ขณะนี้เป็นช่วงที่ประเทศเผชิญสารพัดวิกฤตอย่างรุนแรง ทั้งการเมืองที่เน่าเฟะไร้จิตสำนึก เศรษฐกิจที่เสื่อมทรุดเป็นอันดับโหล่ในกลุ่มอาเซียน สังคมที่แตกแยก ข้อขัดแย้ง ต้องเผชิญหน้าบนท้องถนน จริยธรรม คุณธรรม ระบบนิติรัฐ นิติธรรมตกต่ำ
สภาพโดยรวม เหมือนกับว่าประเทศไทยเป็น “รัฐล้มเหลว” โดยพฤตินัย!
เมื่อบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ ผู้นำประเทศอยู่ที่ไหน? มีข่าวมานานแล้วว่าท่านผู้นำอยู่ในระบบ “เวิรค์ ฟอร์ม โฮม” หรือทำงานอยู่ที่บ้าน ขณะที่มีการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อรายวันกว่า 2 หมื่นราย เสียชีวิตบางวันกว่า 200 ราย น่าสยดสยอง
ป่านนี้ เราคงอยู่ในตำแหน่ง 36 ของโลก มีผู้ติดเชื้อใกล้ถึง 8 แสนราย นับว่าเรามาไกลมากนับตั้งแต่การระบาดรอบใหม่เริ่มจากช่วงสงกรานต์ที่ท่านผู้นำลำพองต้องการเอาใจประชาชน หิวคะแนนความนิยม ปล่อยให้เดินทางไปทั่วประเทศ พร้อมเชื้ออัลฟ่า
ท่านผู้นำประกาศด้วยเสียงอหังการ “อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด” จากนั้นตามมาด้วยการระบาดอย่างหนัก ซ้ำเติมด้วยการปิดโครงการก่อสร้าง เปิดทางให้คนงานกลับไปต่างจังหวัด สร้างวิกฤตระลอกใหม่หลังจากสงกรานต์ เป็นการระบาดของเชื้อเดลตา
ด้วยนโยบายลมพัดลมเพ ลองผิดลองถูก คณะ 3 ลุงได้นำประเทศมาอยู่ในสภาวะอนาถ ผู้ป่วยล้นเตียง คนไร้ที่พึ่ง ขาดสถานที่รักษา ยาจำเป็น คนทั่วไปขาดรายได้ ผู้ประกอบการเสี่ยงอยู่กับการล้มละลายเป็นรายวันเพราะนโยบายที่ผิดพลาดซ้ำซาก
ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบ แสดงความเสียใจ ขอโทษประชาชนอย่างจริงใจ!
ท่ามกลางวิกฤตอย่างนี้ ท่านผู้นำจอมห้าวเป้งอหังการ เลือกที่จะทำงานอยู่ที่บ้าน ชักชวนให้คณะรัฐมนตรีทำอย่างเดียวกัน ทั้งๆ ที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม พร้อมกว่าเพื่อนร่วมแผ่นดิน แม้กระนั้นก็ยังเลือกที่จะเก็บตัวอยู่ในที่พักอาศัยต่อเนื่อง
ไม่มีใครประเมินว่าประสิทธิภาพในการทำงานที่บ้านของผู้นำ และคณะรัฐมนตรีมีมากน้อยเพียงใด ในสายตาประชาชน ขณะนี้เหมือนไม่มีรัฐบาล ไม่มีผู้นำ เป็นสภาวะที่ไม่มีผู้นำประเทศไทยก็อยู่ได้ ช่างขัดแย้งกับคำอ้างว่าจะไม่ทิ้งประชาชน ไม่ท้อ ขอสู้ต่อไป
อยู่แบบไร้จิตสำนึกความรับผิดชอบสำหรับความเสียหายอย่างมาก แต่ละวันไม่มีทางออกสำหรับประเทศ ไม่มีทางเลือกสำหรับประชาชน เพราะผู้นำประเทศไม่ยอมเปิดทางให้ผู้มีความรู้ความสามารถเหนือกว่าเข้ามาแก้ไขปัญหา ต่อสู้วิกฤตประเทศ
มีคณะรัฐบาลก็เหมือนไม่มี เมื่อเป็นอย่างนี้บ้านเมืองก็ยังอยู่ได้ ดังนั้นไม่จำเป็นที่ต้องมีรัฐบาลคณะนี้ก็ได้ ทุกวันนี้ไม่กล้าแม้จะออกมาส่งเสียงสื่อสารกับประชาชน ให้งานโฆษกรัฐบาลเป็นตัวแทน คล้ายกับว่าไม่ต้องการให้ท่าทีคือคำพูดของตัวเองเป็นปัญหา
ความเป็นจริงก็คือ เป็นรัฐบาลที่ไร้ประสิทธาภาพ ไร้ความสามารถ เป็นตัววิกฤตของบ้านเมือง ทั้งยังเสพติดอำนาจ ทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลวในการแก้ปัญหา
ท่านผู้นำถูกมองว่ากำลังใช้วิธี “กบดาน” นิ่งอยู่ที่บ้าน เลี่ยงการสร้างความขัดแย้ง ยื้ออยู่ต่อไป ให้เวลาเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาของบ้านเมือง ทั้งๆ ที่เป็นไปไม่ได้ แสดงออกให้เห็นความเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ขาดความกล้าหาญในการเผชิญปัญหา หนีหน้าประชาชน
ศูนย์บริหารโควิดเป็นองค์กรที่ไร้ความหมาย ขาดความน่าเชื่อถือ แพทย์แบ่งกลุ่มเป็นแพทย์การเมือง แพทย์พาณิชย์ แพทย์ภาคสนาม และแพทย์ชนบท มีการงัดข้อ ปีนเกลียว ผู้นำไม่ใช่แพทย์ เป็นนายทหาร ขาดความรู้ ประสบการณ์ในการสู้กับโรคระบาด
คงเป็นผู้นำประเทศคนเดียวในโลกที่อยู่กับบ้าน ขณะที่คนทั้งแผ่นดินเผชิญกับวิกฤต ไม่มีผู้นำประเทศใดเลือกที่จะกบดาน เก็บตัวเงียบเพื่อเลี่ยงความเกี่ยวข้องกับปัญหา ปล่อยให้สมุนบริวารออกมาสร้างภาพแทนตัวเองว่ายังอยู่ และห่วงใยชาวบ้าน
มีปัญหาเรื่องความกล้าหาญตลอด ไม่กล้าตอบคำถามประชาชน ไม่กล้าเผชิญคำถามจากสื่อแบบมืออาชีพ แต่เลือกที่จะกบดาน ใช้ท่าทีลีลาเพื่อยื้ออยู่ต่อ นี่เป็นการผิดหลักการบริหารบ้านเมือง ถ้าเป็นแม่ทัพคงเป็นประเภทอยู่แนวหลัง ให้ลูกน้องไปสู้แทน
เป็นผู้นำที่ไร้คุณค่าสำหรับการอยู่เพื่อแก้ไขวิกฤตของบ้านเมือง เป็นต้นตอของปัญหาและความขัดแย้ง แสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่ามีประชาชนทั่วประเทศออกมาขับไล่ไสส่งมานานหลายเดือน เพราะความล้มเหลวซ้ำซาก นำพาประเทศเข้าสู่วิกฤตร้ายแรงทุกวัน
แต่ละวันมีแต่ข่าวร้าย เศรษฐกิจไร้ทิศทางออก หนี้ครัวเรือนสูง 90.5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ซึ่งอัตราการขยายตัวจะติดลบในปีนี้ หนี้สินประเทศพอกพูน พร้อมจะยกระดับเพดานเงินกู้ให้สูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ไม่มีสัญญาณว่าอะไรจะดีขึ้นเมื่อหนี้เพิ่ม
ช่วง 7 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากอ้างผลงานของการปรับปรุงคลองไม่กี่แห่ง ทั้งๆ ที่เป็นผลงานขององค์กรส่วนท้องถิ่น ความหิวผลงานได้ทำให้บรรดาสมุนรับใช้ตีขลุม รับสมอ้างว่าเป็นผลงานของรัฐบาล ส่วนโครงการอื่นๆ เป็นงานสานต่อจากรัฐบาลก่อน
ซ้ำร้าย ท่านผู้นำอยู่ไปแต่ละวันท่ามกลางเสียงเหยียดหยามหมิ่นแคลนฝีมือของ 2 พี่น้องอดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถตอบโต้ได้ถนัดปาก
หมดสภาพการเป็นผู้นำ และเป็นอย่างนี้นานแล้ว ข้อพิสูจน์เห็นชัดคือแม้กระทั่งคนในวงการบันเทิงก็แสดงอย่างชัดเจนว่าไม่ยอมรับท่านห้าวเป้งอหังการในอำนาจ วันเสาร์ที่ผ่านมา ม็อบออกมาขับไล่ ท่านผู้นำก็เลือกที่จะกบดานเงียบในค่ายทหาร
ช่างเป็นการแสดงออกให้เห็นความองอาจกล้าหาญเสียนี่กระไร! มีผู้นำอย่างนี้นี่เอง ในสมัยโบราณจึงต้องมีทหารเลวฝ่ายตรงข้ามออกมาร้องด่าหน้าค่าย ท้าทายให้ออกไปสู้รบอย่างผู้กล้า ช่างเป็นผู้นำที่โชคดีที่ตำรวจและทหารปกป้องฐานอำนาจให้
จะอยู่ต่อเพื่ออะไร เมื่อสิ้นท่าสิ้นปัญญา หรือจะอยู่ก่อกรรมให้แผ่นดินจนหายนะ?