โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ มอง crypto เป็น "ภัยพิบัติที่รอวันระเบิด" เพราะว่า Cryptocurrencies นั้นอาจจะเป็นของปลอม ไม่มีใครรู้ว่ามันจับต้องได้มั้ย มูลค่าที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือเปล่า และเป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้มากนักและเข้าถึงได้ยาก
จากการเปิดเผยของ cointelegraph ระบุถึงถ้อยแถลงในการให้สัมภาษณ์กับ Fox Business เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 ว่า ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับมุมมองของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ของตลาดวอลล์สตรีท และความคืบหน้าของฝ่ายบริหารในปัจจุบัน ตอลดจนถึงศักยภาพของ Bitcoin หรือ BTC และตลาดสกุลเงินดิจิทัล
ซึ่งในประเด็นการให้สัมภาษณ์ โดย "โดนัลด์ ทรัมป์" ตอบคำถามว่า “ฉันชอบสกุลเงินของสหรัฐอเมริกา แต่ฉันคิดว่าประเทศอื่นๆ อาจเป็นหายนะที่รออยู่” ขณะเดียวกันเขาเน้นย้ำว่า “สินทรัพย์ประเภท Cryptocurrencies นั้นอาจจะเป็นของปลอม เพราะไม่มีใครรู้ว่ามันจับต้องได้มั้ย มูลค่าที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือเปล่า และเป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้มากนักและเข้าถึงได้ยาก"
นอกจากนี้ เขายังพูดถึงการปกป้องอำนาจอธิปไตยของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอันดับแรก แทนที่จะพัฒนาระบบการเงินที่ชะงักงัน และเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่ล้นหลามจากเทคโนโลยีคริปโตและบล็อคเชน
อย่างไรก็ดีแม้จะมีความคิดเห็นที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ราคาคริปโตก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการให้สัมภาษณ์ของเขา โดย Bitcoin ปรับตัวลดลงเพียง 1.17% ในวันที่ให้สัมภาษณ์นี้ ขณะที่ Ether (ETH) กลับเพิ่มขึ้นกว่า 6.30% และสินทรัพย์อันดับ 3 ได้แก่ ADA token ของ Cardano ปรับตัวลดลง 1.1%
ขณะที่ในทางตรงกันข้ามนาย Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ได้ใช้จุดยืนที่ดูเหมือนจะเอื้ออำนวยมากกว่าในด้านคริปโตเคอเรนซี แต่เขายังคงระมัดระวังถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งในตลาดการเงิน และตลาดการค้า โดยเมื่อต้นปีนี้ ประธานาธิบดีไบเดนได้แต่งตั้งแกรี เกนส์เลอร์ อดีตประธานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า เป็นหัวหน้าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ ซึ่งจนถึงตอนนี้ Gensler ได้ใช้แนวทางการกำกับดูแลที่เข้มงวดซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างสมดุลระหว่างการช่วยเหลือด้านนวัตกรรมและการปกป้องผลประโยชน์ของผู้เข้าร่วมตลาด
ทั้งนี้เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ Gensler แสดงความเชื่อว่าตลาดต้องการ “หน่วยงานเพิ่มเติมเพื่อป้องกันธุรกรรม ผลิตภัณฑ์ และแพลตฟอร์มจากการตกหล่นระหว่างช่องโหว่ด้านกฎระเบียบ” รวมถึง “ทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อปกป้องนักลงทุนในภาคส่วนที่มีการเติบโตและผันผวนนี้”