xs
xsm
sm
md
lg

‘ปาเกียว’ ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


แมนนี ปาเกียว
การเมืองฟิลิปปินส์น่าจะมันส์มากกว่ามวยดังคู่เอกในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปีหน้าเมื่อผู้ครองตำแหน่งปัจจุบัน จอมห้าวโรดริโก ดูเตอร์เต ขวัญใจประชาชนบางกลุ่ม หมดสิทธิ์ชิงเก้าอี้วาระที่ 3 เพราะรัฐธรรมนูญห้ามไว้

จะเก่งแค่ไหนหรือได้รับความนิยมมากเพียงใดก็เป็นผู้นำได้ไม่เกินสองสมัย เว้นแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เลือกอยู่ต่อเหมือนผู้นำบางประเทศเช่น จีน และรัสเซีย

ด้วยเหตุนี้นักค้ากำปั้นอดีตแชมป์โลกเจ้าของเข็มขัด 8 รุ่น “แมนนี ปาเกียว” ขอประกาศตัวเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี และเชื่อมั่นว่าอยู่ในขั้นที่จะชนะได้แม้ในชีวิตจริงเพิ่งจะแพ้การชกครั้งที่ผ่านมา แต่ก็โกยเงินไปได้มากสำหรับสู้ศึกเลือกตั้ง

ความพ่ายแพ้ให้แก่มวยรองซึ่งเป็นนักชกจากคิวบาสะท้อนให้เห็นว่าปาเกียวแก่เกินไปสำหรับจะต่อสู้บนสังเวียน และเจ้าตัวก็ประกาศว่ากำลังพิจารณาว่าจะแขวนนวมหรือไม่ เพราะถ้าขืนดันทุรังอยู่ต่อไปค่าตัวที่จะได้รับคงจะไม่มากอีกแล้ว

ปาเกียว อยู่ในวัย 42 ปีถือว่ายังหนุ่มพอที่จะเป็นนักการเมืองได้ เพราะปัจจุบันนี้ก็เป็นสมาชิกวุฒิสภาซึ่งตัวเองอาศัยชื่อเสียงจากการเป็นแชมป์มวยขวัญใจชาวตากาล็อกตลอดกาลนั่นเอง

การเป็นสมาชิกวุฒิสภาควบคู่กับอาชีพชกมวยซึ่งทำเงินได้อย่างมหาศาลถือว่าเป็นการปูทางเข้าสู่สนามการเมืองซึ่งในฟิลิปปินส์ก็มีการต่อสู้อย่างเข้มข้นดุเดือดเหมือนนักการเมืองต้องการเชือดเฉือนคู่แข่ง

นับว่าปาเกียว มีประสบการณ์ทางการเมืองพอสมควร และมีเครือข่ายในกลุ่มนักการเมือง ดังนั้นจึงอาศัยความนิยมและคนรู้จักทั่วประเทศหรือในวงการมวยทั่วโลกเป็นทางลัดเข้าสู่วงการเมือง ซึ่งนับว่าเป็นปกติสำหรับการเมืองของฟิลิปปินส์

ที่ผ่านมา อดีตดาราภาพยนตร์ก็ยังสามารถเป็นผู้นำประเทศได้ ดังนั้นปาเกียวถูกมองว่าเป็นผู้ฉกฉวยโอกาสได้เหมาะเพราะมีเงินสะสมจากการชกมวยมากเพียงพอที่จะปูทางไปสู่การรณรงค์ได้

จะว่าไปแล้วปาเกียวถือว่าได้เปรียบคู่แข่งหน้าใหม่รายอื่นเพราะไม่ต้องอาศัยชื่อเสียงในการหาเสียง เพียงแต่ประกาศนโยบายให้โดนใจคนฟิลิปปินส์ซึ่งตัวเองบอกว่าจะเน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจน และการทุจริตที่เป็นสภาวะเรื้อรังของประเทศ

แต่ว่าดูเตอร์เตยังไม่อยากลงจากหลังเสือ ดังนั้นกำลังผู้นำจอมห้าวยังพยายามอยู่ต่อในอำนาจด้วยการจะขอเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งอาจจะเป็นตัวจริงในการตัดสินใจและความนิยมที่ยังมีอยู่ในกลุ่มประชาชน

ฝ่ายตรงข้ามโจมตีดูเตอร์เตว่าต้องการยึดติดกับอำนาจ แต่ก็ตอบโต้ว่ามีแรงบันดาลใจในการทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป เพราะความรักประเทศ แต่เหตุผลแท้จริงนั้นเป็นเพราะการเป็นรองประธานาธิบดีนั้นยังมีกฎหมายและเอกสิทธิ์คุ้มครองเต็มที่

ถ้าพ้นจากอำนาจ ดูเตอร์เตมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะถูกดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ หลังจากได้ประกาศทำสงครามกับยาเสพติด มีคนถูกฆ่าหลายพันคน เป็นประเด็นฉาวโฉ่ระดับสากล แม้จะได้ผลในการปราบปรามการค้ายาเสพติด

แต่ก็ยังไม่แน่นอนว่าเอกสิทธิ์นั้นจะครอบคลุมหมายเรียกจากศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรดูเตอร์เตก็ไม่อยากเสี่ยง ไม่อยากลงจากหลังเสือ

ดูเตอร์เตประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับกลุ่มมุสลิมแบ่งแยกดินแดนหลายกลุ่มในหมู่เกาะตอนใต้ของประเทศ รวมทั้งกลุ่มอาชญากร เจ้าพ่อท้องถิ่น ซึ่งมักมีกองกำลังส่วนตัวในการอารักขา และตัวเองก็มาจากตำแหน่งผู้ว่าฯ ผู้ทรงอิทธิพลมากเช่นกัน

เดิมนั้น ดูเตอร์เตต้องการจะลงเป็นคู่ชิงพร้อมด้วย คริสโตเฟอร์ “บอง” โก ซึ่งเป็นพันธมิตรแนบแน่นด้วยกัน แต่คริสโตเฟอร์ยังสองจิตสองใจไม่อยากสืบต่ออำนาจจากดูเตอร์เต ดังนั้นกลุ่มผู้สนับสนุนจึงพยายามหาตัวแทน

นั่นก็คือ ซารา ดูเตอร์เต-คาร์ปิโอ ลูกสาวสุดที่รักของดูเตอร์เตนั่นเอง จะเป็นการสืบทอดอำนาจและเป็นทายาททางการเมืองของผู้เป็นพ่อและตัวดูเตอร์เตเอง ก็จะเป็นคู่ชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดี

ถ้าชนะการเลือกตั้งฟิลิปปินส์ก็จะมีผู้หญิงเป็นประธานาธิบดี โดยผู้เป็นบิดาเป็นรองประธานาธิบดีซึ่งน่าจะเป็นคู่แรกในโลกการเมือง แต่ก็เป็นไปได้สำหรับสังคมตากาล็อก ซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว รวมทั้งการลอบสังหารทางการเมือง

ถ้าเป็นแบบนี้ปาเกียวน่าจะเจอศึกหนักไม่น้อยเพราะเจอคู่พ่อกับลูกสาวเป็นสองแรงแข็งขัน แต่ปาเกียวประกาศอย่างมั่นใจในช่วงการตอบรับเป็นผู้ชิงตำแหน่งว่า “ ผมเป็นนักชกและก็จะเป็นนักสู้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ในหรือนอกสังเวียน”

ในโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนความนิยมของปาเกียวยังตามหลังซารา ซึ่งมีคะแนนนำโด่ง แต่ก็นั่นแหละเมื่อลงสนามสู้แล้วก็ต้องลุ้นให้ตลอดเพราะในสนามเลือกตั้งไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนการชกมวย และการเมืองสามารถแก้ตัวได้หลายครั้ง

จะแพ้หรือชนะ ถือว่าเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับปาเกียว


กำลังโหลดความคิดเห็น