การเมืองฟิลิปปินส์เปิดศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเพื่อสืบต่อจากจอมห้าว โรดริโก ดูเตอร์เต ในการเลือกตั้งปีหน้า เท่าที่เปิดตัวมามี 3 ตัวเก็ง แต่ไม่มีใครเป็นตัวเต็งชัดเจน แต่มีคะแนนสูสีใกล้เคียงกัน น่าจะเป็นการชิงชัยที่เชือดเฉือนกันอย่างน่าดู
นั่นเป็นเพราะลูกสาวสุดที่รักของดูเตอร์เต นางซารา ซึ่งยังเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวายังไม่ประกาศตัวลงสู้ศึกครั้งนี้ แต่ยังออกท่าทีว่าจะชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีอีก 1 สมัย แต่อาจเปลี่ยนใจภายหลัง เพราะยังมีเวลาอีก 1 เดือน
ที่ผ่านมา ซารา ถูกประเมินว่าเป็นเต็งหนึ่งในการทำโพลทุกครั้ง
ศึกครั้งนี้มีลูกชายผู้นำประเทศจอมเผด็จการ นักมวยชื่อดัง และอดีตนักแสดงชื่อดัง ซึ่งผันตัวเข้าสู่การเมือง ได้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองหลวง
ทั้ง 3 รายที่ประกาศตัวลงสมัครน่าจะสูสีกัน และมีความน่ากลัวต่างกัน รายแรกคือ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ลูกชายทายาทของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอส ซึ่งเป็นจอมเผด็จการและคอร์รัปชัน กุมอำนาจประเทศนานถึง 25 ปี
มาร์กอส จูเนียร์ อายุ 64 ปี หวังจะสืบทอดความเป็นนักการเมืองของตระกูล และมีโอกาสได้คะแนนไม่น้อยหน้าใคร แต่หลังจากเปิดเผยตัวแล้ว ได้สร้างความรู้สึกไม่ยอมรับจากประชาชนซึ่งรับรู้ความเป็นเผด็จการและทุจริตของครอบครัวมาร์กอส
มีการประเมินว่าตระกูลมาร์กอส ในยุคตัวพ่อเป็นผู้นำประเทศ ได้กอบโกยความมั่งคั่งไว้ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการติดตามคืนมาได้จากสถาบันการเงินในสวิตเซอร์แลนด์ได้เพียง 500 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ยังเหลืออีกเยอะ
ผู้เป็นแม่ นางอิเมลดา มาร์กอส ผู้เป็นคุณนายเบอร์ 1 ได้รับฉายาสุดฉาวว่าเป็นมาดาม 10 เปอร์เซ็นต์จากการรีดหัวคิวในโครงการต่างๆ มีรองเท้าสะสมกว่า 3 พันคู่ ก่อนรัฐบาลมาร์กอสล่มในปี 1986 หลังจากประชาชนลุกฮือขับไล่ทั่วประเทศ
มาร์กอสเผ่นหนีจากเมืองหลวงหลังจากถูกกดดันจากสหรัฐฯ ให้ออกจากตำแหน่งโดยไม่ต้องใช้กำลังทหารต่อสู้กับประชาชนเพื่อหวังอยู่ในอำนาจ ทั้งครอบครัวหนีไปลี้ภัยอยู่เกาะฮาวาย สหรัฐฯ และมาร์กอสเสียชีวิตที่นั่น
ภายหลังอิเมลดาพาครอบครัวกลับคืนสู่ฟิลิปปินส์ และให้ทายาทพยายามเปิดช่องทางเข้าสู่การเมือง แม้แต่อิเมลดาเอง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ การลงสมัครครั้งนี้ มาร์กอส จูเนียร์หวังว่าจะได้รับความนิยมจากระดับรากหญ้าตอนเหนือของประเทศ
จะได้ชัยชนะหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าคนฟิลิปปินส์ยังจำยุคมาร์กอสตัวพ่อได้หรือไม่
อีกรายคือแมนนี ปาเกียว นักค้ากำปั้นวัย 42 ปี ผู้เป็นเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก 8 รุ่น เป็นคนเดียวในโลก ขณะนี้ได้ประกาศแขวนนวม แต่ยังเป็นวุฒิสมาชิกอยู่ และมีเงินกว่า 2 พันล้านบาท นับว่าเป็นมหาเศรษฐีจากอดีตที่มาจากครอบครัวยากจน
ผลงานการเป็นวุฒิสมาชิกไม่โดดเด่น นักวิเคราะห์มองว่าเป็นการก้าวเร็วเกินไปสำหรับปาเกียว ซึ่งน่าจะหาประสบการณ์จากตำแหน่งรองประธานาธิบดีก่อน ให้กระดูกแข็งกว่านี้ สะสมบารมีให้มาก แม้ประชาชนจะรู้จักดีแล้วก็ตาม
แต่จากการเป็นนักมวยมีชื่อเสียง กับการจะเป็นผู้นำประเทศต่างกัน ดังนั้น ปาเกียวน่าจะหืดขึ้นคอ อย่างไรก็ตาม ปาเกียวประกาศว่าตัวเองเป็นนักสู้ จะสู้ทุกศึก
ปาเกียวยังไม่เปิดตัวว่าใครจะมาสมัครเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งมีการเลือกตั้งแยกกัน ยังมีเวลาที่จะเฟ้นหา เพราะต้องหาคนที่เต็มใจเป็นเบอร์ 2
ผู้สมัครอีกราย ฟรานซิสโก โดมาโกโซ หรือเป็นที่รู้จักในนามนักแสดงภาพยนตร์ อิสโก โมเรโน และเป็นอดีตนักแสดง ปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีมะนิลา เมืองหลวง มีประสบการณ์ทำงานด้านบริหารเมืองมาแล้ว มีวิลลี่ ออง สมัครเป็นรอง
โมเรโนเริ่มชีวิตการเมืองด้วยการเป็นสมาชิกสภาเมืองในปี 1998 จากนั้นลงสู้ชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีกรุงมะนิลาและชนะเลือกตั้งในปี 2007 และยังชนะอีกหนึ่งสมัยในการลงชิงปี 2019 นับว่ามีประสบการณ์ ชาวเมืองหลวงรู้จักดี
ความเป็นอดีตนักแสดงหนังก็เป็นตัวช่วย เพราะอดีตผู้นำประเทศรายหนึ่ง คือ โจเซฟ เอสตราดา ก็เป็นอดีตนักแสดงภาพยนตร์เช่นกัน ดังนั้น การเมืองฟิลิปปินส์ต้องอาศัยความดังด้านเป็นดารา หรือครอบครัวคนดัง นามสกุลดัง เป็นต้น
ทั้ง 3 ราย ยังต้องรอดูว่าซารา ดูเตอร์เต คาร์ปิโอ จะตัดสินใจลงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีข่าวโดยตลอด และได้เปรียบจากการเต็งหนึ่งในการทำโพลทุกครั้ง ส่วนดูเตอร์เต ผู้เป็นพ่อได้ตัดสินใจล้างมือจากวงการเมือง ในการประกาศเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้มีการคาดกันว่าดูเตอร์เตจะลงสมัครเป็นรองประธานาธิบดีของลูกสาวเพื่อรักษาเอกสิทธิ์ ปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกดำเนินคดีโดยศาลอาญาระหว่างประเทศโดยข้อหาว่าสั่งฆ่าประชาชนกว่า 6 พันรายในการทำสงครามกับยาเสพติด
หรือมีการคาดการณ์เช่นกันว่าดูเตอร์เตอาจลงสมัครเป็นรองฯ ของมาร์กอส จูเนียร์ เพราะดูเตอร์เตยังแสดงท่าทีสนับสนุนมาร์กอสผู้เป็นพ่อ แต่เมื่อประกาศล้างมือการเมืองแล้ว ก็ต้องดูว่าจะเปลี่ยนใจภายหลังหรือไม่
ดูเตอร์เตอ้างว่าไม่ขอลงสมัครตำแหน่งอะไรเพราะเคารพเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ห้ามดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเกิน 1 สมัย หรือ 6 ปี
นักวิเคราะห์มองว่าผู้ที่จะมาแทนดูเตอร์เต จะต้องรับช่วงความเสื่อมทรุดแทบทุกด้านในองค์กรต่างๆ ทั้งปัญหาการบริหาร การคอร์รัปชัน จะเป็นภารกิจที่หนักของผู้นำคนใหม่ เพราะความหวังว่าบ้านเมืองจะดีขึ้นได้ถูกทำลายในยุคของดูเตอร์เต