเป็นประเทศ “Landlocked” หรือประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเล หมดคุณค่า หมดราคา ลงไปมิใช่น้อย...
โดยที่การเล่น “เกมยาวว์ว์ว์” กันในลักษณะนี้...คุณน้า “เอวริล” เธอประเมินว่า ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” อาจคิดว่า ตัวเองน่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ น่าจะมีขีดความสามารถ หรือมีทางออก-ทางไป เหนือไปกว่าฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งไม่ได้หมายถึงประเทศยูเครนล้วนๆ แต่หมายรวมไปถึงคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรอียู ที่ต่างก็กำลังปวกๆ เปียกๆ และโซซัดโซเซ อันเนื่องมาจากปัญหาเงินเฟ้อ การขาดแคลนพลังงาน ไปจนถึงการขาดแคลนอาหาร ฯลฯ โดยจะจริง-ไม่จริง เป็นไปตามนั้น-หรือไม่เป็นไปตามนั้น คงต้องถือเป็น “หน้าที่” ของคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส หรือรัฐบาลอเมริกัน ต้องไปทบทวน หวนคิด กันเอาเอง...
นี่...อันนี้ต้องเรียกว่า ถือเป็นการประเมินของ “มืออาชีพ” ล้วนๆ และถือเป็นสิ่งที่น่าคิด น่าสะกิดใจ เป็นอย่างยิ่ง เพราะในขณะที่หมีขาวรัสเซีย เริ่มจะหาทางออก ทางไป ได้อย่างชนิดลื่นไหลยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะมองจาก “ค่าเงินรูเบิล” ที่เด้งกลับมาแบบพรวดๆ พราดๆ จนแข็งค่าซะยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้เจอกับมาตรการ “แซงชั่น” ของโลกตะวันตกซะอีกต่างหาก อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เคยต้องชักสะพานแหงนถ่อขึ้นไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เพื่อป้องกันการเสื่อมค่าของเงินรูเบิล กลับค่อยๆ ลดลงมาอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์และ 14 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ หรือดูจากตัวเลขการค้า การส่งออก-นำเข้า ระหว่างจีนกับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรัสเซียที่ว่าเอาไว้เมื่อวันวาน ที่โตซะยิ่งกว่าโตโยต้า คือโตขึ้นไปถึง 25.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดย 70 เปอร์เซ็นต์ของการส่งออก ก็คือ “น้ำมันและแก๊ส” ที่คุณพ่ออเมริกาและยุโรปกำลังคิดจะต่อต้าน คิดจะไม่ซื้อ หรือไม่พึ่งพารัสเซียอีกต่อไป อันก่อให้เกิดความชุลมุน-ชุลเกกันไปทั้งบาง เนื่องมาจากความเห็นควรด้วย-ไม่เห็นควรด้วย ของแต่ละประเทศ นั่นยังไม่รวมถึงการส่งน้ำมันไปขายคุณปู่อินตะระเดีย ไปจนประเทศเล็ก-ประเทศน้อยในเอเชีย แม้แต่คุณน้องลาว ข้างบ้านของหมู่เฮานี่เอง...
แต่สำหรับยุโรปทั้งยุโรป รวมไปถึงคุณพ่ออเมริกาอีกด้วย...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ต่างกำลังยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่ะ หรือต้องเจอกับ “ความบวดหัว” ชนิด “ยาบวดหาย” ก็ไม่น่าจะเอาอยู่ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง เฉพาะแค่ตัวเลขเงินเฟ้อของแต่ละประเทศก็น่าจะทำให้ต้องหายใจทางปาก หรือทางเหงือกกันไปตามสภาพ บัลแกเรียนั้น...เห็นว่าเฟ้อไปแล้วถึง 10.5 เปอร์เซ็นต์ สโลวาเกียเฟ้อไปถึง 10.9 เปอร์เซ็นต์ เนเธอร์แลนด์ 11.2 เปอร์เซ็นต์ สาธารณรัฐเช็ก 11.9 เปอร์เซ็นต์ โปแลนด์ 12.3 เปอร์เซ็นต์ ลัตเวีย 13.2 เปอร์เซ็นต์ ลิทัวเนีย 16.6 เปอร์เซ็นต์ เอสโตเนีย 19 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเดนมาร์กปาเข้าไป 10.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงปีที่แล้ว ล่าสุด...เห็นว่ากรีซพุ่งไปแล้วถึง 10.3 เปอร์เซ็นต์ แทบทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า ผัก-ผลไม้ อาหารเช้า ฯลฯ ต่างขึ้นราคาแบบฉิบหาย-วายป่วงไปด้วยกันทั้งสิ้น...
แม้แต่พวกแองโกล-แซกซอน หรือแองโกล-อเมริกันก็เถอะ...สำหรับเงินเฟ้ออังกฤษนั้น “Bank of England” เพิ่งออกมาสรุปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าอาจเฟ้อขึ้นไปถึง 10 เปอร์เซ็นต์อีกไม่นานนับจากนี้ อีกทั้งผู้บริหารระดับ “CEO” ของบริษัทพลังงาน “Scottish Power” อย่าง “นายKeith Anderson” ยังต้องออกมา “ฟันธง” ไว้กับหนังสือพิมพ์ “Daily May” เมื่อช่วงวันจันทร์ (9 พ.ค.) ที่ผ่านมา ว่าถ้าหากปล่อยให้อะไรต่อมิอะไรเฟ้อไป-เฟ้อมา โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย หน้าหนาวปีนี้หรือในช่วงเดือนตุลาคมที่กำลังมาถึง บรรดาผู้ดีอังกฤษรวมทั้งสก็อตและเวลส์ควบคู่ไปด้วย จำนวนไม่น้อยไปกว่า 10 ล้านคน อาจถึงขั้นต้อง “เด็ดปัสสาวะทิ้ง” กันเอาเอง เพราะราคาแก๊สที่มันอาจพุ่งขึ้นไปถึง 2,900 ยูโรเอาเลยก็เป็นได้ ไม่ต่างไปจากคุณพ่ออเมริกาที่ตัวเลขเงินเฟ้อเขยิบสูงยิ่งเข้าไปทุกที จาก 7 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ในเดือนมีนาฯ กลายเป็น 8 เปอร์เซ็นต์กว่าในเดือนเมษาฯ และแม้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบคราวแล้ว-คราวเล่า แต่ราคาน้ำมันที่บรรดาอเมริกันชนกำลังเติมๆ กันอยู่ในทุกวันนี้ ก็ปาเข้าไปถึง 4.374 ดอลลาร์ต่อแกลลอน สูงกว่าเดือนเมษาฯ ไปอีกหลายเซนต์ ส่วนที่ร้ายยิ่งกว่าก็คือ “ภาวะขาดแคลนอาหาร” ที่ชาวอเมริกันแทบไม่เคยเจอมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ อันอาจทำให้ “จินตนาการ” ของ “นายDavid J. DeGraw” นักกฎหมายและนักเขียนชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในฉากสถานการณ์ว่าด้วย “วิกฤตการณ์อาหารในอเมริกา” ที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังไปเมื่อไม่นานมานี้ อาจเป็นจริง-เป็นจัง ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...
สรุปรวมความแล้ว...ก็คงต้องไป “ชั่งน้ำหนัก” กันเอาเอง ว่าใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ ใครมีสิทธิแพ้-มีสิทธิชนะ สำหรับความขัดแย้งและการเผชิญหน้าใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่ย่อมต้องเกี่ยวพัน พัวพัน ไปถึงแนวรบด้านอื่นๆ ไม่ว่า “แนวรบตะวันออกกลาง” หรือ “แนวรบทะเลจีนใต้” ก็แล้วแต่ เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละ...สงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างไม่เป็นทางการ มันได้อุบัติขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!!