ดร. ศุภณัฐ อภิญญาณ
รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยเป็นผลสำเร็จของการสร้างประชาธิปไตย การเขียนรัฐธรรมนูญโดยปราศจากเงื่อนไขของความสำเร็จในการสร้างประชาธิปไตย จึงล้วนแล้วแต่เป็นเผด็จการทั้งสิ้น
นอกจากเงื่อนไขของการสร้างประชาธิปไตยที่เป็นผลสำเร็จ การเขียนรัฐธรรมนูญประชาธิปไตยต้องอาศัยหลักการที่ถูกต้องของระบอบการปกครอง ซึ่งสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของชาติและความต้องการของปวงชน ไม่ใช่สิ่งที่ใครที่ไหนจะสามารถเขียนจากการคิดเอาเองขึ้นมาได้
แต่ประเทศไทยของเราไม่เคยมีประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น เพราะคณะราษฎรไม่ได้สร้างประชาธิปไตย ไม่ได้ทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน หากแต่สร้างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อรักษาอำนาจของคนส่วนน้อย เป็นจุดเริ่มต้นของลัทธิรัฐธรรมนูญหลอกลวงประชาชน ซึ่งได้กลายเป็นระบอบเผด็จการครอบงำประเทศไทยมาอย่างยาวนานเกือบ 90 ปี
"ปิยบุตร แสงกนกกุล" เคยพูดเองว่ารัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน แต่สุดท้ายปิยบุตรก็กระสันต์ที่จะเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาด้วยตัวเองคนเดียว แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักลัทธิรัฐธรรมนูญหลอกลวงประชาชนตามรอยคณะราษฎร ซึ่งเป็นเผด็จการตัวจริงที่อาศัยรัฐธรรมนูญในการแสวงหาอำนาจ และคอยขัดขวางการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงมาโดยตลอด
ต่อไปนี้ จะเป็นการชำแหละร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หรือ "ร่างรัฐธรรมนูญฉบับกบฏใต้กระโปรง" ซึ่ง "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ได้ใช้ความเป็นเผด็จการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจากเดิมในสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดพระราชสถานะประมุขของรัฐ ศูนย์รวมจิตใจ และความเป็นกลางทางการเมือง
ชำแหละ: ทรงเป็นกลางทางการเมืองอยู่แล้ว มีแต่พวกกบฏที่คอยแต่บิดเบือนให้ร้ายด้วยวิธีการสกปรก ใช้การปั่นกระแสบิดเบือนในโซเชียลมีเดีย ยัดเยียดความเข้าใจผิด ๆ ความเกลียดชัง ตลอดจนความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หวังชี้นำไปสู่ภาวะอนาธิปไตย เพื่อก่อกบฏล้มล้างการปกครองในแนวทางรุนแรง
2. กำหนดพระราชอำนาจ ขอบเขตของเอกสิทธิ์และความคุ้มกันพระมหากษัตริย์ในการไม่ต้องรับผิด ไม่ต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในการกระทำใดบ้าง โดยเขียนในภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา ไม่ต้องตีความว่าอำนาจเป็นของพระมหากษัตริย์หรือของคณะรัฐมนตรี ไม่ต้องถกเถียงกันว่าพระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจในทางการเมืองหรือการบริหารราชการแผ่นดินโดยแท้หรือไม่ แต่เขียนชัดเจนเลยว่า พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจในเรื่องต่าง ๆ โดยต้องทำตามความเห็นชอบของรัฐมนตรีหรือสภาผู้แทนราษฎร แล้วแต่กรณี โดยนำแบบอย่างมาจากรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น
ชำแหละ: ปิยบุตรเลือกญี่ปุ่น แทนที่จะเลือกสหราชอาณาจักรที่เป็นประเทศต้นแบบของการปกครอง Constitutional Monarchy หรือ นอร์เวย์ที่เป็นประเทศประชาธิปไตยอันดับ 1 ของโลก เพราะปิยบุตรมีความคิดกบฏ อยากให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงการเขียนรัฐธรรมนูญของไทย ดังที่เคยเกิดขึ้นกับญี่ปุ่นเมื่อครั้งพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เงื่อนไขของการพ่ายแพ้สงครามโลกจึงทำให้สหรัฐอเมริกาสามารถแทรกแซงการเขียนรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ แต่ปิยบุตรกลับทำตัวไม่ต่างจากกบฏ จับมือกับไอลอว์ที่รับเงินต่างชาติ แล้วคอยแทรกแซงการเขียนรัฐธรรมนูญของไทย
3. เปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ ให้เป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์
ชำแหละ: กฎมณเฑียรบาลเป็นกฎเกณฑ์ภายในราชวงศ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินในระบบรัฐสภา จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานะเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ นอกเสียจากปิยบุตรจะตั้งตนเป็นกบฏ ต้องการเข้าไปแก้ไขกฎเกณฑ์ภายในราชวงศ์ เพื่อเปิดช่องไปสู่การบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่ปิยบุตรต้องการมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม แต่พอเป็นเรื่องของปิยบุตรเอง เพียงแค่คนอื่นตั้งข้อสงสัยเล็ก ๆน้อย ๆ ปิยบุตรกลับเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทันที “พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกับกูนักหนา แค่กูเดินทางมาฝรั่งเศส มาเจอเมีย แค่เนี้ย”
4. ยกเลิกองคมนตรี
ชำแหละ: วิวัฒนาการขององคมนตรีในแต่ละประเทศแตกต่างกัน มีทั้ง แบบที่หายไปเลย แบบที่เกิดขึ้นเฉพาะกิจ แบบที่กลายเป็น Council of State หรือ แบบที่มีการเปลี่ยนแปลงไปทั้งในด้านบทบาทและอำนาจหน้าที่ โดยทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้หลังการสร้างประชาธิปไตยสำเร็จแล้วเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายวิวัฒนาการขององคมนตรีในประเทศไทยอาจจะต่างจากประเทศอื่นทั้งหมดก็เป็นได้ ส่วนการบังคับให้ยกเลิกแบบมั่ว ๆ ตามอำเภอใจเป็นวิธีคิดแบบเผด็จการของปิยบุตร ที่คิดไม่ซื่อต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด
5. เปลี่ยนแปลงกระบวนการเข้าสู่ตำแหน่งพระมหากษัตริย์ โดยย้อนกลับไปใช้แบบเดียวกันกับกระบวนการก่อนรัฐธรรมนูญ 2534 กล่าวคือ การเสนอพระนามองค์รัชทายาทหรือองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ
ชำแหละ: การแต่งตั้งองค์รัชทายาทในภาวะปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร หลาย ๆ ประเทศในระบอบการปกครองแบบเดียวกันก็ไม่ได้มีกระบวนการดังกล่าว เพราะทุกอย่างเป็นไปตามลำดับของการสืบราชสันตติวงศ์อยู่แล้ว สิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นกบฏที่ต้องการจะแทรกแซงเรื่องภายในราชวงศ์ อันจะลุกลามเข้าไปครอบงำและบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ของปิยบุตร
6. กำหนดให้พระมหากษัตริย์และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ต้องปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่
ชำแหละ: พระปฐมบรมราชโองการ คือ การปฏิญาณตนก่อนขึ้นครองราชย์อยู่แล้ว แถมยังปฏิญาณตนต่อประชาชนชาวไทยทั้งประเทศโดยตรงอีกต่างหาก
7. กำหนดกรณีที่พระมหากษัตริย์ต้องแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเปลี่ยนแปลงกระบวนการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสียใหม่ ให้สภาผู้แทนราษฎรเข้ามามีอำนาจพิจารณาให้ความเห็นชอบเหมือนรัฐธรรมนูญ 2475 และ 2489
ชำแหละ: ไม่มีความจำเป็นอีกเช่นกัน ยกตัวอย่าง ม.41 ในรัฐธรรมนูญของนอร์เวย์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยอันดับ 1 ของโลก หากพระมหากษัตริย์ทรงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ลำดับถัดไปในสายของการสืบราชสันตติวงศ์ ขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ชั่วคราว และในประเทศอื่น ๆ โดยส่วนมาก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องได้ความรับเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเช่นเดียวกัน
8. กำหนดระบบเงินรายปีแก่พระมหากษัตริย์ โดยให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการกำหนดวงเงินและอนุมัติ และให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบการใช้จ่ายเงินรายปีและรายงานให้สภาผู้แทนราษฎรทราบ
ชำแหละ: ทุกวันนี้ส่วนราชการในพระองค์ไม่ได้ถืองบประมาณเอง หากแต่เบิกจ่ายผ่านระบบของกรมบัญชีกลางอย่างโปร่งใส ส่วนถ้าปิยบุตรคิดจะล้วงลูกตรวจสอบไปถึงเรื่องส่วนพระองค์ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะแม้แต่ควีนอลิซาเบธก็ยังได้รับการปกป้องทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิความเป็นส่วนตัว รวมถึงเรื่องการเงินที่เป็นส่วนตัวอีกด้วย ปิยบุตรรู้จัก FOI exemptions ไหม? หรือแม้แต่งบความปลอดภัยของควีนอลิซาเบธก็ยังถือเป็นงบลับ ปิยบุตรเคยรู้บ้างไหมเนี่ย?
9. ยกเลิกการลงพระปรมาภิไธยในพระบรมราชโองการแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน ตําแหน่งปลัดกระทรวง อธิบดี และเทียบเท่า ให้คงไว้เพียงการลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตยและอำนาจตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น อันได้แก่ รัฐมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้พิพากษาศาลยุติธรรม ตุลาการศาลปกครอง และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
ชำแหละ: ตลกมากนะปิยบุตร เพราะแม้แต่ ม.21 ในรัฐธรรมนูญของนอร์เวย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยอันดับ 1 ของโลก พระมหากษัตริย์ของเขาก็ทรงลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งข้าราชการอาวุโสทั้งในฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน อีกทั้งในหลาย ๆ ประเทศที่ปกครองในระบอบนี้ก็ถือปฏิบัติเช่นเดียวกัน กบฏอย่างปิยบุตรคงไม่ถูกใจสิ่งนี้
10. ยกเลิกพระราชอำนาจในการยับยั้งการลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้กฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบจากสภา
ชำแหละ: ปัจจุบันพระมหากษัตริย์ก็ทรงไม่สามารถยับยั้งการออกกฎหมายได้อยู่แล้ว เพียงแค่ส่งกลับมาให้มีการพิจารณาตรวจสอบแก้ไขเท่านั้น แล้วภายหลังการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายครั้งที่ 2 สุดท้ายไม่ว่าจะมีการลงพระปรมาภิไธยภายใน 30 วัน หรือไม่ก็ตาม กฎหมายฉบับนั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ เสมือนหนึ่งว่าพระมหากษัตริย์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ปิยบุตรอ่าน ม.146 แตกฉานหรือเปล่า?
พฤติกรรมของ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนแต่ส่อให้เห็นถึงความเป็นกบฏทั้งสิ้น มีเจตนาในการบิดเบือนให้ร้าย หวังแทรกแซงและบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ผูกพันกับรูปแบบของรัฐ ตามมาตรา 1 ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้"
ดังนั้น การบิดเบือนให้ร้าย บ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล #กบฏใต้กระโปรง จึงเป็นการก่อกบฏเพื่อล้มล้างรูปแบบของรัฐที่เป็นราชอาณาจักร ขัดต่อมาตรา 1 ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ผิดที่ระบอบต่างหากที่ยังไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ทันทีที่สามารถสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสันติได้สำเร็จ และมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นตามลำดับ พระมหากษัตริย์ไทยจะทรงมีพระราชฐานะ "จอมราชพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" โดยอัตโนมัติ
11 สิงหาคม พ.ศ. 2564
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ