xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำ ‘เวิร์กฟรอมโฮม’ อีกแล้ว!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



สวัสดีปีใหม่ครับ ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้มีโอกาสได้เริ่มต้นใช้ชีวิตในปี 2565 โดยที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมของประเทศจะเป็นตายร้ายดีมากน้อยอย่างไร

หวังเพียงแต่ว่าถ้าไม่เลวร้ายกว่าปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นบุญโขแล้ว จะเป็นเช่นนั้นได้หรือไม่ เราเริ่มได้เห็นสัญญาณชัดแล้ว จากหัวหน้ารัฐบาลที่อยู่รอดมาได้นานกว่า 7 ปี ท่ามกลางความเสื่อมทรุดของรากฐานของประเทศทุกด้าน

ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จริยธรรม คุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นอยู่ของประชาชนผู้ด้อยโอกาส ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่ลดลง

หวังไว้ว่าปัญหาเศรษฐกิจ ความยากลำบากในการดำรงชีวิต สภาวะแร้นแค้น จะไม่ทำให้คนต้องหนีวิกฤตด้วยการฆ่าตัวตาย ทั้งเดี่ยวและหมู่ เหมือนปีที่ผ่านมา

มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ สร้างความหวังว่าบ้านเมือง และสภาพการดำรงชีวิตโดยรวมจะดีขึ้น เมื่อยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้กุมอำนาจรัฐ

สิ่งที่ประชาชนได้รับรู้ช่วงปีใหม่ก็คือคำประกาศแสดงเจตนารมณ์อย่างมั่นคงของผู้นำรัฐบาลว่าจะเริ่มต้นทำหน้าที่ด้วยการ “ทำงานที่บ้าน” หรือ “เวิร์กฟรอมโฮม” จากวันที่ 4 จนถึง 14 มกราคม 2565! ใช่แน่นอน หูไม่เฝื่อน จิตในการรับรู้ไม่ฟั่นเฟือน

ย้ำอีกครั้ง ท่านผู้นำห้าวเป้ง องอาจกล้าหาญจะ “ทำงานที่บ้าน” บริหารประเทศ ประชุมคณะรัฐมนตรีแบบออนไลน์!!! เป็นรอบที่ 2 นับตั้งแต่การระบาดของโคโรนาไวรัส ครั้งนี้ไม่มีคำอธิบายชัดเจน ชาวบ้านเดาเอาว่าเป็นการป้องกันตัวเอง

ยังขอร้องให้ประชาชนอยู่บ้านอีก 7 วัน หลังจากวาระการสนุกสนานแล้ว!

หลังจากไม่ยอมปิดประเทศ ไม่ห้ามภาคเอกชนให้ยกเลิกการเคาท์ดาวน์!

ผลที่ตามมาคืออะไร มีการระบาดของเชื้อโอมิครอนไปมากกว่า 40 จังหวัด ก็เห็นกันอยู่ว่า มีคนป่วยมากกว่า 1.7 พันราย ตามรายงานตัวเลขวันที่ 3 มกราคม ยังไม่เปิดทำงานด้วยซ้ำ แต่ท่านผู้นำออกตัวเร็วมาก ว่าจะขอทำงานที่บ้าน

ช่างเป็นความกล้าหาญสไตล์นักรบที่อ้างว่าผ่านศึกสมรภูมิร่วมกันกับพี่น้อง 3 ป. มาแล้ว เป็นตายก็ไม่แยกจากกัน จนถึงวาระสุดท้ายสิ้นลมหายใจนั่นเลย

ชาวบ้านสงสัยว่าทำไมท่านผู้นำจะไม่ยอมไปทำงานที่ทำเนียบฯ เมื่อไม่มีคำอธิบาย ชาวบ้านย่อมมีสิทธิเดาได้ง่ายๆ ว่าท่านผู้นำคงไม่อยากสู้หน้าสื่อ ไม่อยากเผชิญคำถามที่ทำให้ลำบากใจเรื่องการระบาดของโอมิครอน และผลที่จะตามมา

เห็นแววอย่างนี้ การระบาดคงแพร่ไปทั่วประเทศอีกไม่นาน หลังจากให้ภาคเอกชนได้จัดงานฉลองสิ้นปี สนองความต้องการของบรรดาธุรกิจของเจ้าสัวใหญ่ผู้กุมชะตากรรมเศรษฐกิจของประเทศนี้ เป็นลูกหนี้เงินกู้รวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาท

แน่นอน ถ้าเจ้าสัวนักกู้เงินมีปัญหาด้านผลประกอบการธุรกิจด้วยผลการระบาดของโควิด-19 อย่างยืดเยื้อ ก็อาจสร้างปัญหาต่อเนื่องถึงสถาบันการเงินเจ้าหนี้ และประชาชนที่ไปซื้อหุ้นกู้มูลค่ามหาศาลได้ บ้านเมืองจะเผชิญภาวะซ้ำเติมรุนแรง

และวันนั้นรัฐบาลอาจต้องหาทางช่วยเหลืออุ้มเจ้าสัวผู้ลำบากก็เป็นได้

ความเห็นแก่ความอยู่รอดของธุรกิจเจ้าสัว ทำให้ท่านผู้นำต้องยอมให้ประชาชนอยู่ในความเสี่ยงของการระบาด อ้างว่ามีความจำเป็นต้องให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป ขอความร่วมมือให้ประชาชนร่วมมือดูแลป้องกันการระบาด ดูแล้วย้อนแย้งกันเองมาก

ก่อนหน้านี้ ได้มีคำเตือนและคำถามแล้ว เรื่องการเปิดประเทศ เตือนความทรงจำครั้งการระบาดของเชื้ออัลฟ่าช่วงสงกรานต์ และเชื้อเดลตาช่วงปิดแคมป์คนงาน แต่ท่านผู้นำห้าวเป้งทำหูทวนลม ยังวางมาดเฮ้าเลี่ยน ทำเป็นไม่ใส่ใจเสียงนกเสียงกา

ครั้งนั้น ไม่มีหน้าไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบ จากการติดเชื้อเพียง 2 หมื่นราย มาเป็นกว่า 2 ล้านราย คนเสียชีวิตมากกว่า 2 หมื่นราย รัฐบาลท่านห้าวเป้งสมควรได้รับฉายาว่าเป็นคณะผู้บริหาร 2 หมื่นศพ ไม่นับพวกที่ต้องฆ่าตัวตายหนีทุกข์

ครั้งนี้ เตือนแล้วไม่ฟัง เมื่อผลออกมาอย่างที่เห็น ก็หาทางออกด้วยการหนีหน้า หนีคำถามผู้สื่อข่าวไปจนถึงวันที่ 14 เมื่อจะมีคนถามว่าหน้าไหนจะรับผิดชอบ อย่างไร แต่คงทำแบบลีลาเดิมด้วยการแกล้งเฉไฉไขสือ อ้างประชาชนต้องร่วมมือ

“เราต้องผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน” อ่า! ช่างเป็นคำปลอบประโลมที่น่าชื่นใจพวกบ้องตื้นยิ่งนัก เพราะไม่ถามว่าวิกฤตที่เกิดขึ้น ใครทำให้สภาวะเลวร้ายกว่าเดิม

หากินกับลีลาเดิมๆ แล้วโบ้ยว่าประชาชนต้องร่วมมือกัน รัฐบาลจะทุ่มเทความพยายามแก้ปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้ จากนั้นก็จะมีโฆษกฆ้องปากแตกออกมาสาธยายความจำเป็นนั่นนี่โน่น เป็นหนังหน้าไฟ ท่านผู้นำไม่ต้องออกมาตีหน้าเศร้า

อยู่มานานกว่า 7 ปี ไม่รู้หรือว่าคณะท่านห้าวเป้งคือปัญหาของประเทศอย่างแท้จริง และบ้านเมืองนี้จะไปไม่รอดจากวิกฤตตราบใดที่ก๊วนนี้ยังคงอยู่ในอำนาจ

ถามว่าที่ผ่านมา 7 ปี มีฝีมือแค่นี้ สร้างปัญหา สร้างหนี้มหาศาลให้เป็นภาระของคนรุ่นลูกหลาน ดีแต่พูด ดีแต่กู้ ดีแต่แก้ตัว ดีแต่ลีลาเอาตัวรอด มีทั้งเล่ห์เพทุบายทางการเมืองเพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อไปให้นานที่สุด แม้บ้านเมืองเสี่ยงต่อความล่มจม

ก็จะยังตากหน้าอยู่ต่อไป เป็นตัวปัญหา มองว่าตัวเองเป็นผู้ที่แผ่นดินนี้ขาดไม่ได้ ก็มีคนไม่น้อยที่อยากให้ท่านห้าวเป้งอยู่ต่ออีก 4 ปีให้สมกับความอยาก แล้วจะรู้ว่าบ้านเมืองจะเผชิญกับหายนะในรูปแบบไหน เมื่อปัจจุบันอยู่ในสภาพถังแตกแล้ว

การระบาดของโอมิครอนจะเป็นโอกาสให้ท่านห้าวเป้งหาทางกู้เงิน สร้างหนี้เพิ่ม อ้างว่าเอามาแก้ปัญหา บริหารงานแบบงูกินหาง มีทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะ เงินหายาก คนยากจนเต็มเมือง อนาคตบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เดาไม่ยากจริงๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น