xs
xsm
sm
md
lg

บทความ

x

ทหารพม่าโหดฆ่าหมู่ชาวบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย
ความพยายามของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ที่จะอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดได้ถูกพิสูจน์ให้เห็นพฤติกรรมเผด็จการโหดเหี้ยมอีกรอบ เมื่อปรากฏหลุมศพชาวบ้านถูกสังหารหมู่รวมกันกว่า 40 ราย ก่อนเสียชีวิต มีหลักฐานการถูกทรมานอีกด้วย

พยานหลักฐานมีทั้งญาติของผู้เสียชีวิต ภาพที่ถูกบันทึกไว้โดยโทรศัพท์มือถือ และหลุมที่มีชาวบ้านถูกสังหารหลังจากทหารได้ทรมานจนหนำใจก่อนฆ่าทิ้ง

ชาวบ้านที่รอดชีวิตเล่าให้ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวบีบีซีฟังว่า ทหารที่ได้ร่วมฆ่าโหดชาวบ้านมีอายุเพียงแค่ 16-17 ปี จนถึงทหารที่มีอายุมาก กลุ่มทหารได้ปิดล้อมหมู่บ้าน ต้อนชาวบ้านให้รวมกลุ่ม จากนั้นแยกกลุ่มผู้ชายจากกลุ่มหญิง ก่อนสังหาร

ภาพที่ปรากฏแสดงให้เห็นศพที่ถูกฝังไว้ในหลุมตื้นๆ เหตุการณ์สังหารเกิดขึ้น 4 ครั้งในเดือนกรกฎาคม ในย่านเมืองคานิ ซึ่งเป็นฐานของชาวบ้านที่ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ซึ่งทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีนี้

เมืองคานิอยู่ในพื้นที่สะกาย ซึ่งมีการต่อต้านรัฐบาลอย่างมาก ผู้สื่อข่าวบีบีซีได้พูดคุยกับชาวบ้าน 11 รายในย่านคานิ พร้อมเปรียบเทียบกับหลักฐานเป็นภาพบันทึกโดยโทรศัพท์มือถือ ถูกเก็บไว้โดยกลุ่มเอ็นจีโอซึ่งมีสำนักงานในอังกฤษ

การสังหารที่มีเหยื่อจำนวนมากเกิดที่หมู่บ้านหยิ่น ซึ่งมีผู้ชายอย่างน้อย 14 รายถูกจับตัวและทรมานโดยการถูกทุบตี ศพถูกทิ้งในหลุมตื้นๆ ในป่า เหยื่อทั้งหมดถูกจับมัดมือ จากนั้นทหารพม่าก็ผลัดกันทรมาน ทุบตี ก่อนฆ่าทิ้ง

หญิงรายหนึ่งซึ่งพี่ชายถูกทหารสังหารได้บอกว่านางไม่กล้ามองพฤติกรรมโหดเหี้ยมช่วงที่มีการทรมานทุบตี ต้องก้มหน้า ไม่ต้องการเห็นภาพสะเทือนใจ

ในกลุ่มผู้ถูกสังหารนั้นมีพี่ชาย หลานชาย และพี่เขย รวมอยู่ด้วย และเล่าว่า “เราได้ขอร้องอ้อนวอนทหารว่าอย่าทำอะไรพวกนั้น แต่พวกทหารไม่สนใจ ทั้งยังถามว่าสามีของพวกเราอยู่ในกลุ่มด้วยหรือไม่ ถ้ามี ก็จัดการทำพิธีสั่งเสียให้เรียบร้อย”

ชายรายหนึ่งซึ่งได้เล็ดลอดหนีมาได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวว่าทหารได้ประกอบทารุณกรรมต่างๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนที่เหยื่อจะสิ้นใจ พร้อมเล่าว่า “พวกนั้นโดนมัด ถูกทุบตีอย่างแรงด้วยก้อนหิน พานท้ายปืน และการทรมานเป็นไปตลอดทั้งวัน”

ทหารบางนายยังอายุน้อยเพียง 16-17 ปี บางพวกก็อายุมาก ทหารบางกลุ่มมีผู้หญิงปนมาด้วย ในหมู่บ้าน ซี บิน ดวิ่น ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มีการค้นพบ 12 ศพซึ่งปรากฏหลักฐานการถูกทรมาน ฝังรวมในหลุมเดียวกัน

ในหลุมนั้น มีทั้งศพเด็กผู้ชาย คนพิการ บางศพมีสภาพยับเยินจากการถูกทำร้ายก่อนเสียชีวิต มีศพชายอายุประมาณ 60 ปี ถูกมัดติดอยู่กับต้นพุทรา ภาพที่นำเสนอต่อผู้สื่อข่าวบีบีซีมีหลักฐานการถูกทรมานอย่างชัดเจน

ญาติของชายสูงอายุเล่าให้ฟังว่า ทั้งลูกชายและหลานชายได้หลบหนีเมื่อทหารพม่าเข้ามาในหมู่บ้าน แต่ตัวเองเลือกที่จะอยู่เพราะเชื่อว่าทหารจะไม่ทำอะไรถ้าเห็นว่าเป็นคนอายุมากแล้ว สุดท้าย ทหารระบายความแค้นด้วยการจับมัดแล้วฆ่า

การสังหารโหดชาวบ้านถูกมองว่าเป็นการล้างแค้นผสมกับการลงโทษของทหาร เพื่อเอาคืนกลุ่มชาวบ้านที่ติดอาวุธรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาล พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเผด็จการ มิน อ่อง หล่าย คืนอำนาจให้ประชาชน

การต่อสู้ในพื้นที่สะกายและหลายแห่งมีอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มป้องกันตัวเอง ซึ่งจัดตั้ง มีการฝึกอาวุธในกลุ่มทหารของกองทัพชนเผ่าต่างๆ ซึ่งต่อต้านรัฐบาล กลุ่มติดอาวุธได้ซุ่มโจมตีหน่วยทหาร และเกิดการปะทะอย่างมาก ก่อนเกิดการสังหารหมู่

หลักฐานที่รวบรวมได้โดยกลุ่มเอ็นจีโอและผู้สื่อข่าวบีบีซีแสดงให้เห็นว่าทหารได้เจาะจงที่เน้นการจับกุมผู้ชายและสังหาร เพราะถูกมองว่าเป็นกองกำลังสำคัญสำหรับกลุ่มชาวบ้านที่ติดอาวุธและสู้รบกับทหาร แต่ชาวบ้านยืนยันว่าทหารจับผิดตัว

ครอบครัวของเหยื่อการสังหารหลายรายบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อต้านรัฐบาลและซุ่มโจมตีทหาร หญิงรายหนึ่งซึ่งน้องชายอยู่ในกลุ่มชายที่ถูกสังหารหมู่ในหมู่บ้านหยิ่นได้ร้องขอชีวิตของน้องชายต่อทหารพม่า แต่ไม่สำเร็จ

นางบอกว่าน้องชายไม่ได้เป็นพวกที่สู้กับทหาร ยิงหนังสติ๊กก็ยังไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่ทหารตอบอย่างไร้ความเมตตา “ไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกเราเบื่อที่จะฟัง จะฆ่าทิ้ง”

นับตั้งแต่การรัฐประหาร รัฐบาล มิน อ่อง หล่าย ซึ่งได้ตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้ห้ามผู้สื่อข่าวต่างชาติรายงานเหตุการณ์ในพม่า สื่อที่ไม่เป็นของรัฐถูกปิดตาย ทำให้การรายงานข่าวเหตุการณ์ต่างๆ แทบเป็นไปไม่ได้

สำนักข่าวบีบีซีได้หยิบยกเรื่องการสังหารหมู่พร้อมหลักฐานยื่นให้รัฐมนตรีช่วยด้านประชาสัมพันธ์และโฆษกรัฐบาล นายพลเอกซอ มิน ทุน ซึ่งก็ไม่ได้ปฏิเสธกรณีทหารให้สังหารหมู่ประชาชน

“เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้ เมื่อประชาชนเห็นพวกทหารเป็นศัตรู เรามีสิทธิที่จะป้องกันตัวเอง” ซอ มิน ทุน ยอมรับ

ปัจจุบันองค์การสหประชาชาติกำลังสอบสวนพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยทหารและเจ้าหน้าที่รัฐในพม่า ซึ่งกำลังอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง ซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าพลเอกมิน อ่อง หล่าย พร้อมจะลงจากอำนาจ

ที่ผ่านมา นอกจากการปราบปรามประชาชน กลุ่มผู้เดินขบวนประท้วงแล้ว ยังจับกุมคุมขังผู้ต่อต้านหลายพันคนขังคุก ผู้นำรัฐบาลพลเรือน นางอองซาน ซูจี ถูกคุมขังพร้อมข้อหาต่างๆ กว่า 10 คดี โดยคณะรัฐประหาร โอกาสเป็นอิสระเป็นไปได้ยาก


กำลังโหลดความคิดเห็น