รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร
นักวิชาการภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในวันนี้เมื่อ 20 ปีก่อน ช่วงหัวค่ำผมกำลังทานข้าวหน้าโทรทัศน์อยู่ในห้องที่หอพักของมหาวิทยาลัย ก็เห็นภาพเครื่องบินพุ่งชนตึก World Trade จำได้ว่ายกหูโทรศัพท์ไปบอกผู้ช่วยวิจัยว่าให้เปิดโทรทัศน์ไว้และติดตามดูสถานการณ์ให้ใกล้ชิด
สถานการณ์ที่ว่านี้ จริงๆ แล้วมีเค้าว่าจะเกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นหลายปี มีรายงานของฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ระบุว่าจะมีการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในอเมริกา และมีคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้นที่กำลังจะลงจากตำแหน่ง ให้หน่วยงานความมั่นคงเฝ้าระวังสถานการณ์ให้ดี แต่เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นจนได้ มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย และเกิดสงครามต่อต้านการก่อการร้าย สงครามกลางเมือง และเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาอีกมาก ซึ่งก็ทำให้การเมืองและความมั่นคงของโลกเปลี่ยนไป และส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ และต่อประเทศต่างๆ รวมทั้งต่อผู้คนจำนวนมากมาจนถึงทุกวันนี้อย่างที่ทุกท่านก็ทราบดี
ผมยังจำได้ว่าหลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 ไม่กี่วัน ได้ไปออกรายการโทรทัศน์ของคุณสุทธิชัย หยุ่น และอีกหลายรายการร่วมกับนักวิชาการคนอื่นๆ ซึ่งผมก็ให้ความเห็นว่าอีกไม่นานสหรัฐฯ ก็จะเข้าสู่สงครามกับอัฟกานิสถาน และจะเลยไปทำสงครามกับอิรัก ซึ่งก็จะพบกับความวุ่นวายต่างๆ อีกมาก และจะกระทบกับไทยหลายประการ รวมทั้งเราอาจจะถูกดึงเข้าไปช่วยสหรัฐฯ กับพันธมิตรของเขาที่อิรักด้วย ซึ่งก็จะมีความสูญเสียเกิดขึ้นกับทหารไทยได้
ในประเด็นหลังนี้ ผมยังจำได้ว่าได้ไปพูดเพิ่มเติมในรายการของคุณสำราญ รอดเพชรที่สถานีโทรทัศน์ iTV กับนายทหารและคณะที่ถือกันว่าเป็นนักคิดนักวางแผนที่เก่งของกองทัพในขณะนั้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับผม รวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่ตัดสินใจส่งทหารช่างของไทยไปช่วยซ่อมแซมบ้านเมืองในอิรัก ก็มีทีท่าไม่เห็นด้วยกับพวกเรานักวิชาการที่ค่อนข้างเป็นกังวลกับจุดยืนของประเทศไทยและทหารไทยในเรื่องนี้ (ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทหารไทยที่ไปปฏิบัติหน้าที่และเสียชีวิตในอิรักด้วยครับ)
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีบทเรียนต่างๆ เกิดขึ้นมากในด้านการต่างประเทศและความมั่นคง ทั้งในทางวิชาการและทางปฏิบัติ เหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่คิดไม่เชื่อว่าจะเกิด ก็เกิดขึ้น ความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องหลายประการของประเทศที่พัฒนาแล้วหรือที่ว่ากันว่าเจริญแล้ว ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็น ประเทศที่อ่อนแอหรือกำลังพัฒนาที่ตกอยู่ในวังวนของความขัดแย้งและการแทรกแซงที่คิดว่าจะดีขึ้น ก็ไม่ดีขึ้น และผู้คนจำนวนมาก ก็ยังที่ถูกผลกระทบจากสงคราม ความรุนแรงและความขัดแย้ง อย่างที่ไม่ควรจะเป็น
รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สหรัฐฯ ต้องถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน และการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายคนคิดว่าคงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่า 20 ปีที่ผ่านมา และคงจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งหรือมหาสงครามในอนาคตได้ยาก และมหาสงครามของมหาอำนาจที่ว่านี้ ก็คงจะปะทุขึ้นมาในทวีปเอเชียของเรา
แต่ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมานี้ เราก็ยังได้เห็นผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ หลายหลายรุ่น และหลากหลายวัย มีความหวังร่วมกันมากขึ้น ที่จะสร้างสังคมโลกให้มีสันติสุข และได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรง ผ่านช่องทางใหม่ๆ ด้วยวิธีการหรือเครื่องมือสมัยใหม่ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ หากความร่วมมือร่วมใจเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยดี ก็เชื่อกันว่าแนวโน้มอีก 20 ปีข้างหน้า จะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
Remembering 9/11
**จากเฟบุ๊ก Panitan Wattanayagorn