วันนี้...คงต้องขออนุญาตชวนไปดูลีลาการลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพัน ของมหาอำนาจคู่แข่งอเมริกา อย่างคุณพี่จีนเขาไว้สักหน่อย เพราะขณะที่มหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา...ท่านออกจะมุ่งมั่น เอาจริง-เอาจัง ในการสร้าง “ความตึงเครียด” ให้กับแนวรบในทุกๆ ด้าน ไม่ว่า “แนวรบยุโรปตะวันออก” ที่ยังหาจุดลงตัวแทบไม่เจอกรณีบุก-ไม่บุกยูเครน ของคุณน้ารัสเซีย ไปจนการยั่วยวนกวนส้นตีนคุณพี่จีน ใน “แนวรบทะเลจีนใต้” ด้วยการอาศัยไต้หวันเป็น “ไพ่” อีกใบ ชนิดไม่ต่างไปจากยูเครนนั่นเอง...การ “เล่นกับไฟ” หรือการอาศัยยุทธศาสตร์แบบอันตรายๆ เช่นนี้ จะส่งผลให้ “พญามังกรจีน” ถึงขั้นต้องหันไป “พ่นไฟ” หรือหันไปทำอะไรต่อมิอะไร??? อันนี้นี่แหละ...ที่บรรดาประเทศเล็กๆ หรือประเทศ “หญ้าแพรก” ทั้งหลาย พึงต้องคอยจับตาสังเกต อย่างมิอาจกะพริบตาได้โดยเด็ดขาด!!!
แต่อย่างที่ว่าเอาไว้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...เพียงแค่เริ่มต้น “เปิดศักราชใหม่” ของปี ค.ศ. 2022 แทนที่จะหันไป “พ่นไฟ” หรือหันไป “ออกงิ้ว” แสดงความฉุนฉิว กริ้วโกรธ ต่อการถูกยั่วแล้ว-ยั่วอีกโดยรัฐบาลอเมริกัน ตั้งแต่ยุค “ทรัมป์บ้า” มาถึงยุค “โจ ซึมเซา” ก็ยังไม่คิดจะลดราวาศอกลงไปสักกะที แต่พญามังกรจีนเขากลับเริ่มต้นเปิดศักราชด้วยการ “เลื้อย” ออกไปโอบกระหวัดรัดพัน บรรดาประเทศในแอฟริกาที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือการปฏิวัติ-รัฐประหารชนิดแทบเป็น “แฟชั่น” ไปเมื่อช่วงปีที่แล้ว ด้วยการเดินทางไปเยือนประเทศเกาะเล็กๆ อย่างคอโมโรส ประเทศเกิดใหม่อย่างอริเทรีย ประเทศเคนยา ฯลฯ ไปจนถึงการเน้นความสำคัญต่อบรรดาประเทศใน “จะงอยแอฟริกา” อย่างเอธิโอเปีย โซมาเลีย และประเทศที่ถือเป็นฐานทัพเรือแห่งแรกของจีน คือจีบูติ นั่นเอง...
มาถึงเมื่อวัน-สองวันนี้...หรือช่วงวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมานี่เอง ณ เมืองอู๋ซี (Wuxi) มณฑลเจียงซู (Jiangsu) ได้ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้าน-แขกเมืองของคุณพี่จีน ที่น่าสนใจเอามากๆ นั่นก็คือการเดินทางมาเยือนประเทศจีนของบรรดาแขกอาหรับ ภายใต้การนำของเลขาธิการสภาความร่วมมือกลุ่มประเทศอ่าว หรือกลุ่มประเทศ “GCC” (Gulf Cooperation Council) อันประกอบไปด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 4 ชาติของ 6 ชาติในกลุ่ม “GCC” คือรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน บาห์เรน รวมทั้งตัวเลขาธิการ “GCC” ที่เข้ามาพบปะ เจรจา เรื่องการค้า-การขาย เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในแต่ละด้านกับคุณพี่จีน รวมไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านและตุรกี ที่เดินทางมาเยือนประเทศจีนในช่วงจังหวะเดียวกัน อย่างชนิดน่าจะเมามันซ์ซ์ซ์เอามากๆ คือไม่เพียงแต่บรรดาประเทศเหล่านี้ ไม่ได้คิดจะรังเกียจ รังงอน คุณพี่จีน ในเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน หรืออะไรต่อมิอะไรที่คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก พยายามหยิบมาใช้เป็นข้อรังเกียจประเทศจีนมาโดยตลอด ยังหันไปแสดงความชื่นชม ยินดี สนับสนุนส่งเสริมประเทศจีนไม่ว่าเรื่องความเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว เรื่องความเป็นไปของโลกแบบ “หลายขั้วอำนาจ” ที่มุ่งจะรักษาความเสมอภาค เท่าเทียม และความยุติธรรม ให้เป็นจริง-เป็นจังขึ้นมา ชนิดพร้อมร่วมมือคัดค้าน ร่วมแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยต่อ “ลัทธิครองความเป็นเจ้า” (Hegemonism) ใดๆ ก็ตาม...
ว่ากันว่า...ในการพบปะเจรจาคราวนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน “นายหวัง อี้” (Wang Yi) ไม่เพียงแต่พยายามอวดโชว์ถึงความสำเร็จในการพัฒนาของประเทศจีน ตามแบบฉบับ “สังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะ” หรือ “ทุนนิยมเผด็จการ” แบบจีนๆ อันเป็นสิ่งที่น่าจะเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับบรรดาประเทศโลกมุสลิมเหล่านี้ แต่ยังได้ฝากข้อคิดสะกิดใจ ไว้ด้วยว่า...เอาเข้าจริงๆ แล้ว สิ่งที่เรียกว่า “ลัทธิเสรีนิยมใหม่” นั้น ไม่ใช่ “ยาสารพัดโรค” ที่จะสามารถช่วยแก้อะไรได้ง่ายๆ และด้วยความสำเร็จของจีนในทางเศรษฐกิจ การเมือง การค้าและการลงทุนต่างๆ ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศจีนถึงขั้นกล้าป่าวประกาศออกมาในคราวนี้ด้วยว่า ไม่ได้มี “สุญญากาศทางอำนาจ” ใดๆ อีกต่อไปในภูมิภาคตะวันออกกลาง แม้ว่าประเทศมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาอาจลดบทบทบาทลงไปก็ตาม เพราะบรรดาประเทศในภูมิภาคนี้ ต่างคงไม่ต้องการ “พี่เบิ้มต่างชาติ” หรือ “Foreign Patriarch” ที่จะเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในภูมิภาคนี้ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น...ประเทศจีนซึ่งถือเป็นประเทศที่ไม่ได้มี “ศัตรู” ในตะวันออกกลางแม้แต่รายเดียว มีแต่ “มิตร” ไปด้วยกันทั้งสิ้น จึงพร้อมที่จะลอดเลื้อยและโอบกระหวัดรัดพันทุกๆ ชาติ ไม่ว่าการเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” กับประเทศอย่างซาอุฯ อียิปต์ ยูเออี หรือเป็นผู้สนับสนุนอิหร่านโดยเฉพาะการเจรจาข้อตกลง “JCPOA” ช่วงนี้ กระทั่งแม้แต่อิสราเอล ที่ถึงกับถูกพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างคุณพ่ออเมริกา ออกปากเตือนให้หาทางห่างๆ จีนเข้าไว้ ฯลฯ...
พูดง่ายๆ ว่า...โดยแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนกับบรรดาประเทศในตะวันออกกลางช่วงนี้ น่าจะออกไปทาง “เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนจีน” หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งบรรยากาศความเป็น “ศัตรูคู่กัด” ภายในภูมิภาค ยิ่งลดน้อยถอยลง ยิ่งขึ้นเท่าไหร่ เช่น ซาอุฯ กับอิหร่าน ที่สมาชิกสภาอิหร่านแห่งคณะกรรมาธิการ “National Security and Foreign Policy” เพิ่งออกมา “ทวีต” ไว้เมื่อช่วงวันเสาร์ (15 ม.ค.) ที่ผ่านมา ว่าต่างฝ่ายต่างเตรียมที่จะหวนกลับไปเปิดสัมพันธ์ทางการทูตโดยปกติ หรือเตรียมเปิดสถานทูตซาอุฯ และอิหร่าน ในกรุงเตหะรานและริยาดห์ อีกไม่นานนับจากนี้ ก็ยิ่งกลายเป็นบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลอดเลื้อยและโอบกระหวัดรัดพัน ของคุณพี่จีน ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ส่วนในภูมิภาค “ละตินอเมริกา” นั้น...แทบไม่ต้องพูดถึง เพราะการที่สมาชิกสภาอเมริกัน ถึงขั้นคิดเตรียมเสนอกฎหมาย “US National Defense Authorization Act” กันในเร็วๆ นี้ เพื่อหาทาง “สกัดกั้นอิทธิพลของจีน” ในละตินอเมริกา ก็ถือเป็นตัวสะท้อนให้เห็นค่อนข้างชัดเจน ว่าความเป็นไปในภูมิภาคนี้น่าจะออกไปทาง “เรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนจีน” อีกเช่นเคย แค่ดูจากตัวเลข “มูลค่าการค้า” ที่สมาชิกสภาอเมริกันนำมาอ้างอิง จากปี ค.ศ. 2002 ที่การค้าระหว่างจีนกับละตินอเมริกาซึ่งเคยมีอยู่เพียงแค่ประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์ แต่พอมาถึงปี ค.ศ. 2019 ดันพุ่งพรวดๆ พราดๆ ขึ้นมาถึง 316,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้บรรดานักการเมืองอเมริกันทั้งหลาย เลยออกอาการ “หูแหก-ตาแหก” ต่อความเป็นไปใน “สวนหลังบ้าน” ของตัวเอง ถึงขั้นต้องคิดออกกฎหมายต่อต้าน สกัดกั้นอิทธิพล จากการลอดเลื้อย การโอบกระหวัดรัดพันของจีน อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ...
สรุปง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกา ตะวันออกกลาง ไปจนถึงละตินอเมริกา หรือแม้แต่ยุโรปทั้งยุโรป ที่มูลค่าการค้ากับจีนจากปี ค.ศ. 2002 ที่เคยอยู่ที่ประมาณ 86,700 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมาเป็น 700,000 ล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2019 ล้วนแต่สะท้อนให้เห็นว่า การคิดนำเอาประเทศที่เป็นคู่ค้าระดับใหญ่โตมโหฬารของไม่ต่ำกว่า 120 ประเทศทั่วโลก อย่างประเทศจีน มาเป็น “ศัตรู-คู่แข่ง” ด้วยการหาทางสร้างปัญหา สร้างอุปสรรค หรือสร้างความเป็นปรปักษ์ ให้หนักหน่วงรุนแรง หรือให้มากๆ เข้าไว้ เอาไป-เอามาแล้ว...มันไม่น่าจะ “เวิร์ก” มากมายสักเท่าไหร่ ตรงกันข้าม...กลับยิ่งส่งผลให้มหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกา ยิ่งออกอาการ “โดดเดี่ยว-โฮม อโลน” ยิ่งเข้าไปเท่านั้น การสร้างความดุเดือดเลือดพล่าน ต่อ “แนวรบ” ด้านต่างๆ ด้วยการคว้าม้า คว้าเรือ ออกมาโขกในกระดาน “หมากรุก” กันแต่ละโป๊ก เมื่อต้องเจอเข้ากับ “หมากล้อม” ของจีน หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รายสำคัญของรัสเซีย ที่แน่นเหนียว หนึบหนับ ชนิดมิอาจแยกออกจากกันได้เลย จึงทำให้โอกาสที่ “ยุทธศาสตร์เล่นกับไฟ” ของอเมริกาช่วงนี้ ย่อมมีโอกาสดับสนิท ไม่ก็ไหม้มือตัวเอง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...