รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวานนี้(7 ก.ค)ยื่นฟ้องทางกฎหมายต่อกูเกิลและบริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเหล่านั้นในข้อหาเซ็นเซอร์ไม่เป็นธรรมต่อความเห็นเสียงการเมืองคอนเซอร์เวตีฟของสหรัฐฯ
รอยเตอร์รายงานวันนี้(8 ก.ค)ว่า การยื่นฟ้องเกิดขึ้นที่ศาลแขวงรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา โดยในคำฟ้องของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ บริษัทโซเชียลมีเดียชื่อดังได้แก่ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก รวมไปถึงกูเกิล ที่มีฐานอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียละเมิดต่อเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นซึ่งถูกระบุให้อยู่ในสิทธิพลเมืองสหรัฐฯฉบับแก้ไขข้อ 1 ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ
รอยเตอร์ระบุว่า ทรัมป์ต้องการหาเจ้าทุกข์จำนวนมากที่ประสบปัญหาเดียวกัน(class action status)สำหรับการดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าเขาจะเป็นตัวแทนผู้ใช้คนอื่นๆในทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และยูทูบที่มีบริษัทกูเกิลเป็นเจ้าของที่ระบุว่า คนเหล่านี้ถูกปิดปากโดยไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้ยังพบว่าทรัมป์ได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายที่คล้ายคลึงกัน 3 คดีโดยแต่ละคดีจะเป็นการดำเนินคดีบริษัทและซีอีโอของแต่ละบริษัทได้แก่ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก แจ็ค ดอร์ซีย์ และต่อซันดาร์ พิชัยจากบริษัทกูเกิล
“เราจะประสบความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์สำหรับเสรีภาพของคนอเมริกันและในเวลาเดียวกันต่อเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น” ทรัมป์กล่าวในงานแถลงข่าวที่ถูกจัดขึ้นภายในสนามกอล์ฟของตัวเองในเมืองเบดมินสเตอร์(Bedminster) รัฐนิวเจอร์ซีย์
อดีตผู้นำสหรัฐฯถูกสั่งแบนแอกเคาน์โดยสิ้นเชิงเมื่อต้นปีนี้หลังบริษัททั้งหมดระบุว่า เขาละเมิดนโยบายของบริษัทในด้านความรุนแรงเกิดขึ้นหลังผู้สนับสนุนจำนวนมากของทรัมป์บุกเข้าไปยังรัฐสภาสหรัฐฯในวันที่ 6 ม.ค เกิดขึ้นจากที่ทรัมป์ได้ประกาศยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า การที่เขาแพ้การเลือกตั้งเนื่องมาจากมีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ทว่าคำกล่าวนั้นถูกปฎิเสธโดยศาลยุติธรรมสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งประจำรัฐ และสมาชิกร่วมรัฐบาลของเขาเอง รอยเตอร์ชี้
คำฟ้องขอให้ศาลสั่งให้กฎหมาย Communications Decency Act ในส่วนของเซ็กชั่น 230 เป็นโมฆะ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ถือว่าเป็นกระดูกสันหลังของอินเตอร์เนตเพราะเป็นกฎหมายที่ให้หลักประกันการปกป้องต่อเว็บไซต์จากความผิดต่อเนื้อหาที่ถูกโพสต์โดยยูสเซอร์
ทรัมป์และผู้ที่ไม่เห็นด้วยต่อเซ็กชั่น 230 ได้กล่าวว่า สิ่งนี้ให้การคุ้มกันทางกฎหมายต่อบริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เนตมากเกินไป และทำให้คนเหล่านี้สามารถหลบหนีต่อความรับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม พอล โกว์เดอร์ (Paul Gowder) ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายประจำมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสต์เทิร์นแสดงความเห็นว่า “คำร้องนี้มันไม่มีเหตุผลโดยสิ้นเชิง”
ซึ่งในงานแถลงข่าวของทรัมป์ บีบีซีรายงานกล่าวว่า “ทางเรากำลังรณรงค์เรียกร้องให้ยุติการแบนในเงามืด หยุดการปิดปาก หยุดการแบล็กลิสต์ ยุติการขับไล่ และยกเลิกสิ่งที่พวกคุณรู้กันเป็นอย่างดี”
สื่ออังกฤษชี้ว่า ทรัมป์ต้องการให้ศาลออกคำสั่งยุติการเซ็นเซอร์ผิดกฎหมายเหล่านี้ โดยชี้ว่า “หากว่าพวกเขาสามารถแบนประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ พวกเขาสามารถทำได้กับทุกคน”
ทั้งนี้นับตั้งแต่อดีตผู้นำสหรัฐฯถูกสั่งห้ามโพสต์ทางโซเชียลมีเดียทำให้เขาไม่สามารถมีช่องทางติดต่อกับสาธารณะโดยตรงได้เหมือนในอดีต และหลังจากถูกสั่งแบนไปทรัมป์พยายามที่จะหาทางเปิดช่องทางการสื่อสารของตัวเองแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก