xs
xsm
sm
md
lg

เลียนแบบเฉย! ทรัมป์อยากขึ้นสังเวียนชกไบเดน เชื่อคว่ำคู่ปรับได้ไม่กี่วินาที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจากเอเอฟพี
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พ่ายแพ้ต่อโจ ไบเดน ในศึกเลือกตั้งปีที่แล้ว แต่ผู้นำคนที่ 45 ของสหรัฐฯ เชื่อมั่นว่าเขาจะเป็นฝ่ายคว่ำคู่ปรับทางการเมืองรายนี้บนสังเวียนผ้าใบ หากว่ามีโอกาสชกมวยประลองฝีมือกัน

เมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ย.) ทรัมป์ ต่อโทรศัพท์เข้าไปยังงานแถลงข่าวการประลองฝีมือระหว่างอีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวีเวต กับวิตอร์ เบลฟอร์ต อดีตแชมป์นักสู้ UFC รุ่นไลท์เฮฟวีเวต ในวันเสาร์นี้ (11ก.ย.) และพอถูกถามว่า "หากคุณต้องชกกับใครบางคนในคืนวันเสาร์ ใครกันที่คุณอยากให้เป็น และการต่อสู้จะออกมาแบบไหน?"

ทรัมป์ ตอบกลับว่า "ถ้าผมต้องเลือกใครสักคนบนโลก คงไม่ใช่นักมวยอาชีพ ผมขอผ่านนักมวยอาชีพ เพราะมันอาจเป็นเรื่องที่อันตรายมาก" ทรัมป์ตอบ "แต่หากผมจำเป็นต้องชกกับใครบางคน ผมคิดว่าบางทีคู่ต่อสู้ที่ง่ายที่สุดของผมน่าจะเป็น โจ ไบเดน เพราะผมคิดว่าเขาจะร่วงลงไปเร็วมาก เร็วมากๆ"

"รู้หรือเปล่า ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดว่าเขาอยากพาผมไปเจอกันที่หลังบาร์" ทรัมป์ อ้างถึงคำพูดของไบเดน ครั้งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี 2016 ซึ่งเคยบอกอยากพาทรัมป์ไปเจอกันหลังโรงยิม "เขาจะเจอปัญหาใหญ่หรือไม่หากเขาทำแบบนั้นจริง คำตอบคือไม่ เพราะว่าไบเดนจะร่วงลงไปกองตั้งแต่วินาทีแรกๆ"

คำพูดทิ่มแทงประธานาธิบดีไบเดน ของทรัมป์ เรียกร้องหัวเราะและปรบมือจากบรรดานักสู้และคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมแถลงข่าว

แฟนมวยในสหรัฐฯ รวมถึงทั่วโลก งกำลังตื่นเต้นกับการชกมวยไฟต์พิเศษในศึก “ทริลเลอร์ ไฟต์ คลับ” ที่เซมิโนล ฮาร์ดร็อก โฮเทล แอนด์ คาซิโน รัฐฟลอริดา ในช่วงสุดสัปดาห์นี้

นอกเหนือจากการเผชิญหน้ากันระหว่าง อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ กับวิตอร์ เบลฟอร์ต แล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์ของไฟต์นี้ นั่นคือ การประเดิมทำหน้าที่นักพากย์และคอมเมนเตเตอร์ครั้งแรกของ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะทำหน้าที่เคียงข้างกับ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายวัย 43 ปี โดยมี จิม แลมป์ลีย์ ผู้ประกาศชื่อดังของช่อง HBO และอดีตแชมป์โลกอย่างชอว์น พอร์เตอร์ คอยทำหน้าที่ผู้บรรยายหลักของการแข่งขัน

ทรัมป์เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (9 ก.ย.) ว่าการขึ้นสังเวียนของโฮลีฟิลด์ เพื่อนที่คบกันมานาน คือหนึ่งในหลายเหตุผลที่เขายอมตกลงเข้าร่วมเป็นผู้บรรยายการแข่งขันในครั้งนี้

(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์)


กำลังโหลดความคิดเห็น