xs
xsm
sm
md
lg

คดีฆ่าผู้นำเฮติไม่คืบหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


ประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส แห่งประเทศเฮติ
สหรัฐฯ และโคลอมเบียได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและหน่วยข่าวกรองเข้าไปในประเทศเฮติเพื่อค้นหาต้นเหตุ และตัวการวางแผนในการสังหารประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส ในบ้านพักกลางดึกคืนวันพุธในสัปดาห์ก่อน ว่ามีเป้าหมายอย่างไร

การที่สหรัฐฯ และโคลอมเบียส่งทีมเข้าไปช่วยเหลือเฮติในการสืบสวนเป็นเพราะมีพลเมืองของทั้งสองประเทศตกเป็นผู้ต้องหาในการสังหารโมอิส และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติว่าการสืบสวนสอบสวนจะเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม

ช่วงแรกหลังจากเหตุร้าย ทางการเฮติได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ และสหประชาชาติได้ส่งกองกำลังเข้าไปรักษาความสงบ แต่ถูกปฏิเสธในเบื้องต้น ล่าสุดประธานาธิบดี โจ ไบเดน แสดงท่าทีว่าจะรับข้อเรียกร้องของรัฐบาลเฮติไว้พิจารณาว่าจะทำอย่างไร
 
การบุกเข้าไปสังหารในบ้านพักโดยกองกำลังทหารรับจ้างต่างชาติซึ่งมีอดีตทหารโคลอมเบีย 26 คนและสัญชาติอเมริกัน 2 คน ได้เป็นเรื่องลึกลับดำมืดเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง และหวังผลอะไร เพราะไม่ใช่เป็นการทำเพื่อรัฐประหาร

จากการสอบสวนเบื้องต้น ชาวอเมริกันทั้ง 2 นายให้การว่าได้รับงานเป็นล่ามให้กับกองกำลังทหารรับจ้าง เฮติพูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาท้องถิ่น ส่วนโคลอมเบียพูดภาษาสเปน ชาวอเมริกันทั้งคู่เป็นคนเชื้อชาติเฮติ และพูดภาษาท้องถิ่นได้

ที่น่าประหลาดใจก็คือไม่มีคนท้องถิ่นเข้าร่วมปฏิบัติการ ไม่มีใครถูกจับกุม ทำให้เกิดความสงสัยว่าการสังหารโมอิสนั้น ใครจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรงเพราะการเมืองของเฮติมีแต่ความขัดแย้งระหว่างนักการเมือง ความไม่ชัดเจนในกฎหมาย

ในกลุ่มผู้ถูกจับกุม ยังไม่มีใครยอมปริปากถึงเหตุผลของการสังหาร

โมอิส ซึ่งมีอายุ 53 ปีและเป็นอดีตพ่อค้าส่งออกกล้วยแสดงออกให้รู้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าของการลอบสังหาร จึงได้พยายามเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านพัก คืนวันถูกสังหารร่างกายของโมอิสพรุนไปด้วยกระสุน 16 นัด ไม่มีโอกาสรอด

ยังดีที่ภริยา มาร์ทีน โมอิส ไม่เสียชีวิต และถูกส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และอาการอยู่ในขั้นปลอดภัย และได้เล่าถึงเหตุการณ์คืนเกิดเหตุว่าเมื่อทีมสังหารบุกเข้าไป สามีเธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ส่งเสียงสักคำ

“ร่างกายของสามีฉันพรุนไปด้วยรูกระสุนปืน ถูกยิงโดยไม่ได้ตั้งตัว” เธอเล่า ก่อนหน้านี้สามีก็ระแคะระคายว่าจะถูกสังหาร เพราะการดำรงตำแหน่งตลอดกว่า 5 ปี เต็มไปด้วยความขัดแย้งและปัญหาสารพัด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
 
การปฏิบัติการโหดครั้งนี้มีทหารรับจ้าง 3 นายเสียชีวิตในช่วงการปะทะกับกองกำลังของเฮติ ที่เหลือถูกจับกุมตัวได้ อาจมีส่วนหนึ่งรอด หนีออกนอกประเทศ

จากการสืบสวนเบื้องต้น คาดว่ากลุ่มอดีตทหารโคลอมเบียได้เดินทางเข้าเฮติผ่านชายแดนกับประเทศโดมินิกัน รีพับลิก และมีอีกกลุ่มเดินทางเข้าออกเฮติก่อนหน้านี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการดูลาดเลาเพื่อปฏิบัติการสังหารโมอิส

ฝ่ายสืบสวนของเฮติเชื่อว่าทหารรับจ้างของโคลอมเบียต้องได้รับความร่วมมือจากคนท้องถิ่นด้านข่าวสาร การให้ที่พักพิง เงินทุนในการปฏิบัติการและอาวุธซึ่งมีจำนวนมากพอสำหรับกองกำลังรับจ้าง และต้องใช้เวลาในการวางแผนนาน

หน่วยงานของสหรัฐฯ ที่ส่งเข้าไปมีทั้งเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และจากกระทรวงความมั่นคงเพื่อมาตุภูมิ เพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนโคลอมเบียก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองและตำรวจพิเศษเข้าไปเพื่อช่วยเหลือด้านข้อมูลและสืบสวนเช่นกัน

นายกรัฐมนตรี โคลด โจเซฟ ปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่ได้ขอร้องให้สหรัฐฯ ส่งทหารเข้าไปเพื่อรักษาความสงบเพราะกองกำลังเฮติยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แม้ว่าประเทศเฮติยังคงเผชิญปัญหาและความวุ่นวายทางการเมืองสารพัด

ก่อนหน้าการสังหาร แต่ละวันมีการเดินขบวนเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งตัวโมอิสซึ่งเผชิญข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริต คอร์รัปชัน ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ลาออก ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรไม่อยู่ในสภาพที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ

โมอิสก็เป็นเป้าหมายของการโจมตีและถูกเรียกร้องไม่ให้อยู่ต่อในตำแหน่ง ฝ่ายค้านอ้างว่าวาระของโมอิสได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่โมอิสแย้งว่าตัวเองจะครบเทอมในปี 2022 เรื่องนี้เป็นเพราะการโต้แย้งเรื่องผลการเลือกตั้ง

อีกประเด็นของการถกเถียงคือการเริ่มนับการรับตำแหน่งนั้นควรเริ่มตั้งแต่วันชนะการเลือกตั้ง หรือวันเข้ารับตำแหน่ง โดยโมอิสอ้างอย่างหลังตามบทรัฐธรรมนูญ

หลังจากเข้ารับตำแหน่งโมอิสไม่ได้จัดการเลือกตั้งสำหรับหน่วยงานระดับท้องถิ่น ทั้งเทศบาลและระดับเมือง ทำให้สำนักงานขององค์กรต่างๆ รวมทั้งรัฐสภามีปัญหาตำแหน่งว่าง รัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากปัญหาความยากจนเรื้อรัง ยังมีวิกฤตด้านอาชญากรรมชุกชุม ความไม่สงบทางการเมืองเพราะยังต้องมีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาซึ่งส่วนหนึ่งได้ครบวาระ และยังมีประเด็นข้อขัดแย้งว่าปัจจุบันใครเป็นผู้มีอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่าน
 
เฮติจึงมีแต่ความวุ่นวายทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะความยากจน ก่อนหน้านี้พายุเฮอริเคนได้พัดเข้ากลางประเทศซึ่งมีประชากร 11 ล้านคน สร้างความเสียหายมหาศาลประชาชนจำนวนมากไร้ที่อาศัย รัฐขาดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ

การระบาดของโควิด-19 ได้ซ้ำเติมสภาพลำบากของเฮติซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศซึ่งยังไม่ได้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค รัฐบาลได้ขอความช่วยเหลือจากนานาชาติช่วยบริจาควัคซีน อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสหรัฐฯ จะจัดส่งให้สัปดาห์นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น