สถานการณ์ในตะวันออกกลางเดือดพล่าน กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ปูพรมโจมตีทางอากาศเมืองหลวงของเยเมน ซึ่งอยู่ในความควบคุมของพวกกบฏฮูตี ที่มีอิหร่านหนุนหลัง เมื่อคืนวันจันทร์ (17 ม.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน หลังจากก่อนหน้านั้น ริยาดสามารถสกัดโดรน 8 ลำที่พุ่งเป้าโจมตีประเทศของตน ขณะที่กบฏฮูตีประกาศความรับผิดชอบในการส่งโดรนเข้าโจมตีใกล้สนามบินอาบูดาบีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในช่วงกลางวันของวันเดียวกัน ที่มีผู้สังเวยชีวิต 3 คน
กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีฯ เปิดเผยตอนก่อนเช้ามืดวันอังคาร (18) ว่า ได้เริ่มโจมตีทางอากาศต่อฐานที่มั่นและค่ายของกบฏฮูตีในกรุงซานา โดยดูเหมือนเป็นการโจมตีครั้งนองเลือดที่สุดต่อเมืองหลวงของเยเมนนับตั้งแต่ปี 2019
การโจมตีทางอากาศคราวนี้ ซึ่งสื่อของฝ่ายฮูตี และชาวเมืองบอกว่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 20 คน ในจำนวนนี้เป็นพลเรือนหลายคน โดยที่เครื่องบินของกลุ่มพันธมิตรพุ่งเป้าโจมตีบ้านพักของเจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูงคนหนึ่งของฮูตี ทำให้มีผู้ถูกสังหารไปราว 14 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้นี้ ตลอดจนภรรยาและลูกชายของเขา พวกเพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินระบุ
สื่อของฝ่ายฮูตีได้ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูงผู้นี้ว่า คือ อับดุลเลาะห์ กัสซิม อัล-จูนาอิด อดีตผู้บังคับการโรงเรียนการบินของฮูตี
ด้านรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของคณะบริหารฮูตีที่ยึดครองพื้นที่กว้างขวางทางด้านเหนือของเยเมน รวมทั้งกรุงซานา ทวิตว่า กลุ่มพันธมิตรโจมตีทั่วซานา และทำให้ประชาชนราว 20 คนเสียชีวิต ขณะที่สถานีทีวีอัล มาซิราห์ ที่ควบคุมโดยฮูตีรายงานว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้บ้านเรือนมากมายเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนพอๆ กัน
หลายชั่วโมงก่อนหน้าการถล่มใส่เมืองหลวงเยเมน ได้เกิดเหตุโจมตีหลายจุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะเดียวกัน กลุ่มพันธมิตรระบุด้วยว่าสามารถสกัดโดรน 8 ลำที่มุ่งหน้าไปโจมตีซาอุดีฯ
ทั้งนี้ ยูเออีเป็นผู้ที่ติดอาวุธและช่วยฝึกกองกำลังของเยเมน ที่เมื่อเร็วๆ นี้ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรในการต่อสู้กับฮูตีในเขตชับวาและมาริบที่อุดมด้วยแหล่งพลังงาน
ฮูตีประกาศความรับผิดชอบในเวลาต่อมา สำหรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธ 5 ลูก และโดรน “จำนวนมาก” ในยูเออี โดยเป้าหมายที่เข้าเล่นงานมีทั้งสนามบินในดูไบและอาบูดาบี รวมถึงโรงกลั่นน้ำมันในมูซัฟฟาห์ และสถานที่ “อ่อนไหว” หลายแห่งในยูเออี ที่ทำให้รถบรรทุกเชื้อเพลิงหลายคันระเบิด มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน ขณะเดียวกัน ก็เกิดไฟไหม้ใกล้ๆ สนามบินอาบูดาบีอีกด้วย
ยูเออีซึ่งเป็นสมาชิกสำคัญในกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีฯ รวมทั้งยังเป็นพันธมิตรสำคัญในอ่าวเปอร์เซียของอเมริกา ประกาศหลังถูกโจมตีว่า จะตอบโต้ “การโจมตีของผู้ก่อการร้าย” และการตอบโต้ก็บังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เห็นกันว่า การโจมตียูเออีอาจทำให้สงครามระหว่างฮูตีกับกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีฯ รุนแรงยิ่งขึ้น และอาจบ่อนทำลายความพยายามในการควบคุมความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่วอชิงตันกำลังดำเนินการเพื่อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้แถลงประณามเหตุการณ์สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสำทับว่า อเมริกาจะร่วมมือกับยูเออีและพันธมิตรนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ตอนค่ำวันจันทร์ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ หารือทางโทรศัพท์กับ ชัยค์ อับดุลเลาะห์ บิน ไซเอด อัล นาห์ยาน รัฐมนตรีต่างประเทศยูเออี โดยประณามการโจมตีของฮูตีที่ทำให้พลเรือนบริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตาย พร้อมแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ส่วนอันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ประณามการโจมตียูเออีเช่นเดียวกัน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นระดับสูงสุดและป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม
ทั้งนี้ สงครามเยเมนที่ถูกมองว่า เป็นสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดีฯ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ กับอิหร่านที่นับถือนิกายชีอะต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 377,000 คน และสถานการณ์ได้รุนแรงขึ้นอีกในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ เวลานี้รวมแล้วมีประชาชนหลายล้านคนต้องทิ้งบ้านเรือนและอดอยาก โดยยูเอ็นระบุมาเป็นแรมปีแล้วว่า นี่เป็นวิกฤตการณ์ครั้งร้ายแรงที่สุดของมวลมนุษยชาติ
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)