xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ช่อง 5 แพ้สงครามข่าว ถูกกดปุ่มถล่มราบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สงครามรัสเซีย-ยูเครน ณ อีกฟากโลก ยังไม่ทันรู้ผลแพ้-ชนะ แต่ฟากโลกนี้ กลับมีคนไทยที่แพ้สงครามไปก่อนแล้ว นั่นก็คือทีมข่าวท็อปนิวส์ และ ผอ.ช่อง 5

โดนกดปุ่มยิงระเบิดที่มองไม่เห็น บอมบ์จนราบเป็นหน้ากลอง คนเด่นคนดังในวงการข่าว รวมถึงผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ต้องกระเด็นกระดอน แตกฉานซ่านเซ็น

ปฏิกิริยาของทีมข่าวท็อปนิวส์ หลังโดนตัดสัญญาณกลางอากาศ ขณะ “เจ๊ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก อ่านข่าวภาคเที่ยง เกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน คือเก็บข้าวของออกทันที ไม่มีทางร่วมงานกับ ททบ.5 อีกต่อไป

จากนั้น ก็กลับเสนอข่าวสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในเวอร์ชั่นออนไลน์ของตัวเองอันมีอิสระเต็มที่ แบบต่อเนื่องยาวนาน แทบจะนันสต็อป เพื่อย้ำจุดยืนเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร พร้อมกับประชดประชันในที ไปถึงผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังการสั่งการนี้

ขณะที่ “บิ๊กตี๋” พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 ก็ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง โดยย้ำว่าตัวเองไม่ได้โดนปลด แต่ขอแสดงความรับผิดชอบเอง


ที่จริง ช่อง 5 เหมือนจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น จากการเข้ามาของทีมข่าวท็อปนิวส์ ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.64 เพราะท็อปนิวส์ มีศักยภาพในการดึงเรตติ้งผู้ชม ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินของช่อง 5 ให้ขยับขึ้นได้ เนื่องจากท็อปนิวส์ มีฐาน FC ที่เหนียวแน่น
“บิ๊กตี๋” เองก็ให้นโยบายการเสนอข่าว กับทางท็อปนิวส์ไว้ 4 ข้อ ซึ่งต้องถือว่าเป็นนโยบายที่น่าชมเชย ประกอบด้วย 1. นำเสนอความจริงรอบด้าน โดยไม่ต้องตัดสิน 2. ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก 3. ใช้รายการข่าวช่วยฟื้นฟูประเทศหลังโควิด 4. ทุกคนทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์”

ครั้นเมื่อรัสเซียบุกโจมตียูเครน จนเป็นสงครามยืดเยื้อ ก็เกิดภาวะ “สงครามข่าวสาร” ที่มีลักษณะโฆษณาชวนเชื่อแอบแฝง รวมถึงข่าวปลอม หรือเฟกนิวส์ วุ่นวายไปทั่วโลก

จนผู้ชมยากจะใช้วิจารณญาณตัดสินว่า ข่าวใดถูกต้องจริงแท้ หรือเป็นข่าวเพื่อช่วงชิงมวลชนคนดู ของสื่อระดับโลกแต่ละค่าย

พล.อ.รังษีจึงพยายามให้ช่อง 5 มีบาลานซ์ในการนำเสนอข่าวสงคราม จากทั้งสองฝ่าย
โดยเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.รังษี เข้าพบทูตรัสเซีย เพื่อหารือความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับสำนักข่าวของรัสเซีย หรือ RT

จากเดิม ช่อง 5 ซื้อข่าวต่างประเทศของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ประเทศอังกฤษ แค่เพียงแหล่งเดียว

ต่อมาวันที่ 24 มี.ค. ก็เข้าพบทูตยูเครน เพื่อแสดงจุดยืนความเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างรัสเซีย

ไม่เท่านั้น พล.อ.รังษียังมีแผนขยายความร่วมมือด้านข่าวสารแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย กับประเทศจีน และอิหร่านด้วย ซึ่งทั้งสองประเทศดังกล่าว ล้วนแต่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับอเมริกา

เมื่อถูกถามว่าการกระทำเหล่านี้ ถือว่าล้ำเส้นงานด้านการต่างประเทศหรือไม่ บิ๊กตี๋ ตอบว่า การไปแลกเปลี่ยนข่าวสารเป็นการไปล้ำเส้นตรงไหน เพราะการรับข้อมูลจากฝ่ายตะวันตกอย่างเดียว ก็ถูกมองว่าเป็นการเลือกข้างหรือไม่

“ตรงนี้คือความตรงไปตรงมา ผมไม่คิดจะเป็นศัตรูกับใคร นโยบายของผมชัดเจนว่าจะไม่เอาช่อง 5 ไปทำให้เกิดปัญหาความแตกแยกเด็ดขาด สื่ออย่างพวกเราจะจมปลักอยู่อย่างนี้หรือ เราต้องเปิดกว้างให้สังคมรับรู้”

อย่างไรก็ดี วันรุ่งขึ้น 25 มี.ค. ก็มีคำสั่งภายใน ททบ.5 ให้งดการนำเสนอข่าวการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน เพื่อลดแรงเสียดทาน ที่มีมาถึงกองทัพบก

แต่ช่อง 5 โดยทีมข่าวท็อปนิวส์ ก็ยังนำเสนอข่าวนี้ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. จึงมีการเล่นแรงถึงขั้นตัดสัญญาณกันกลางอากาศ ราวกับสถานการณ์รัฐประหาร ยึดอำนาจ

คำถาม ก็คือ มหาอำนาจคนใดที่มีพลังการบีบรุนแรง มาถึงรัฐบาลไทยและกองทัพบกได้ขนาดนี้ หลายฝ่ายฟันธงว่า เป็นสหรัฐอเมริกาซึ่งกำลังเป็นผู้นำปฏิบัติการคว่ำบาตรรัสเซีย อย่างแน่นอน ส่งคำสั่งผ่านชิวาวา มาทุบช่อง 5

ทั้งนี้ สำนักข่าวรัสเซีย หรือ RT ที่ผ่านมา ถูกสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ แบนทุกช่องทางอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกูเกิล เฟซบุ๊ก และยูทูบ แต่ ททบ. 5 กลับเปิดช่องให้ RT ได้นำเสนอข่าว

จะเห็นว่าผู้นำโลกประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกา ในยามสงครามเช่นนี้ จะไม่มีพื้นที่ใดๆ หลงเหลือสำหรับความเป็นกลาง แค่รัฐบาลไทยไม่ยอมประณามรัสเซีย ก็คงสร้างความระคายเคืองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

และการที่ทางการไทยต้องยอมศิโรราบ แม้แต่แค่จะเสนอข่าวให้เป็นกลาง ก็ยังไม่สามารถทำได้ สะท้อนภาพว่าคนในรัฐบาลไทย ก็เป็นแค่“หมาชิวาวา” ของอเมริกา อย่างที่ “ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง” สนธิ ลิ้มทองกุล ให้ฉายาไว้ทุกประการ

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปฏิเสธว่าตัวเองไม่รู้เรื่องก็ตาม

หลังแตกพ่ายให้กับสงครามข่าว “นายกนก รัตน์วงศ์สกุล” ผู้ประกาศข่าวคนดังของ ท็อปนิวส์ ก็โพสต์ส่งท้าย กราบขอบคุณ “พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์” ที่เมตตา และให้โอกาส

พร้อมกับแสดงความรู้สึกเสียใจ เสียดาย ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เนื่องจากนายกนก มองว่า พล.อ.รังษี เป็นนายทหารที่ครบเครื่อง เรื่องวิชั่น วิเคราะห์ ความรู้รอบตัว และความขยันระดับไฮเปอร์

อย่างไรก็ตาม หลังมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ล่าสุดทีมข่าวท็อปนิวส์ กับ ททบ.5 ก็กลับมาจูบปากกันเหมือนเดิมแล้ว

บทเรียนนี้บอกให้รู้ว่า ไทยไม่มีทางเป็นตัวของตัวเองได้ ต่อหน้ามหาอำนาจที่กำลังเกรี้ยวกราด จุดยืนที่จะเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง กลายเป็นแค่ความอินโนเซนส์โลกสวย ที่ไม่เข้ากับโลกจริง



กำลังโหลดความคิดเห็น