ตำรวจเฮติยืนยันวิสามัญผู้ต้องสงสัย 4 คนในเหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส และจับกุมได้เพิ่มเติมเป็น 6 คน ในนั้น 2 รายเป็นพลเมืองอเมริกันเชื้อสายเฮติ จากการเเปิดเผยของรัฐมนตรีรายหนึ่งในวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตามล่าพวกผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเหตุลอบสังหารที่สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนในประเทศยากจนแถบแคริบเบียนแห่งนี้และทั่วโลก
โมอิส วัย 53 ปี ถูกยิงเสียชีวิตในช่วงเช้ามืดของวันพุธ (7 ก.ค.) ภายในบ้านพักส่วนตัว ในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า น่าจะเป็นหน่วยจู่โจมและมือสังหารต่างชาติที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ผลักประเทศยากที่สุดในทวีปอเมริกาแห่งนี้เข้าสู่ความยุ่งเหยิงท่ามกลางความแตกแยกทางการเมือง ความหิวโหยและความรุนแรงจากแก๊งทรงอิทธิพลต่างๆ
ลีออน ชาร์ลส์ ผู้บัญชาการตำรวจแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ในวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) ว่าเจ้าหน้าที่ไล่ตามพวกผู้ต้องสงสัยมือสังหารไปถึงบ้านหลังหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุฆาตกรรมในย่านเปชิยงวีล เนินเขาทางทิศเหนือของกรุงปอร์โตแปงซ์
เกิดการปะทะกันดุเดือดยาวนานลากยาวเข้าสู่ช่วงค่ำวันพุธ (7 ก.ค.) จนกระทั่งสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 6 คน และเก็บกู้ร่างไว้วิญญาณของผู้ต้องสงสัยได้ 4 ศพ และนับตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) พวกเจ้าหน้าที่ถูกส่งเข้าลาดตระเวนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเข้มข้น
"เราได้ตัวพวกที่ลงมือแล้ว ตอนนี้เรากำลังตามล่าพวกผู้บงการ" ชาร์ลส์ กล่าว
แมทธิอัส ปิแอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเลือกตั้งของเฮติ เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า มีคนอเมริกันเชื้อสายเฮติ 2 ราย อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ถูกควบคุมตัว หนึ่งในนั้นคือ เจมส์ โซเลจส์ พลเมืองสหรัฐฯ พื้นเพเฮติ อดีตเจ้าหน้าที่คุ้มกันสถานทูตแคนาดาในกรุงปอร์โตแปรงซ์ แต่ไม่เปิดเผยว่าชาวอเมริกันอีกคนเป็นใคร
ในเว็บไซต์เพื่อการกุศลที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนที่รัฐฟลอริดา โซเลจส์ เรียกตัวเองว่า “เจ้าหน้าที่ด้านการทูตผู้ผ่านการรับรอง” และยังเป็นที่ปรึกษาสำหรับเด็กและเป็นนักการเมือง และเขายังระบุว่า เคยทำงานเป็นบอดีการ์ดที่สถานทูตแคนาดาประจำเฮติด้วย ตามรายงานของสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าพวกเขาติดต่อกับเจ้าหน้าที่เฮติอย่างต่อเนื่อง ในนั้นรวมถึงพวกเจ้าหน้าที่สืบสวน เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางที่สหรัฐฯ จะมอบความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ยืนยันว่ามีพลเมืองอเมริกาอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุม
เจ้าหน้าที่เฮติซึ่งส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาครีโอล เปิดเผยเมื่อวันพุธ (7 ก.ค.) ดูเหมือนมือสังหารจะพูดภาษาอังกฤษและสเปน
กลุ่มชาวบ้านได้มารวมตัวกันในตอนเช้าวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) เฝ้าดูปฏิบัติการของตำรวจ บางส่วนจุดไฟเผารถยนต์ของพวกผู้ต้องสงสัยและบ้านที่พวกเขาเข้าไปหลบซ่อน และพบเห็นกระสุนตกเกลื่อนกระจัดกระจายบนถนน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า มีผู้ต้องสงสัย 2 คนถูกฝูงชนพบเห็นกำลังหลบอยู่ในพุ่มไม้ภายในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ก่อนที่ประชาชนจะเข้าไปรุมทำร้ายชายทั้ง 2 คน จากนั้นตำรวจจึงเดินทางมาถึง และพาตัวผู้ต้องสงสัยไปสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ โดยมีฝูงชนหลายร้อยคนตามมาด้วย พร้อมตะโกน "เผาพวกเขาซะ" กล่าวหาว่าชายที่ถูกจับเป็นผู้สังหารประธานาธิบดี
ชาร์ลส์ ระบุว่า ชาวบ้านสามารถช่วยตำรวจในการล่าตัวผู้ต้องสงสัย แต่วิงวอนประชาชนว่าอย่าได้ตัดสินและลงทัณฑ์ผู้อื่นโดยพลการ
ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 16 วันในวันพุธ (7 ก.ค.) เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตามล่าตัวมือสังหาร แต่โคล้ด โจเซฟ รักษาการนายกรัฐมนตรีระบุในวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) ว่าเป็นเวลาที่ต้องเปิดเศรษฐกิจ และเขาสั่งการให้สนามบินกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง
จนถึงตอนนี้พวกเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ระบุถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุของคนร้าย ทว่า นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2017 โมอิส เผชิญการประท้วงใหญ่หลายต่อหลายครั้งต่อต้านการปกครองของเขา โดยแรกๆ เป็นการชุมนุมเกี่ยวกับคำครหาคอร์รัปชันและการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด จากนั้นก็เป็นการประท้วงต่อต้านความพยายามกระชับอำนาจของเขา
(ที่มา : รอยเตอร์/เอพี/วอยซ์ออฟอเมริกา)