xs
xsm
sm
md
lg

โลกแห่งความจริง...ที่โหดร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



หายหน้า-หายตาไป 2-3 วัน...ด้วยเหตุเพราะธุระปะปังและเพราะความทรุดโทรม เสื่อมโทรมของร่างกาย อันเนื่องมาจากความแก่ ความชรา นั่นแหละทั่น แต่เอาเป็นว่าวันนี้...พอมีเรี่ยว มีแรง พอปลอดโปร่งโล่งสบายขึ้นมามั่ง น่าจะขออนุญาตเชิญชวนให้แวะไปแถวๆ ประเทศสกอตแลนด์ แถวๆ เมืองกลาสโกว์ แวะไปดูเรื่องโลกร้อน-โลกไม่ร้อน ตามวาระการประชุมนานาชาติระดับ “Conference of the Parties” หรือที่เรียกๆ กันย่อๆ ว่า “COP26” ที่ลากยาวตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.มาสิ้นสุดในช่วงวันที่ 12 พ.ย. หรือช่วงวันพรุ่งนี้ ก็น่าจะปิดฉาก ปิดผ้าม่านกั้ง ได้เป็นที่เรียบร้อย...

คือการประชุมนานาชาติในเวทีดังกล่าวนั้น...ถ้าว่ากันตามทางเท้า ทางตีน ของบางประเทศ หรือหลายๆ ประเทศ อาจเป็นแค่การเปิดช่อง เปิดโอกาส สำหรับการ “ทำเท่” หรือการแสดงโวหาร วาทะของบรรดาผู้นำในแต่ละคน แต่ละราย ก็แล้วแต่จะว่ากันไป เช่น ถือเป็นช่อง เป็นโอกาส ให้ผู้นำมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลก อย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” ตลอดไปจนถึงอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน อย่าง “โอมาบ้า” (โอบามา) สามารถ “ฉวยโอกาสด่า” ผู้นำประเทศมหาอำนาจคู่แข่ง อย่างผู้นำจีน ผู้นำรัสเซีย “สี จิ้นผิง-สีทนได้” ไปจนถึงประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่จะไปสังเกตกันเอาเอง หรืออาจถือเป็นการเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้ท่านนายกฯ “บิ๊กตู่” ของหมู่เฮา มีโอกาสเอ่ยคำพูดเท่ๆ เก๋ๆ เช่นประเภทคำว่า “แปลน-บี” หรือ “โลก-บี” อะไรทำนองนั้น จนนำมาซึ่งการรุมถล่มในโลกโซเชียล มีเดีย ชนิดเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก อันเนื่องมาจากความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาทและริษยา ที่ยากจะรักษาเยียวยากันได้ง่ายๆ...

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม...โดยเนื้อหาสาระ หรือโดยการคาดการณ์ ประมาณการจากบรรดา “ข้อมูล” หรือข้อพิสูจน์หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ นักคิด นักวิชาการ ในระดับโลก เขาพยายามรวบรวม สังเคราะห์ และวิเคราะห์ออกมาอย่างเป็นระบบและกิจการถึง “อนาคตความเป็นไปของโลก” ภายใต้สภาวะความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศที่นับวันจะร้อนขึ้นๆ หรือร้อนกว่าเมื่อช่วงศตวรรษที่ 19 ขึ้นมาประมาณ 1.1 องศาเซลเซียส หรือ 2.0 องศาฟาเรนไฮต์ในทุกวันนี้ โดยถ้าหากบรรดาชาวโลก หรือบรรดามวลมนุษยชาติทั้งหลาย ยังไม่คิดจะทำอะไรเอาเลย ปล่อยให้ร้อนๆ ต่อไปจนอุณหภูมิเฉลี่ยอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 2.9 องศาเซลเซียส หรืออีก 5.2 องศาฟาเรนไฮต์ ในอีกไม่นานนับจากนี้ โอกาสที่จะนำไปสู่ความ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” ในแบบไหน? อย่างไร? หรือในลักษณะไหน? ก็อาจพอนำมาใช้เป็น “สติ” เตือนใจ หรือเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ได้มั่ง ไม่มาก-ก็น้อย...

เช่น การคาดการณ์ถึงความร้อนและความแล้ง...ในระดับที่ “อยู่ไม่ได้” หรือแทบไม่มีโอกาสที่จะ “อยู่ๆ กันไป” ภายในโลกใบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะในแถบที่ออกจะร้อนฉิบหาย ร้อนตายโหงมาโดยตลอด หรือบริเวณอาณาเขตพื้นที่ที่เรียกกันย่อๆ ว่า “MENA” หรือ “Middle East and North Africa” หรือแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือนั่นแหละทั่น ที่ว่ากันว่า...ภายในแค่อีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า หรือภายใน “ทศวรรษ” หน้านี่เอง โอกาสที่อุณหภูมิอากาศในพื้นที่บริเวณนี้อาจพุ่งขึ้นไป 60 องศาเซลเซียสในบางช่วง บางระยะ ชนิดเนื้อหนังอาจไหม้เกรียมกันไปเป็นแถบๆ หรือระดับ “Super-Extreme” น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ก่อให้เกิดผลกระทบกับพลเมือง พลโลก จำนวนไม่น้อยกว่า 600 ล้านคนหรือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ มีอันต้องอยู่ไม่ได้ หรืออยู่ไม่เป็น อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ บรรดาเมืองหลักๆ...ในพื้นที่แถบนี้ หรือแถบอ่าวเปอร์เซียและทะเลอาหรับ ไม่ว่าจะเป็นดาห์ราน, บันดาร์อับบาส, โดฮา, อาบู ดาบี หรือดูไบ ฯลฯ ที่คุณพี่ “โทนี่-โทนาฟ” ของหมู่เฮา ใช้เป็นที่ปักหลักในการ “เห่า” หรือเป็นที่ “คลับเฮาส์” อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ อาจต้องเจอกับ “คลื่นความร้อน” ในระดับอยู่ไม่ได้ อยู่ไม่เป็น ชนิดเป็นเดือนๆ เป็นสัปดาห์ ในแต่ละปี หรืออาจประมาณ 4 เดือนในแต่ละปี เอาเลยถึงขั้นนั้น...

นี่...มันน่าเกลียด น่ากลัว น่าตกตะลึงพรึงเพริดไปถึงขั้นไหน ก็ลองไปจินตนาการนึกภาพเอาเองก็แล้วกัน คือแค่เจอกับอุณหภูมิอากาศระดับประมาณ 40 หรือ 40 กว่าองศาเซลเซียสอย่างบ้านเรา ก็เรียกว่าร้อนฉิบหาย ร้อนตายห่า ตับแทบแลบ ม้ามแทบแลบออกมาเป็นชิ้นๆ แต่ถ้าลองต้องเจอกับอุณหภูมิอากาศระดับ 60 องศาเซลเซียสและอาจสูงยิ่งขึ้นไปกว่านั้น กระทั่งคุณพี่ “โทนี่-โทนาฟ” ของหมู่เฮาก็เถอะ อาจถึงขั้น “เห่าไม่ออก” เอาดื้อๆ ก็ไม่แน่!!! แต่ก็นั่นแหละ...ขณะที่แถวๆ ตะวันออกกลางและแอฟริกา อาจต้องร้อนฉิบหาย ร้อนตายโหง ตายห่า ยังไงก็แล้วแต่ บรรดาเมืองหลักๆ ในแถบเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น โซลของเกาหลีใต้ มะนิลาของฟิลิปปินส์ ฯลฯ หรือแม้แต่กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพฯ ของหมู่เฮา ก็ใช่ว่าจะ “อยู่-เย็น-เป็น-สุข” แต่อย่างใดไม่? โอกาสที่จะต้องจมน้ำ จมบาดาล เพราะระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น หรือเพราะพายุที่เกรี้ยวกราดในแต่ละลูก และที่นับวันจะถี่ขึ้นๆ ย่อมมีความเป็นไปได้อีกไม่น้อยเช่นกัน!!!

และโดยสภาพความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศที่เป็นไปในลักษณะเกรี้ยวๆ กราดๆ เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ นักคิด นักวิชาการ ในที่ประชุม “COP26” ท่านเลยฟันธง ฟันเฟิร์ม เอาไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณว่า ย่อมส่งผลให้ “ระบอบเศรษฐกิจ” ของบรรดาประเทศจนๆ หรือประเทศโลกที่สามทั้งหลาย ไม่น้อยกว่า 65 ประเทศ อาจถึงขั้นพังพินาศ ล่มสลายเอาง่ายๆ หรืออาจทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีประเทศลดลงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ภายในปี ค.ศ. 2050 หรืออีกแค่ไม่กี่ปีสิบปีข้างหน้าเท่านั้นเอง ไปจนถึงขั้นอาจไหลทะรูดลดลงไปถึง 64 เปอร์เซ็นต์ภายในปี ค.ศ. 2100 หรือภายในสิ้นศตวรรษนี้ ยิ่งถ้าว่ากันตามการคาดการณ์ ประมาณการของคุณ “Marina Andrijevic” แห่งมหาวิทยาลัย “Humboldt University” แห่งกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โอกาสที่จีดีพีของประเทศจนๆ ที่ 8 ใน 10 อยู่ในแอฟริกา และอีก 2 ใน 10 อยู่ในละตินอเมริกา อาจลดลงไปถึง 40-70 เปอร์เซ็นต์ หรือชนิดแทบไม่เหลือ “มะเขือ” ติดประเทศเอาเลยก็ไม่แน่ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ตราบใดที่อุณหภูมิอากาศโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นไปอีก 2.9 องศาเซลเซียส หรือ 5.2 ฟาเรนไฮต์...

ดังนั้น...ก็ถือเป็นเรื่องชอบแล้ว เหมาะแล้ว ที่บรรดาประเทศต่างๆ ประมาณ 105 ประเทศซึ่งเข้าร่วมการประชุมในคราวนี้ จะออกมา “ขานรับ” ออกมาแสดงความร่วมมือ-ร่วมใจ ในอันที่จะลดการปล่อยมลพิษขึ้นสู่บรรยากาศ กันในระดับที่เรียกๆ กันว่า “Net Zero” หรือทำให้การปลดปล่อยมลพิษเหลือประมาณ “ศูนย์” ภายในปี ค.ศ. 2050 หรืออีกภายในประมาณ 30 ปีข้างหน้าให้จงได้ โดยเฉพาะการลด-ละ-เลิก หรือการหยุดยั้งกระบวนการตัดไม้ ทำลายป่า ที่ยังคงอุบัติขึ้นมาในแต่ละประเทศอย่างสม่ำเสมอ...

แต่ก็อย่างว่านั่นแหละทั่นเอ๋ยย์ย์ย์...เพียงแค่ความร่วมมือ-ร่วมใจ ในเรื่องการระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 อันเป็นแค่ “ผลพวง” ในอีกรูปแบบหนึ่ง จากภาวะโลกร้อนเท่านั้นเอง ทุกวันนี้...ยังออกจะลำบากเอามากๆ ถึงขั้นส่งผลให้พลโลกต้องตายโหง ตายห่าไปแล้วไม่น้อยกว่า 5-6 ล้านคน ติดเชื้อไปแล้วถึง 20 เกือบ 30 ล้านคน อีกทั้งโดยลักษณะลีลาของการประชุม “COP26” ที่ต่างเต็มไปด้วยโวหาร วาทะ เต็มไปด้วยการเอาเก๋ เอาเท่ ซะเป็นหลัก โอกาสที่ความร่วมมือ-ร่วมใจ ในลักษณะดังกล่าวจะมี “ผลในเชิงปฏิบัติ” ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง หรือทำให้อุณหภูมิของโลกไม่ร้อนมากมายเกินไปกว่านี้ อาจเป็นได้แค่ “มายาภาพ” หรือเป็นแค่ “ความฝัน” ไปตามเรื่อง ตามราว ส่วนในแง่ “ความจริง” หรือใน “โลกแห่งความเป็นจริง” โอกาสที่เราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย จะต้องเผชิญกับความ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” ที่กำลังใกล้เข้ามาเยือนยิ่งเข้าไปทุกที ย่อมมีความเป็นไปได้มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ...นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น