xs
xsm
sm
md
lg

“ไพศาล” เผยเบื้องลึกศิษย์คนสนิท "สมเด็จพระวันรัต" ยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้ 8 ข้อเหตุจับกุมลูกศิษย์คนสนิทปลอมเอกสารลักเงินจากบัญชีสมเด็จพระวันรัตหลายครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท

จากกรณีมีรายงานว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามเข้าตรวจสอบคนสนิทของสมเด็จพระวันรัต อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวิหาร ที่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา จนทราบว่าลูกศิษย์คนสนิทรายหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับสมเด็จพระวันรัต มีการยักยอกเงินของสมเด็จพระวันรัต ในส่วนของการบูรณะวัดบวรนิเวศฯ และวัดสาขา ตามที่คณะกรรมการวัดได้ประสานให้ดำเนินการตรวจสอบในทางลับ จึงติดตามจับกุมตัวมาได้เมื่อช่วงวันที่ 23-25 มี.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกง และข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม

สำหรับพฤติกรรมการกระทำผิด คือ ปลอมแปลมเอกสารสิทธิเพื่อลักเงินจากบัญชีเงินฝาก ซึ่งการตรวจสอบขณะนี้พบบัญชีแรกมีการลักเงินออกไปประมาณ 80 กว่าล้าน ส่วนอีกบัญชีลักไป 120 กว่าล้าน รวมเงินที่สูญหายไปเท่าที่ตรวจสอบพบในขณะนี้ประมาณ 200 ล้านบาท แต่การตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินทั้งหมดยังไม่เสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (3 เม.ย.) นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน โดยได้ระบุข้อความว่า

"1. เมื่อวานนี้ สื่อมวลชนรายงานข่าวใหญ่ที่ทำให้ตกตะลึงกัน นั่นคือข่าวการที่ตำรวจและ ปปง.เข้าทำการจับกุมและยึดทรัพย์ลูกศิษย์ของสมเด็จพระวันรัต วัดบวรในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นจำนวนมากถึง 200 ล้านบาท

ข่าวดังกล่าวนี้อาจทำให้กระทบต่อเกียรติคุณและความบริสุทธิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต และอาจกระทบชื่อเสียงของวัดบวรฯ ด้วย! ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้

2. ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าจำนวนเงินที่มีการยักยอกรวมถึงทรัพย์สินหลายรายการนั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าประคุณสมเด็จ แต่เป็นทรัพย์สินของวัดที่อยู่ในความดูแลของเจ้าพระคุณสมเด็จ
ดังนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเจ้าพระคุณสมเด็จไม่ได้มีทรัพย์สินส่วนตัวดังที่เป็นข่าว

3. เจ้าประคุณสมเด็จเป็นพระมหาเถระที่เคร่งในพระวินัย ไม่จับต้องเงินทอง เงินทองทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกร ที่เจ้าประคุณสมเด็จมอบหมายซึ่งเป็นไปตามพระวินัย

ดังนั้นบรรดาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจึงอยู่ในความครอบครองดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งก็คือผู้ต้องหาในคดีนี้ จึงควรเข้าใจในขั้นนี้ว่า ทรัพย์สินที่มีการกล่าวหาว่ายักยอกนั้น เป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นไวยาวัจกรเป็นผู้ครอบครองดูแลและจัดการ! การจัดการผิดถูกเป็นเรื่องความรับผิดชอบของไวยาวัจกรนั้น!

4. จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องเงินในการก่อสร้างศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่งซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำการก่อสร้าง เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา
การก่อสร้างนี้มีวงเงินประมาณ 80 ล้านบาท และเงินดังกล่าวก็อยู่ในความดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งมีหน้าที่จัดการให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วง

5. นอกจากเงิน 80,000,000 บาทดังกล่าวแล้ว ยังมีวงเงินอีก 2-3 ยอด ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบูรณะก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในกิจการของวัด และอยู่ในหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของเจ้าพระคุณสมเด็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกรในการครอบครองดูแลรักษาและจัดการให้เป็นไปโดยถูกต้อง

6. ดังนั้นถ้าเงินและทรัพย์สินดังกล่าวถูกจัดการไปโดยไม่ถูกต้อง มีการนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตนก็ดี เสียหายประการใดๆ ก็ดี เป็นความรับผิดชอบของไวยาวัจกรซึ่งอาจต้องรับผิดทางอาญาและทางแพ่ง ซึ่งขณะนี้เจ้าพนักงานตำรวจกองปราบฯ***และ ปปง. กำลังดำเนินการและชำระสะสางเรื่องนี้ให้ถูกต้อง

7. ในเบื้องต้นนี้กล่าวได้ว่า วัดบวรฯ ก็ดี เจ้าประคุณสมเด็จก็ดี ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดหรือเสียหาย กรณีเป็นเรื่องของไวยาวัจกรโดยเฉพาะ
ซึ่งเชื่อว่าเจ้าพนักงานตำรวจและ ปปง.จะสามารถสะสางเรื่องนี้ได้อย่างหมดจดงดงาม เพราะชื่อเสียงเกียรติคุณของวัดบวรฯ และเจ้าประคุณสมเด็จนั้นเป็นเรื่องสำคัญ คาดว่าเรื่องนี้จะเสร็จสิ้นในไม่ช้า

8. ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ชัดเจนก็คือไวยาวัจกรได้ทำบัญชีรับจ่าย เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดตามหน้าที่ที่ต้องทำหรือไม่ และถ้าทำแล้วก็ยังต้องตรวจสอบดูว่าที่ทำนั้นถูกต้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งไม่นานก็คงทราบ

ดังนั้นสาธุชนทั้งหลายจึงพึงเข้าใจเรื่องนี้โดยนัยที่กล่าวมานี้เถิด"




กำลังโหลดความคิดเห็น