สถานการณ์ในพม่ายังคงมีการลอบโจมตีกันประปรายระหว่างกองกำลังต่อต้านรัฐบาลพลเอกมิน อ่อง หล่าย และกองกำลังของประชาชนซึ่งได้รวมตัวกันต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ พร้อมได้รับความช่วยเหลือจากกองกำลังติดอาวุธของชนเผ่าต่างๆ
การปฏิบัติการครั้งใหญ่ล่าสุด มีกองกำลังของประชาชนเสียชีวิต 25 ราย และบาดเจ็บหลายรายเมื่อทหารพม่า 150 นายพร้อมการสนับสนุนด้วยอาวุธหนักและปืนใหญ่ได้ถล่มหมู่บ้านตะบายินในพื้นที่สกาย สร้างความเสียหายมาก
ประชาชนหลายหมู่บ้านในพื้นที่สกายต้องรีบทิ้งบ้านอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยเพราะทหารพม่ากวาดล้างและจับกุมชาวบ้านผู้ถูกสงสัยว่ามีการสนับสนุน ส่งเสบียงอาหารให้ชาวบ้านซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธปฏิบัติการในหลายพื้นที่
การปะทะกันในหมู่บ้านสัตพยาขยิ่นในพื้นที่สกายนับเป็นครั้งใหญ่ แต่กองกำลังป้องกันตนเองหรือ PDF มีเพียงอาวุธปืนธรรมดา จึงประสบความเสียหายหนัก
ประชาชนหลายพันคนใน 11 หมู่บ้านต่างหนีตายเพราะโดนถล่มด้วยอาวุธหนัก ไม่มีเวลาเอาอาหารหรือสิ่งของจำเป็นและยารักษาโรคไปได้ ทำให้เกิดการขาดแคลนอย่างหนักในกลุ่มประชาชนผู้เป็นเหยื่อของสงครามกลางเมืองพม่า
หมู่บ้านตาบายินเคยเป็นพื้นที่ซึ่งกลุ่มอันธพาลการเมืองเลี้ยงดูโดยทหารได้เข้าโจมตีขบวนของพรรคเอ็นแอลดีในปี 2003 และสังหารหมู่ประชาชนกว่า 70 ราย ทำให้นางอองซาน ซูจีหลบหนีไปได้ แต่ผลสุดท้ายถูกควบคุมตัวในบ้านนาน 15 ปี
ที่ผ่านมา กองกำลังติดอาวุธจัดตั้งโดยกองทัพพม่า ก็ออกล่าตระเวนทำร้ายและสังหารฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และกลุ่มที่ยังคงจงรักภักดีต่อนางอองซาน ซูจี ซึ่งยังถูกกักตัวด้วยข้อหาทุจริต และข้อหาอื่นๆ สารพัดตั้งโดยรัฐบาลทหาร
การต่อต้านของประชาชนมีทุกรูปแบบ ทั้งการลอบสังหารข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และพวกสอดแนมแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มตรงข้ามรัฐบาล การลอบโจมตีวางระเบิดตามจุดต่างๆ ที่ทำการของเจ้าหน้าที่ยังคงมีอยู่แทบทุกวัน
แต่ฝ่ายประชาชนก็เสี่ยงตายเช่นกัน สัปดาห์ที่ผ่านมา 2 สามีภรรยาเพิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัวถูกกลุ่มคนไม่ทราบฝ่ายสังหารภายในบ้านโดยอ้างว่าทั้งคู่เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองของนางอองซาน ซูจี ไม่มีฝ่ายใดประกาศรับว่าเป็นผลงาน
U Moe Hein อายุ 50 ปี เป็นคนสอนกวดวิชาและสมาชิกประจำเมืองของพรรคเอ็นแอลดี พร้อมภรรยา Ma Su Su ได้ถูกยิงตายในบ้าน กลุ่มมือสังหารได้ค้นบ้านหาของมีค่าอย่างใจเย็น และยึดโทรศัพท์มือถือ ไม่สนใจสายตาของเพื่อนบ้านของทั้งคู่
ก่อนหน้านั้น 1 วัน พลเรือนอดีตสมาชิกของพรรคเอ็นแอลดีได้ถูกทหารทรมานและซ้อมจนเสียชีวิตขณะที่ถูกควบคุมตัว โดยข้อหาว่าแช่งด่าผู้นำประเทศ
วันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบวันเกิดของพลเอกมิน อ่อง หล่าย แต่ประชาชนเกือบทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ได้เผาโลงศพพร้อมรูปของผู้นำเผด็จการ พร้อมคำแช่งด่าประณาม แทนคำอวยพรวันเกิด
เป็นที่ทราบกันดีว่าพลเอกมิน อ่อง หล่ายและภริยาเป็นผู้เชื่อถือในโชคลาง ดังนั้นคำแช่งด่าของประชาชนน่าจะทำให้ทั้งคู่รู้สึกสยองใจไม่น้อย ผู้นำคนก่อน คือพลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ก็ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันในช่วงครบรอบวันเกิด
พลเอกมิน อ่อง หล่าย ไม่ได้จัดงานเลี้ยงเอิกเกริก สำหรับวันครบรอบ 65 ปี การชุมนุมเผาโลงศพ ภาพถ่าย คำแช่งด่า เช่น “ขอให้ตายไวๆ นะ” และ “ขอให้วันเกิดกลายเป็นวันตายด้วย” เป็นทางออกสำหรับการระบายความเกลียดชังผู้นำ
วันเดียวกันสหรัฐฯ ก็ประกาศคว่ำบาตรคุณนายของพลเอกมิน อ่อง หล่าย รวมทั้งคนใกล้ชิดผู้นำ รวมทั้งบริษัทของจีนซึ่งทำกิจกรรมในพม่าด้วย นั่นยิ่งทำให้รัฐบาลต้องเร่งหาเงินตราต่างประเทศให้มากที่สุดเพื่อจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศ
ความโกรธแค้นที่ประชาชนแสดงออกต่อผู้นำกองทัพแตกต่างจากวันครบรอบวันเกิดของนางอองซาน ซูจี ช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น เมื่อครบวาระ 76 ปี มีแต่คนส่งคำอวยพรพร้อมคำกล่าว “ขอให้กลับมาไวๆ นะคุณแม่” “ขอให้มีสุขภาพดี”
กองทัพจะจัดประมูลขายแคโทดทองแดง ซึ่งเป็นทองแดงมีความบริสุทธิ์ 99.95 เปอร์เซ็นต์ 5,008 ตัน ซึ่งคาดว่าจะได้เงิน 51 ล้านดอลลาร์ ในวันที่ 21 เดือนนี้โดยใช้ราคาผ่านของ London Metal Exchange หรือตลาดซื้อขายโลหะลอนดอน
นอกจากนั้นยังจะประกาศขายแร่ต่างๆ จำนวนกว่า 2 แสนตัน แร่ตะกั่วและแร่พลวงจากเหมืองในหลายพื้นที่ ซึ่งผู้ซื้อน่าจะเป็นพ่อค้าจากจีน เพราะพม่าถูกโลกตะวันตกคว่ำบาตรอยู่ ไม่สามารถทำการค้ากับยุโรปและสหรัฐฯ ได้
ท่ามกลางความไม่สงบหลังจากการรัฐประหารวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พม่ายังได้เผชิญกับการระบาดอย่างหนักของเชื้อโควิด-19 มียอดผู้ติดเชื้อกว่า 1.6 แสนราย ทั้งชาวบ้าน ทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่การป้องกันไม่เพียงพอ
โรงพยาบาลขาดแคลนแทบทุกอย่างเมื่อบุคลากรทางการแพทย์ผละงานเข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืนต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ ทำให้ปัญหาเลวร้ายกว่าเดิม รัฐบาลได้ประกาศล็อกดาวน์ในหลายเมืองทั้งย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และสกาย
ล่าสุดมีรายงานว่านายตำรวจซึ่งได้ฝึกอบรมเพื่อเลื่อนตำแหน่งในย่างกุ้งได้ติดเชื้อรวมกัน 150 นาย ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ เฉพาะนายตำรวจยศร้อยโทเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นร้อยเอกมีมากถึง 120 นาย