ประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส แห่งเฮติ ถูกกลุ่มมือปืนใช้อาวุธลำกล้องใหญ่ยิงเสียชีวิตในบ้านพักส่วนตัวในค่ำคืนวันพุธ (7 ก.ค.) โหมกระพือเสียงเดือดดาลจากนานาชาติ ท่ามกลางความกังวลว่าประเทศยากจนในแถบแคริบเบียนแห่งนี้อาจดำดิ่งสู่ความโกลาหล
เหตุลอบสังหารซึ่งเรียกเสียงประณามจากสหรัฐฯ และบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน มีขึ้นตามหลังเหตุความรุนแรงจากฝีมือแก๊งต่างๆ ในกรุงปอร์โตแปงซ์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีต้นตอจากวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า เขารู้สึกช็อกต่อการลอบสังหารอันชั่วร้าย ซึ่งปลิดชีพประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส ส่วนมาร์ทีน ภรรยาของประธานาธิบดีได้รับบาดเจ็บ
"เราขอประณามการโจมตีอันชั่วร้ายนี้ และผมขอส่งความปรารถนาดีด้วยความจริงใจ ภาวนาให้สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของโมอิส ฟื้นตัวโดยเร็ว" ไบเดนระบุในถ้อยแถลง "สหรัฐฯ ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนชาวเฮติและเราพร้อมช่วยเหลือ และเราจะเดินหน้าทำงานเพื่อความปลอดภัยและคุ้มครองเฮติ"
"เราจำเป็นต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม แต่มันน่ากังวลอย่างมากกี่ยวกับสถานะของเฮติ" ไบเดน บอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
โคล้ด โจเซฟ รักษาการนายกรัฐมนตรีแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ หลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อเปิดฉากไล่ล่าพวกมือสังหาร ขณะที่เจ้าหน้าที่ในประเทศแห่งนี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศสและครีโอลเฮติ บอกว่ากลุ่มมือปืนพูดอังกฤษและสเปน ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วย
"เพื่อนร่วมชาติของผม จงอยู่ในความสงบเพราะสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว" โจเซฟกล่าว "มันสร้างความเจ็บปวดแก่ประเทศแห่งนี้ แต่มันจะไม่ถูกปล่อยให้ลอยนวลโดยไม่ถูกลงโทษ"
มาร์ทีน โมอิส ภรรยาของประธานาธิบดี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บในเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นตอนประมาณ 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 12.00 น.) ที่บ้านพักส่วนตัวของประธานาธิบดี ในแถบภูเขาที่อยู่เหนือกรุงปอร์โตแปงซ์ ขณะที่เอกอัครราชทูตเฮติประจำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สุภาพสตรีหมายเลข 1 อาการสาหัสและเวลานี้กำลังพยายามพาตัวเธอมารักษาตัวในไมอามี
ในวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ไม่ยืนยันว่าเป็นของจริงหรือไม่ พบเห็นกลุ่มมือปืนตะโกนว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration : DEA) ตอนที่พวกเขาเข้าไปในบ้านพักโมอิสในยามค่ำคืน ก่อนเสียงปืนดังปะทุขึ้น
บ็อคชิต เอดมอนด์ เอกอัครราชทูตเฮติประจำสหรัฐฯ ยืนยันว่า กลุ่มมือปืนแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ พร้อมให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่เฮติยินดีรับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงจากอเมริกาตามหลังเหตุลอบสังหารประธานาธิบดี
แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่าสำนักงานปราบปรามยาเสพติดอเมริกาไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุลอบสังหารในครั้งนี้
ประชาชนจำนวนมากในเฮติ ต้องการให้โมอิสออกจากตำแหน่ง โดยนับตั้งแต่ก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีในปี 2017 เขาเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกและการประท้วงใหญ่หลายต่อหลายครั้ง เบื้องต้น มาจากข้อกล่าวหาคอร์รัปชันและการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด จากนั้นก็เป็นการต่อต้านความพยายามยกระดับกระชับอำนาจของเขา
โจเซฟ บอกว่า ตำรวจและทหารควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แม้กองกำลังด้านความมั่นคงของเฮติถูกมองอย่างกว้างขวางว่ามีกำลังพลจำนวนน้อยและขาดแคลนอาวุธยุทโธปกรณ์เมื่อเทียบเทียบกับแก๊งทรงอิทธิพลต่างๆ ตำรวจหลายนายเสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในความพยายามทวงคืนอาณาเขตที่ถูกกลุ่มกองโจรติดอาวุธหนักยึดไป
ท้องถนนในเมืองหลวงที่ปกติแล้วจะพลุกพล่าน ตกอยู่ในสภาพเวิ้งว้างในตอนเช้าวันพุธ (7 ก.ค.) หลังเหตุโจมตีและเหตุปะทะประปรายเมื่อคืนที่ผ่านมา ธุรกิจทั้งหมดต่างพากันปิดบริการ เช่นเดียวกับสนามบินนานาชาติปอร์โตแปงซ์
ด้วยการเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายของเฮติและผู้คนในประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับความหิวโหยหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความกังวลว่าสถานการณ์ความยุ่งเหยิงอาจลุกลามบานปลาย กระตุ้นให้สาธารณรัฐโดมินิกันชาติเพื่อนบ้าน สั่งปิดชายแดนร่วมกับเฮติบนเกาะฮิสปันโยลา ยกเว้นแต่พลเมืองที่เดินทางกลับประเทศ พร้อมทั้งยกระดับรักษาความปลอดภัย
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแสดงความรู้สึกช็อกและเสียใจต่อการตายของโมอิส ก่อการประชุมลับในวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) ตามคำร้องขอของสหรัฐฯ และเม็กซิโก เพื่อประเมินสถานการณ์ในเฮติ
เหตุลอบสังหารโมอิส มีขึ้นท่ามกลางสุญญากาศทางอำนาจ เขาปกครองประเทศภายใต้กฤษฎีกามานานกว่า 1 ปี หลังจากเฮติล้มเหลวในการจัดศึกเลือกตั้งทั่วไป และในสัปดาห์นี้เพิ่งแต่งตั้ง เจเซฟ ซึ่งยังไม่ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ให้ก้าวมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ประธานศาลสูงสุดก็เพิ่งเสียชีวิตจากโควิด-19 เมื่อเดือนที่แล้ว และยังไม่มีการแต่งตั้งผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน
ประกาศรัฐกิจจานุเบกษาเมื่อวันพุธ (7 ก.ค.) ระบุว่า นายกรัฐมตรีและคณะรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอำนาจบริหารไปจนกว่ามีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ ตามกรอบรัฐธรมนูญของเฮติ
เมื่อไม่นานนี้ เฮติ เผชิญกับการลักพาตัวและความรุนแรงของแก๊งอาชญากรรม โดยเฉพาะในเมืองหลวง ซึ่งมีเขตที่ห้ามเข้าหลายเขต
ความไร้เสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง ความเป็นเผด็จการ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้เฮติ ซึ่งมีประชากร 10.2 ล้านคน เป็นหนึ่งในชาติที่ยากจนที่สุดในทวีปอเมริกา
มาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ที่เลวร้ายลง ทำให้คนเกือบ 60% ของประเทศมีชีวิตอยู่ภายใต้เส้นความยากจน
แผ่นดินไหวปี 2010 ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200,000 คน และทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจของประเทศอย่างหนัก
กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ได้เข้ามาประจำการในเฮติในปี 2004 เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของประเทศ และเพิ่งถอนกำลังออกไปเมื่อปี 2017 แต่ความวุ่นวายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง
(ที่มา : รอยเตอร์/บีบีซี)