นายกรัฐมนตรี อิมราน ข่าน อดีตกัปตันทีมคริกเกตมือทอง นำทีมปากีสถานชนะแชมป์โลกเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ในปี 1992 วาดลวดลายครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตการเมือง เอาตัวรอดจากการลงคะแนนไม่ไว้วางใจโดยฝ่ายค้าน
ข่านอยู่ในสภาวะร่อแร่ก่อนการประชุมสภานิติบัญญัติวันอาทิตย์ มีข่าวว่ากองทัพซึ่งอยู่เบื้องหลังอำนาจการเมืองของประเทศทุกยุคก็ไม่เอาด้วย โดยเฉพาะผู้นำทัพบก พลเอกกามาร์ จาเวด บัจวา ซึ่ง “แนะ” ว่าข่านควรเผชิญชะตากรรมในรัฐสภา
ดูแล้วอย่างไรข่านก็ไม่รอด กูรูการเมืองประเมินว่าโอกาสรอดไม่มี เสียงของพรรครัฐบาลห่างจากฝ่ายค้านแทบไม่ต้องลุ้น ถ้าเป็นมวยก็บอกว่าแทบไม่มีใครกล้ารองฝ่ายข่าน แต่หารู้ไม่ว่าข่านนั้นได้เตรียมแผนตั้งรับไว้ก่อนหน้านั้นแบบเหนือชั้น
ก่อนประชุม 2 วัน ข่านแถลงการณ์ แจ้งให้ประชาชนทราบว่า “ขบวนการต่างชาติ” มีแผนมุ่งล้มรัฐบาล โดยมีฝ่ายค้านร่วมมือด้วย ข่านบอกเป็นนัยว่า “อำนาจ อิทธิพลนอกประเทศนั้นก็คือ “รัฐบาลสหรัฐฯ” ซึ่งไม่ชอบข่านที่ทำตัวใกล้ชิดกับรัสเซีย
ข่านบอกว่าจะไปแถลงต่อสภาก่อนลงมติ และเชื่อว่าจากหลักฐานที่มีอยู่ นั่นคือจดหมาย 1 ฉบับ จะทำให้สภาฯ ต้องคิดหนักว่าจะลงมติโค่นรัฐบาลหรือไม่
วันอาทิตย์ ฝ่ายค้านหมายมั่นปั้นเหมาะว่าเสียงในมือมีมากเกินพอที่จะล้มรัฐบาลได้ เพราะพรรคพีทีไอของข่านมีเสียงแค่ 142 หลังจากลูกพรรคร่วม 30 คนแหกคอกไปเข้ากับฝ่ายค้าน ยิ่งเข้าแผนที่ข่านอ้างว่ามีขบวนการล้มรัฐบาลโดยต่างชาติ
เมืองหลวง กรุงอิสลามาบัด อยู่ในสภาวะตึงเครียด มีการนำตู้คอนเทนเนอร์ไปตั้งแนวบนถนนหลายสายที่นำไปสู่รัฐสภาและที่ทำการรัฐบาล เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มีทั้งทหารและตำรวจป้องกันการเดินขบวนโดยผู้สนับสนุนทั้งสองฝ่าย
ทหารออกคำแถลงการณ์ว่าวางตัวเป็นกลางในวิกฤตการเมืองครั้งนี้ แต่ในความเป็นจริงกองทัพปากีสถานมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับสหรัฐฯ มาโดยตลอด แม้พลเอกบัจวา แถลงก่อนหน้านี้ว่าได้รักษาดุลความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และจีน
สภาฯ มีสมาชิกรวม 342 คน รัฐบาลต้องมีอย่างน้อย 172 เสียงจึงจะชนะได้ แต่เช้าวันอาทิตย์ รัฐบาลมีเสียงเหลือ 142 เสียง ฝ่ายค้านมี 199 เสียง แค่นี้ก็ไม่ต้องเดาผลว่ารัฐบาลไม่มีโอกาสชนะ ฝ่ายค้านคึกคัก วางแผนด้วยว่าจะเอาข่านเข้าคุกให้ได้
ปรากฏว่าเมื่อสภาฯ เปิดประชุม ข่านไม่ปรากฏตัว รัฐมนตรีฝ่ายข่าวสาร นายฟาวัด เชาดรี ขอแถลง อ้างว่าการญัตติลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ไม่ถูกต้อง เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ มีขบวนการต่างชาติวางแผนล้มรัฐบาล
นายเชาดรีแถลงเสียงดังฟังชัด ฝ่ายค้านโห่เป็นระยะ แต่เชาดรีก็ได้พูดจนจบ จากนั้น นายกาซิม ซูรี รองประธานฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมได้แถลงว่า การที่ฝ่ายค้านจะลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนั้นเป็นการเข้าแผนขบวนการต่างชาติ
ประธานว่าการกระทำเยี่ยงนี้ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ อ้างมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ จึงขอเลื่อนการลงมติไปก่อนเป็นวันที่ 25 เมษายน จากนั้นสั่งปิดประชุมทันที ฝ่ายค้านแทบช็อกตาตั้งโวยวายว่าประธานสภาฯ กระทำผิดรัฐธรรมนูญ
จากนั้นไม่กี่นาที นายกฯ อิมราน ข่าน ออกแถลงการณ์ว่าตนเองมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีการแทรกแซงโดยอิทธิพลของต่างชาติ มีจดหมายส่งมาจากทูตปากีสถานประจำสหรัฐฯ โดยจดหมายมาจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
จดหมายมีข้อความเชิงขู่ว่า “ให้นายกฯ อิมราน ข่าน ผ่านกระบวนการลงมติไม่ไว้วางใจของรัฐสภา ถ้าไม่กระทำตาม ปากีสถานต้องเผชิญกับผลพวงที่จะตามมา”
ข้อความจดหมายออกแนวเหมือนคำขู่ที่สหรัฐฯ ใช้กับรัสเซียและประเทศที่ขัดผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ที่จะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตร และจดหมายนี้เปรียบเสมือนความต้องการให้มีการเปลี่ยนรัฐบาล หรือ regime change นั่นเอง
ถ้าจะต้องเผชิญการลงมติในวันที่ 25 เมษายน อิมราน ข่าน มีเวลาผ่อนลมหายใจบนเก้าอี้ผู้นำประเทศไม่กี่วัน แต่อดีตกัปตันทีมคริกเกต เดินแผนสูงกว่านั้น ด้วยการเข้าพบกับประธานาธิบดี อาริฟ อัลวี เพื่อให้ออกคำสั่งยุบสภาฯ ทันที
อีกไม่กี่นาที คำสั่งยุบสภาฯ ก็ตามมา ให้มีการเลือกตั้งภายใน 90 วัน
ฝ่ายค้านยิ่งโวยหนัก ไม่ยอมออกจากสภาฯ เร่งยื่นคำร้องฉุกเฉินต่อศาลสูงของประเทศให้มีคำวินิจฉัยว่าการตัดสินใจของประธานสภาฯ ให้เลื่อนการลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ นั้น ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลสูงรับคำร้อง ตั้งคณะพิจารณา
ฝ่ายค้านยังชุมนุมอยู่ในสภาฯ เปิดประชุมใหม่ เลือกประธานที่ประชุม เหมือนว่าคำสั่งยุบสภาฯ ของประธานาธิบดีใช้บังคับไม่ได้ แกนนำฝ่ายค้านซึ่งมีนายบิลาวาล บุตโต ซาร์ดารี และนายเชบาซ ซารีฟ โวยว่าเป็นเกมปล้นชัยชนะแบบไร้ยางอาย
นายซาร์ดารี วัย 33 ปี เป็นลูกของอดีตนายก ฯ นางเบนาซีร์ บุตโต ที่ถูกสังหารด้วยระเบิดในปี 2007 และเป็นหลานของอดีตนายกฯ ซุลฟิการ์ อาลี บุตโต ที่ถูกรัฐประหาร ถูกดำเนินคดีในข้อหามีส่วนสังหารฝ่ายค้าน และถูกแขวนคอในปี 1979
เมื่ออิมราน ข่านแก้เกมด้วยการหักดิบด้วยความร่วมมือของประธานสภาฯ ทำให้เกิดบรรยากาศวิกฤต มีการคาดการณ์ว่าอาจมีการเดินขบวน ปะทะกันโดยฝ่ายสนับสนุนของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน กองทัพอาจฉวยโอกาสทำรัฐประหารก็ได้
มีเสียงติงว่ากองทัพคงไม่เสี่ยงกับการถูกประณามโดยประชาคมโลก สหรัฐฯ ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังแผนล้มรัฐบาล อิมราน ข่านและฝ่ายค้านต้องรอคำวินิจฉัยของศาลสูงว่าสภาฯ ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าผิดที่ผ่านเป็นโมฆะหรือไม่
แต่จะมีเสียงแย้งว่าศาลสูงมีอำนาจก้าวก่ายอำนาจรัฐสภาหรือไม่ น่าลุ้นจริงๆ