xs
xsm
sm
md
lg

ตัวตนของว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.ในโพล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



นิด้าโพลสำรวจครั้งล่าสุดจากรายชื่อผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 38.84 ระบุว่าเป็น ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (อิสระ) อันดับ 2 ร้อยละ 26.58 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ อันดับ 3 ร้อยละ 10.06 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง (อิสระ) อันดับ 4 ร้อยละ 6.83 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อันดับ 5 ร้อยละ 6.02 ระบุว่าเป็น ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร (พรรคก้าวไกล) อันดับ 6 ร้อยละ 2.94 ระบุว่า ไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) อันดับ 7 ร้อยละ 2.28 ระบุว่าเป็น นายสกลธี ภัททิยกุล (อิสระ) อันดับ 8 ร้อยละ 2.06 ระบุว่า จะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง อันดับ 9 ร้อยละ 1.98 ระบุว่าเป็น น.ส.รสนา โตสิตระกูล (อิสระ) อันดับ 10 ร้อยละ 1.47 ระบุว่าเป็น น.ต.ศิธา ทิวารี (พรรคไทยสร้างไทย)

ผลสำรวจที่ทิ้งกันขาดลอยขนาดนี้ดูเหมือนจะเขียนชื่อผู้ว่าฯ กทม.ไว้ได้เลยว่า คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เพราะต่อให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 26.58 ไปรวมกับพล.ต.อ.อัศวินที่มีความนิยมร้อยละ 10.06 ก็ยังไม่เท่ากับความนิยมร้อยละ 38.84 ของชัชชาติ

และก่อนหน้านี้นิด้าโพลก็เคยสำรวจมาก่อนที่จะมีการเปิดรับสมัครมาแล้วหลายครั้งชื่อของชัชชาติก็ยืนหนึ่งมาตลอด ทำให้ชวนสงสัยว่า ทำไมความนิยมของชัชชาติถึงมากขนาดนี้ทั้งที่เขาไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อน แม้จะเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ตาม

ชัชชาตินั้นมีพื้นฐานจากอาจารย์มหาวิทยาลัยมาก่อน แน่นอนเขาเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถไม่เช่นนั้นจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่ได้ และแม้ว่าเขามาเล่นการเมืองไม่นานก็ได้เป็นรัฐมนตรีและการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเขายังได้รับการโปรโมตให้เป็น 1 ใน 3 ตัวเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แม้สุดท้ายพรรคเพื่อไทยจะทิ้งตัวเลือกนายกรัฐมนตรีของตัวเองทั้ง 3 คนไปสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจของพรรคอนาคตใหม่ในการแข่งกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ตาม

ชัชชาติได้รับฉายาว่ารัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เมื่อมีคนบางกลุ่มในโลกออนไลน์ นำรูปของ ชัชชาติ ขณะใส่ชุดออกกำลังกายขาสั้นแขนกุดสีดำเดินเท้าเปล่าถือถุงกับข้าวใส่บาตรในวัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ ไปตัดต่อล้อเลียน พร้อมนำไปเปรียบเทียบล้อเลียนการ์ตูนเรื่องบากิ ที่มีพ่อเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

รูปดังกล่าวถูกนำมาผลิตซ้ำจนกลายเป็น “มีม” กระทั่งถูกนำไปสร้างเป็นเกม

วิกิพีเดียอธิบายคำว่า มีม (meme) เป็นรูปแบบของความคิดทางวัฒนธรรม สัญลักษณ์ หรือการปฏิบัติ ที่สามารถส่งผ่านจากจิตใจคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ผ่านการเขียน การพูด ท่าทาง พิธีกรรม ภาพล้อเลียน และมีคำศัพท์ต่างๆ ในภาพที่มีความหมายเชิงตลก หรือปรากฏการณ์ลอกเลียนแบบอื่นๆ

มีบางคนบอกว่านั้นเป็นแผนการที่วางเอาไว้แล้ว แต่ชัชชาติเคยพูดเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่โกรธหรอก ที่มีคนเอารูปผมไปล้อเลียนในทำนอง ว่า เป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เพราะเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องขำๆ ไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องจินตนาการกัน”

อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ก็ได้ที่เข้ากับกระแสของวัยรุ่นยุคนั้นพอดี แต่หลายครั้งก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกหรือไม่ไม่รู้ เช่น อยู่ๆ คนในโซเชียลเน็ตเวิร์กและโลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์และแชร์ส่งต่อภาพของรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาทำงานกันอย่างแพร่หลายตลอดทั้งวัน

ทั้งๆ ที่ภาพนั้นเป็นภาพชายใส่หมวกกันน็อกมิดชิดซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ถ้าไม่บอกหรือรู้มาก่อนไม่มีใครรู้หรอกว่านั่นเป็นรัฐมนตรีว่าการคมนาคมหรือนายชัชชาติในตอนนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่บังเอิญมากๆ

แต่เมื่อไปสอบถามกับชัชชาติ จึงได้ชี้แจงว่า เป็นภาพของตัวเองจริงๆ ไม่ทราบว่าใครถ่ายและเอาไปเผยแพร่ ภาพดังกล่าวกำลังไปประชุมกับ ผอ.ขสมก.ตอนเวลา 08.00 น. แต่เกรงว่า ถ้าจะไปรถเมล์คงจะไม่ทัน จึงนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างจากแถวถนนบรมราชชนนี มาลงที่ยังกองสลาก ใช้เวลาไม่นาน เพราะมาทางลัด วิ่งลัดเลาะทางรถไฟ

หรืออยู่ๆ ผู้สื่อข่าวไปพบชัชชาตินั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ร่วมกับชาวบ้านที่รอคอยรถเมล์อยู่ ซึ่งการมาพบของผู้สื่อข่าวช่างเป็นการบังเอิญหรือนัดหมายกันไม่ทราบ แต่ข่าวนั้นก็ได้แพร่ออกไปสะท้อนภาพของรัฐมนตรีที่ติดดิน ตอนนั้นนายชัชชาติ อ้างว่า ที่มานั่งรอรถเมล์ตามนโยบายของตัวเอง เพื่ออยากจะรับรู้ปัญหาของชาวบ้านจริงๆ ว่าระบบขนส่งของ ขสมก.มีปัญหายังไง

ไม่ว่าปรากฏการณ์ที่เห็นการเดินตีนเปล่าใส่เสื้อแขนกุดไปใส่บาตร การนั่งวินมอเตอร์ไซค์ การนั่งรอรถเมล์ จะเป็นการสร้างภาพหรือไม่ แต่ก็ทำให้ชัชชาติประสบความสำเร็จในการเป็นรัฐมนตรีที่ติดดินแม้ว่าจะถูกตั้งคำถามเรื่องผลงานที่เป็นรูปธรรมก็ตาม

ชัชชาติเป็นคนแรกที่ประกาศตัวจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.มาตั้งแต่ปี 2562 ผมเคยเขียนไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า แหล่งข่าวในพรรคเพื่อไทยเล่าว่า ชัชชาติไปคุยกับทักษิณขอลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ และทักษิณเห็นด้วย และมีคำสั่งให้พรรคเพื่อไทยไม่ส่งลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรค ตอนแรกก็มีคนไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะที่รับผิดชอบพื้นที่ กทม.ของพรรค เพราะเห็นว่า พรรคต้องส่งเพราะมี ส.ก.ของพรรคหลายคน แต่สุดท้ายก็เป็นที่รู้กันว่า พรรคนี้มีใครเป็นเจ้าของ ในที่สุดนางสุดารัตน์ก็ต้องแยกออกไปตั้งพรรคใหม่

ก่อนหน้านี้สื่อก็สงสัยว่าทำไมพรรคเพื่อไทยไม่ส่งสมัครผู้ว่าฯ กทม. เพราะเคยส่งแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดแม้จะไม่เคยชนะก็ตาม พรรคเพื่อไทยก็แกล้งพูดบ่ายเบี่ยงไปว่า กำลังหาคนที่เหมาะสม ซึ่งจริงๆ เขารู้กันอยู่แล้วว่าจะไม่ส่ง เพราะต้องการสนับสนุนชัชชาตินั่นเอง

แม้แต่สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลยังตั้งคำถามว่า ทำไมชัชชาติไม่สมัครในนามพรรคเพื่อไทยนะ? สมศักดิ์บอกว่า “ผมเพียงแต่เห็นว่า ถ้าทีมงาน ผู้สนับสนุน เป็นคนของเพื่อไทยทั้งหมด ก็น่าจะสมัครในนามพรรคเลย อย่างนี้เหมือนหลอกชอบกล”

แต่ดูเหมือนชัชชาติจะทำสำเร็จในการอำพรางสีเสื้อทางการเมือง เขาไม่เพียงแต่ได้ฐานคนเสื้อแดงจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เขายังกลายเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ที่แย่งชิงกับคะแนนของพรรคก้าวไกลได้ด้วย นอกจากนั้นเขายังประสบความสำเร็จในฐานเสียงคนทำงานและคนชั้นกลางในเมืองที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยเข้าถึงมาก่อน ด้านหนึ่งมีคนพยายามอธิบายว่า เพราะคนเริ่มเบื่อรัฐบาลประยุทธ์ที่อยู่มานาน และไปสะท้อนออกมาด้วยการเลือกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาล

น่าสนใจว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้จะมีผลลัพธ์ดังที่โพลคาดการณ์หรือไม่ ถ้าใช่ก็ต้องนับว่านี่เป็นครั้งแรกที่คนเมืองหลวงตัดสินใจยกตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ให้กับคนที่ฐานมาจากพรรคเพื่อไทย แม้ว่าพรรคเคยส่งสมัครหลายครั้งแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จจนกระทั่งมาลงสมัครในนามของอิสระนี่เองจึงประสบความสำเร็จ

เมื่อไม่กี่วันก่อนเราจึงเห็นคนเสื้อแดงออกมารำลึกวีรกรรมของพวกเขา เหมือนกับจะประกาศชัยชนะไว้ล่วงหน้าแล้ว

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น