xs
xsm
sm
md
lg

ยายวัย 87 ปีคว้าปริญญาโท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


วารัตถา ชานมูกานาธาน อายุ 87 ปีสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท  จากมหาวิทยาลัยยอร์ก ในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา
“ไม่มีใครแก่เกินไปที่จะเรียน” ไม่ว่าจะเป็นการเรียนเพื่อเอาวุฒิการศึกษาหรือว่าเรียนรู้เพื่ออยู่ในโลกจนวาระสุดท้าย ยิ่งยุคนี้กระแสของความรู้ วิชาการใหม่ๆ ทะลักล้นเข้ามาหาผ่านสื่อต่างๆ ทุกวัน ยิ่งเป็นการง่ายสำหรับการกอบโกยสิ่งใหม่ๆ เข้าสมอง

สตรีอายุ 87 ปี วัยคุณยาย มีหลาน 7 คน ผู้อพยพมาจากประเทศศรีลังกา เพิ่งประสบความสำเร็จในการศึกษาระดับปริญญาโท รับปริญญามาหมาดๆ จากมหาวิทยาลัยยอร์ก ในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา

นางวารัตถา ชานมูกานาธาน บอกว่าปริญญาโทใบนี้เหมือนเป็นการให้ชีวิตใหม่ ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจ นอกเหนือจากการใช้ชีวิตประจำวันเหมือนคนทั่วไป

ด้วยวัยนี้คุณยายยังมีความสุขกับการออกกำลังกายด้วยการเต้นรำ ร้องเพลง ไม่ได้นั่งซึมเซาหรือฆ่าเวลาไปแต่ละวันเหมือนผู้สูงอายุโดยทั่วไป

การเรียนระดับปริญญาโทครั้งนี้ไม่ใช่วิชาง่ายๆ เพราะจบรัฐศาสตร์ทำวิทยานิพนธ์ เรื่องความขัดแย้งและสงครามกลางเมืองในศรีลังกา

เป็นผู้มีอายุมากที่สุด และถือว่าเป็นการสร้างประวัติการณ์ของมหาวิทยาลัยยอร์กเลยทีเดียว ที่ได้รับปริญญาโท

แรงบันดาลใจสำคัญคือประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในศรีลังกาซึ่งมีปัญหาการเมือง กบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม สู้รบกับรัฐบาลหลายปี จนบรรลุสันติภาพหลังจากการสูญเสียชีวิตมากมายของทั้งสองฝ่าย

ด้วยความรู้สึกที่ไม่ยอมแพ้กับสังขาร คุณยายชานมูกานาธานใช้เวลายามว่างเล่นสแคร็บเบิล เต้นรำ ร้องเพลงกับบรรดาหลานๆ และเจียดเวลาเพื่อแสวงหาความสำเร็จให้กับความฝัน

ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน ก็เป็นวันเวลาของความสนุกน่าสนใจ ยายเป็นเหมือนคนทั่วไปที่ดำเนินชีวิตตามปกติ เมื่อย่างเข้าวันที่ 2 ของเดือน เมื่อเรียนจบปริญญาโท หลายอย่างได้เปลี่ยนไป” เธอบอกกับผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น

โฆษกของมหาวิทยาลัย นางกลอเรีย สุฮาสินี การเรียนครั้งนี้เน้นเรื่องสงครามกลางเมืองในศรีลังกา และความพยายามที่จะบรรลุสันติภาพ

“มันเป็นความฝันของฉันที่ต้องการศึกษาวิชารัฐศาสตร์ เพื่อให้ได้ปริญญาระดับสูงกว่าที่ฉันมี และฉันก็ดีใจที่ประสบความสำเร็จ” คุณยายบอก

เธอยังบอกอีกว่าเราควรจะมีเป้าหมายของชีวิต ดูว่าความฝันของแต่ละคนที่อยากให้เป็นจริงนั้นเป็นอะไร จนวาระสุดท้าย

คุณยายเกิดในศรีลังกา ในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อเวลาไนย ทุกวันเวลาเธอต้องการหาคำตอบและทางออกสำหรับสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 26 ปี

สงครามกลางเมืองจบสิ้นในเดือนพฤษภาคม 2009 เมื่อกองกำลังรัฐบาลสามารถจัดการกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมได้อย่างเด็ดขาด หลังจากตัวผู้นำเวลูพิไลย ประภาการัน เสียชีวิต ในความพยายามแบ่งแยกดินแดนทางตอนเหนือของเกาะ

สงครามได้ทำให้ประชากรเสียชีวิตเกือบ 2 ใน 3 ของผู้อาศัยในพื้นที่ตอนเหนือและตะวันออก มีการประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 หมื่นราย

“ในชีวิตและวิญญาณของฉัน มีแต่ความปรารถนาที่จะเห็นสันติภาพ ความยุติธรรม ความเสมอภาค และประชาธิปไตย” คุณยายอธิบาย “อยากจะบอกเล่าถึงเรื่องราวของประเทศของฉัน ให้แจ่มชัดสำหรับชนทุกรุ่นและเราควรแสวงหาสันติภาพ”

ปริญญาโทใบนี้ไม่ใช่ใบแรกของคุณยาย หลังจากได้รับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมัทราสในอินเดีย เธอได้กลับไปสอนวิชาประวัติศาสตร์อินเดียและภาษาอังกฤษในศรีลังกา บ้านเกิด

ในปี 1990 เธอได้ไปอังกฤษ สอนวิชาภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาที่ 2 สำหรับคนต่างชาติ และได้รับปริญญาโทด้านภาษาประยุกต์ จากมหาวิทยาลัยลอนดอน

เธออพยพไปอยู่แคนาดาในปี 2004 พร้อมลูกสาวซึ่งได้รับปริญญาโทจาก วิทยาลัยชุลลิค สอนเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจ ของมหาวิทยาลัยยอร์ก

และที่นี่เอง เธอได้พบว่ามหาวิทยาลัยยอร์กได้ให้ผู้สูงอายุเรียนฟรี ดังนั้นจึงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ความต้องการที่จะสานฝันให้เป็นความจริงทำให้เธอสมัครเรียนวิชารัฐศาสตร์ เริ่มต้นเรียนในปี 2019 แม้กระทั่งช่วงการระบาดของโควิด

เธอสำเร็จการศึกษาพร้อมกับนักศึกษาอีก 4 พันคนในวันที่ 2 พฤศจิกายน

ประธานมหาวิทยาลัย โรนด้า เรนตัน กล่าวว่า “คุณชานมูกานาธาน ได้เป็นตัวแทนของสิ่งที่ดีที่สุดที่มหาวิทยาลัยได้ยึดเป็นหลักการ นั่นคือโอกาสเข้าถึงการศึกษา ความยึดมั่นมุมานะในการแสวงหาอนาคตที่ดีกว่า”

ทั้งย้ำว่ากรณีนี้จะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้และการศึกษา และเป็นแบบอย่างที่มีพลังสำหรับสตรีทุกวัย


กำลังโหลดความคิดเห็น