“แรมโบ้” จวก “พิธา” หยุดพฤติกรรมมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ หยุดพล่ามทำลายกำลังใจคนทำงานได้แล้ว อย่าให้ประชาชนเอือมระอาไปมากกว่านี้ ชี้ ที่เสนอมาเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว มั่นใจล็อกดาวน์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแน่
วันนี้ (5 ส.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่แสดงความเห็นต่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้เคยชี้แจงไว้ว่า ไม่ได้คัดค้านการล็อกดาวน์ แต่การล็อกดาวน์ต้องไม่สูญเปล่า ต้องเจ็บแล้วจบ แต่การล็อกดาวน์ครั้งนี้กำลังสูญเปล่า ประชาชนเจ็บแต่ไม่จบ เจ็บแล้วเจ็บเล่า รัฐบาลอยู่ในสภาวะไร้ประสิทธิภาพเกินกว่าที่จะช่วยเหลืออะไรได้ โดย นายเสกสกล ระบุว่า นายพิธา อย่าก้มหน้าก้มตาวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ และรัฐบาลโดยไม่ยอมเงยหน้ารับฟังอะไร ไม่รู้เลยหรือว่าสิ่งที่นายพิธา พูดมานั้น รัฐบาลเขาทำอยู่แล้วทั้งนั้น รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์รอบล่าสุดนี้ เพราะเห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงสูงอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งนอกจากการที่ประชาชนยังคงมีการเคลื่อนย้ายแล้ว ก็มาจากการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปตรวจหาเชื้อโควิดในเชิงรุก เพื่อที่จะแยกคนที่ติดเชื้อออกมา ซึ่งอาจจะเป็นการให้ทำ home isolation มีหมอ มีพยาบาลคอยดูแล ติดตามอาการตลอด หรือส่ง รพ.สนาม หรือส่งโรงพยาบาลหลัก ซึ่งขั้นตอนเขามีอยู่ และมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนหรือ บุคคลทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มศิลปินก็มาช่วยดำเนินการกันจำนวนมาก โดยที่ไม่เคยเห็นเงานายพิธา หรือกลุ่มพรรคพวกนายพิธา มาช่วยเหลือดูแลเหมือนอย่างที่เขาทำกัน มีแต่ออกมาพูดกระแหนะกระแหน เหน็บแนม เข้าตำรามือไม่พายเอาเท้าราน้ำนั่นเอง
และการประกาศล็อกดาวน์ในรอบล่าสุดนี้ก็เพิ่งผ่านมา 2 วัน แต่ นายพิธา ก็รีบออกมาพูดทำลายกำลังใจรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่กำลังเร่งทำงานกันอย่างหนักซะแล้ว
เด็กนักเรียนนอกอย่างนายพิธา ตนเชื่อว่า ก็คงได้รับรู้ถึงสถานการณ์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกดีว่าสถานการณ์โควิดของเขาเป็นอย่างไร หนักหนาสาหัสแค่ไหน หลายประเทศก็ประกาศล็อกดาวน์กันไม่รู้กี่รอบแล้วด้วยกันทั้งนั้น นายพิธาจ้องแต่จะหาช่อง หาทางที่จะล้มนายกฯ ล้มรัฐบาลให้ได้เพื่อที่ตัวเองเผื่อจะโชคดี เผื่อจะมีโอกาสได้เข้ามาเป็นรัฐบาลบ้าง โดยไม่คิดถึงผลเสียหายที่มันจะเกิดขึ้นเลย ดูแล้วเหมือนกับว่า นายพิธา และสมัครพรรคพวกจะไม่ต้องการให้เชื้อโควิด มันหายไปจากประเทศไทยอย่างนั้นแหล่ะ ไม่ว่านายกฯ และรัฐบาลจะทำอะไรก็เป็นต้องออกมาสกัดหรือคัดค้านตลอด ก็ขนาดกรรมาธิการงบประมาณจากพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นฝ่ายค้าน เขาเห็นความสำคัญของเชื้อโควิด ก็ยังร่วมใจกันเทงบประมาณ 1.6 หมื่นกว่าล้านเข้างบกลางเพื่อให้รัฐบาลนำไปแก้ปัญหาโควิด แต่นายพิธาก็ยังออกมาเป็นเดือดเป็นแค้นพรรคเพื่อไทย ตนว่าถ้านายพิธาจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านดีขนาดนี้ ก็ขออวยพรให้ทำหน้าที่นี้ตลอดไปยาวๆ เลย
ตนมั่นใจว่า การประกาศล็อกดาวน์ครั้งนี้เจ็บแล้วจบ ไม่สูญเปล่าแน่นอน แต่ขอว่าอย่าให้มีพวกที่ทำงานด้วยปาก แต่มือไม่พายมาป่วน มาเพิ่มภาระให้คนทำงานโดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมอีกก็แล้วกัน นายกฯ ยืนยันชัดเจนว่าจะดูแลเยียวยาประชาชนอย่างดีที่สุด งบประมาณตรงไหนขาด หรือจุดไหนมีปัญหาอย่างไรแจ้งนายกฯ มาได้เลย พร้อมจะพิจารณาอนุมัติให้ เพราะต้องการให้จบจริง และเราจะได้กลับมาพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และประชาชนก็จะได้กลับมาอยู่ดีกินดี ตรงนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้นายพิธาทนไม่ได้ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งกาจอยู่คนเดียว แนวคิดตัวเองดีอยู่คนเดียว เพราะปัญหาวิกฤติของประเทศขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดจากผู้นำ แต่เกิดจากแนวคิดของฝ่ายค้านอย่างนายพิธานี่แหละที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนแนวคิดตามกระแสโลก จนประชาชนเอือมระอากันหมดแล้ว
“หมดสภาพจริงๆ กับการที่จะหวังนายพิธาเป็นผู้นำประเทศในภายภาคหน้า เป็นความหวังที่ฝากอนาคตประเทศไม่ได้เลย เสียดายกับการเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่วิสัยทัศน์ยังกับน้องๆ อนุบาล ถ้าคิดอะไรไม่เป็นประโยชน์ไร้สาระ ก็ควรวางมือทางการเมืองหันไปทำอาชีพอื่นจะดีกว่าไหม” นายเสกสกล กล่าว