xs
xsm
sm
md
lg

เพราะการแซงชั่นจึงเดือดร้อนกันไปทั้งโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Aish Baladi ขนมปังอียิปต์
ปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะไปแถวๆ ประเทศคุณหยิบ หรือ “อียิปต์” เขาสักหน่อย แต่คงไม่ใช่เพราะอยากจะแวะไปชม “ขุมมหาสมบัติตุตันคามุน” หรือ “มัมมี่พระเจ้ารามเสส” ฯลฯ ด้วยความเพลิดเพลินเจริญใจ เหมือนอย่างบรรดาพวกนักท่องเที่ยวเดินทางทั้งหลาย แต่อาจด้วยเหตุเพราะความเดือดเนื้อร้อนใจ ความไม่สบายอก สบายใจ ของบรรดาลูกหลานฟาโรห์ทั้งหลาย ที่กำลังอุบัติขึ้นมาในช่วงระหว่างนี้ อย่างชนิดหนักหนา-สาหัส มิใช่น้อย เลยคงต้องขออนุญาต “ตามไปดู” เอาไว้สักนิด...

คือเรื่องของข้าว-ปลา-อาหาร ที่มันกำลังแพงขึ้นๆ ในประเทศที่ว่านี้ โดยเฉพาะอาหารหลักอย่าง “ขนมปัง” ที่ทำมาจากข้าวสาลี หรือที่เรียกๆ กันว่า “Aish Baladi” หรือขนมปังก้อนกลมๆ ที่เอาไว้ใช้กินแทนข้าว ที่สนนราคาไม่เพียงแต่พุ่งพรวดๆพราดๆ แต่โอกาสที่จะหาข้าวสาลีมาผลิตเป็นขนมปังก้อนกลมๆ ในแบบที่ว่า ก็ออกจะหายาก หาเย็น เสียเหลือเกิน เนื่องจากด้วยเหตุเพราะประเทศนี้ อาจแทบไม่เหลือพื้นที่ให้เพาะ ให้ปลูก หนักไปทางทะเลทรายมาตั้งแต่แรก บรรดาข้าวสาลีที่เอาไว้ใช้ทำขนมปัง มันจึงไม่ได้มีอยู่มากมายสักเท่าไหร่นัก และหนีไม่พ้นต้องหันไป “นำเข้า” จากประเทศอื่นๆ นั่นแหละเป็นหลัก ชนิดว่ากันว่า...โดยปริมาณความต้องการไม่น่าจะน้อยกว่าประมาณ 21,000 ล้านเมตริกตันต่อปี เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ที่มีอันต้องยุ่งยากยิ่งไปกว่านั้น ก็คือปริมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้าข้าวสาลี ล้วนแล้วแต่มาจากประเทศรัสเซียและยูเครน ที่ต่างกำลังเปิดศึก “ปะ-ฉะ-ดะ” ระหว่างกันและกัน จนแทบไม่เหลือเวลามาปลูกข้าวส่งออกไปยังประเทศอียิปต์ได้ตามปกติ รวมทั้งการ “แซงชั่น” ของคุณพ่ออเมริกาและตะวันตกต่อรัสเซีย ที่ห้ามซื้อ-ห้ามขาย อะไรต่อมิอะไรจากประเทศหมีขาวแทบทุกชนิด...

อันนี้นี่เอง...เลยทำให้บรรดาชาวบ้าน ชาวช่อง ชาวอียิปต์ แทบไม่รู้จะหาอะไรมาทำขนมปัง “Aish Baladi” กันได้อีก แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามสั่งห้ามส่งออกข้าวสาลีภายในประเทศ แต่ปริมาณข้าวสาลีที่ผลิตได้เอง ก็มีอยู่แค่ประมาณ 6 ล้านเมตริกตันเท่านั้นเอง ไม่เพียงพอต่อปาก ต่อท้อง ของจำนวนประชากรที่ปาเข้าไประดับ 102.3 ล้านคนเข้าไปแล้ว แถมกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรที่ว่านี้ ส่วนใหญ่...ล้วนแล้วแต่ยากจน เข็ญใจ หรือเป็นผู้มีรายได้ต่ำกว่าเส้นมาตรฐานความจนของสหประชาชาติไปด้วยกันทั้งสิ้น และด้วยความทุกข์ ความเดือดร้อน ทำนองนี้ มันถึงกับเคยนำไปสู่เหตุการณ์จลาจลแบบที่เรียกๆ กันว่า “จลาจลขนมปัง” (Egypt Bread Riots) มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1977 หรือช่วงปี ค.ศ. 2008 ชนิดลุกลามกลายเป็นปัญหาการเมือง ก่อให้เกิดการต่อสู้ โค่นล้ม การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระดับพลิกฟ้า-คว่ำดิน เอาเลยก็ว่าได้...

พูดง่ายๆ ว่า...แม้จะเป็นประเทศที่อยู่ห่างจากรัสเซีย จากยูเครน ไปไม่รู้กี่โยชน์ต่อกี่โยชน์ แต่เมื่อทั้งสองประเทศเกิดต้องเปิดศึกระหว่างกันและกัน รวมทั้งต้องถูกประเทศผู้นำโลกอย่างอเมริกาและตะวันตกประกาศ “แซงชั่น” ในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณีบรรดาลูกหลานฟาโรห์ทั้งหลาย เลยพลอยต้อง “ซวยไปด้วย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฎิเสธ โดยที่ความทุกข์ ความเดือดร้อนที่ว่านี้ จะสามารถหาทางบรรเทา เบาบางกันด้วยวิธีไหน หรือไม่ อย่างไร จะนำไปสู่ความยุ่งยากทางการเมืองครั้งใหม่ถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน ก็ยังยากที่จะประมาณการได้ถนัดๆ เพราะเท่าที่ผ่านมา...ก็ต้องอาศัยอำนาจคณะปฏิวัติของผู้นำทางทหารอย่าง “นายพลAbdel Fattah al-Sisi” นั่นแหละ ถึงจะ “เอาอยู่” เพราะแม้แต่ผู้ที่เคยครองอำนาจมาอย่างยืดเยื้อยาวนานถึง 27 ปี มากกว่า “บิ๊กตู่” บ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า อย่างอดีตประธานาธิบดี “Hosni Mubarak” ยังถึงกับ “ไปไม่เป็น” อันเนื่องมาจาก “จลาจลขนมปัง” นี่แหละ เป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟ้า-คว่ำดินในอียิปต์...

ด้วยเหตุนี้...แม้ว่าเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะอยู่ไกลไปคนละซีกโลก แต่โอกาสที่มันจะนำมาซึ่ง “ผลกระทบ” ต่อประเทศอียิปต์ หรือแม้แต่โลกทั้งโลก นับวัน...ก็ดูจะเห็นได้โดยชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อประเทศอเมริกาและพันธมิตรตก ได้เปิดฉาก “สงครามเศรษฐกิจ” หรือด้วยการอาศัยมาตรการ “แซงชั่น” ต่อประเทศรัสเซียอย่างชนิดกะให้ “ตายคาตีน” ให้จงได้!!! ความเพียรพยายามที่จะปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของรัสเซีย ปานประดุจว่าไม่มีประเทศนี้อยู่บนแผนที่โลกเอาเลยก็ว่าได้ ไปๆ-มาๆ...แทนที่มันจะช่วย “แก้ปัญหา” กลับกลายเป็นตัว “สร้างปัญหา” อื่นๆ ขึ้นมาแทนที่ อันเนื่องมาจากโดย “ความจริง” หรือ “ข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธ” คงต้องยอมรับว่า...ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี น้ำมันดิบ แก๊สธรรมชาติ ถ่านหิน โลหะ แร่ธาตุชนิดต่างๆ ไปจนแร่หายาก ไม้ และพลาสติก ฯลฯ อันเป็นสินค้าส่งออกของรัสเซีย มันได้เกี่ยวข้อง พัวพัน เชื่อมโยงโลกทั้งโลกเอาไว้นานแล้ว โอกาสจะตัดขาด ห้ามไม่ให้ซื้อ-ไม่ให้ขาย จึงเป็นอะไรที่ขัดแย้งกับความจริงกับข้อเท็จจริง หรือกลายเป็นตัว “สร้างปัญหา” แทนที่จะ “แก้ปัญหา” วิกฤตยูเครน ให้ทุเลา เบาบาง ลงไปได้มั่ง...

เพราะไม่ใช่แต่เฉพาะประเทศอียิปต์เท่านั้น...กระทั่งในยุโรปทั้งยุโรป เมื่อช่วงวัน-สองวันมานี้ รัฐมนตรีต่างประเทศกรีซ “นายMiltiadis Varvitsiotis” ก็ได้ออกมาพูดเอาไว้ชัดเจน ว่าไม่ว่าประเทศกรีซไปจนตลอดยุโรปทั้งมวล กำลังต้องเจอกับภาวะขาดแคลนข้าว-ปลา-อาหาร อันเนื่องมาจากการ “แซงชั่นรัสเซีย” นั่นแหละเป็นหลัก หรือแม้แต่ผู้นำฝรั่งเศส “นายEmmanuel Macron” ที่ต้องออกมาเตือนในช่วงระหว่างการหาเสียง ว่าโอกาสที่จะเกิด “วิกฤตอาหาร” ทั้งในยุโรปและในระดับทั่วทั้งโลก ภายในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า มีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ไม่เว้นแม้แต่ธนาคารโลกที่ได้ออกมาเตือนไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าการ “แซงชั่นรัสเซีย” ของอเมริกาและตะวันตก จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อ “จีดีพีโลก” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ “IMF” ที่ถึงกับระบุไว้ว่าจะเกิด “ผลกระทบ” ต่อทั้งระบบเศรษฐกิจและและตลาดการเงิน อย่างชนิด “ร้ายแรง” เอามากๆ...

ว่ากันว่า...ราคาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ทุกวันนี้ พุ่งขึ้นไปกว่า 31 เปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว เมื่อเทียบกับปี ค.ศ. 2021 ส่วนราคาพลังงานขึ้นไปอีกไม่น้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ นั่นยังไม่รวมถึงราคาปุ๋ย ราคาอาหาร หรือราคาสินค้าแทบทุกตัวนั่นแหละที่มีแต่ขึ้นเอาๆ ส่งผลให้แนวโน้ม “ภาวะเงินเฟ้อ” ที่เริ่มก่อตัวให้เห็นตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มากว่า 2 ปีกลายเป็นแนวโน้มที่ไม่ใช่แค่ “ชั่วครั้ง-ชั่วคราว” อีกต่อไปแล้ว แต่ชักจะเป็นแนวโน้มแบบ “ถาวร” เอาเลยก็ไม่แน่ และนั่นเองที่ทำให้กระทั่ง “Bank of America” หรือ “BofA” ต้องออกมาสรุปว่า ด้วยแนวโน้มที่ภาวะเงินเฟ้ออาจเป็นไปแบบถาวรจึงส่งผลให้บรรดานักลงทุนทั้งหลาย เริ่มเชื่อๆ กันว่า “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” ได้มาถึงแล้ว!!! หรืออย่างที่ซีอีโอแห่งบริษัทลงทุน “Laffer Tengler Investments” “นางNancy Tengler” ได้ออกมากู่ก้องร้องตะโกนไปเมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่า “เสียงกลองแห่งภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ดังกระหึ่มขึ้นมาแล้ว” อะไรประมาณนั้น...

คืออย่างที่ประเทศคุณพี่จีน...เขาได้สรุปเอาไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละว่า ภายใต้ความบอบช้ำทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดมาเป็นปีๆ กรรมวิธีการ “แก้ปัญหา” หรือการทุเลาเบาบาง “วิกฤตยูเครน” ให้ลดน้อยถอยลงมาได้มั่ง ไม่อาจอาศัยมาตรการ “แซงชั่น” แบบสุ่มสี่-สุ่มห้าได้โดยเด็ดขาด เพราะมีแต่จะเป็นการ “สร้างปัญหา” หรือ “เพิ่มปัญหา” ให้ซับซ้อนวุ่นวายยิ่งขึ้นไปอีก โดยผู้ที่จะต้องแบกรับกับผลกระทบต่างๆ นานาจากปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่มีแต่เฉพาะประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างรัสเซีย ยูเครน อเมริกาหรือยุโรปแต่เพียงเท่านั้น แต่ย่อมกระทบต่อโลกทั้งโลกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย ความกระเหี้ยนกระหือรือในการ “แซงชั่นรัสเซีย” ของคุณพ่ออเมริกาและตะวันตก จึงไม่เพียงแต่เป็นตัวทำร้ายและทำลายตัวเองหรือฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น แต่กำลังสร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับโลกทั้งโลกอย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...




กำลังโหลดความคิดเห็น